บทที่ 3 คุณแม่วาวา
ปี ค.ศ.1989
คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ และคณะมุขมนตรี ได้ผ่านระเบียบว่าด้วยการก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเมืองเซินเจิ้น ในมณฑลกวางตุ้ง ทางภาคใต้ของจีนเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งแรก เป็นจุดสาธิตทดลองนโยบายปฏิรูปของท่านผู้นำ และดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศ
ในห้องนอนของบ้านเก่า ๆ ขนาดกลางไม่เล็กไม่ใหญ่ตรงตรอกท้ายสุดของถนน
“คุณแม่ฟื้นแล้ว”
เสียงร้องที่เปล่งออกมาด้วยความดีใจทำให้เหอวาวารีบ กระเด้งตัวขึ้นมานั่ง รอบตัวของเธอมีเด็กถึงสามคนยืนล้อมรอบเตียงที่เธอนอนอยู่ ทางด้านขวาเป็นเด็กชายหน้าตาละม้ายคล้ายกัน เพียงมองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นฝาแฝด ส่วนทางด้านซ้ายเป็นเด็กหญิงตัวอวบอ้วน ผิวขาวอมชมพู ยืนเอามือเกาะขอบเตียงมองแม่ของเธอตาใส
“คุณแม่” เด็กหญิงคนเล็กเห็นแม่ลุกขึ้นนั่งก็ส่งเสียงร้องออกไปบ้าง
คนที่เพิ่งตื่นขึ้นมารู้สึกตกตะลึงที่ได้ยินเด็กเหล่านั้นเรียกตัวเองว่าแม่
“คุณแม่ฟื้นแล้ว พ่อคร้าบ รีบมาดูคุณแม่เร็ว ๆ เข้า” แฝดพี่ กู้ลี่หยาง เด็กน้อยอายุห้าขวบ รีบหันหน้าออกไปทางประตูแล้วตะโกนเรียกพ่อที่อยู่ข้างนอกเสียงดัง
กู้จินเหอที่จัดบ้านอยู่ห้องถัดไปรีบวางของไว้บนโต๊ะก่อนจะวิ่งเข้ามาดูภรรยาที่นั่งทำหน้ามึนงงสงสัยอยู่บนเตียงในห้องนอน ภรรยาของเขาเป็นลมล้มลงไป อาจเพราะเหนื่อยจากการที่ต้องย้ายที่อยู่จากบ้านหลังใหญ่ มาอยู่ที่บ้านหลังใหม่ ซึ่งจะว่าเป็นบ้านก็ไม่ใช่จะว่าเป็นตึกก็ไม่เชิง ซึ่งมันก็เบียดเสียด ทรุดโทรมและคับแคบ ทั้งยังเหม็นอับอีกด้วย
ใช่ว่าแม่ใหญ่จะมีน้ำใจอะไรที่มอบบ้านหลังนี้ให้ เพราะไม่ยอมเสียหน้าต่างหาก หากมีคนเอาเรื่องนี้ไปนินทา คนที่รักหน้าตายิ่งกว่าชีวิตจึงไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นอย่างแน่นอน บ้านนี้เกือบถือได้ว่าเป็นบ้านร้าง เขาและภรรยาต้องเก็บกวาดทำความสะอาดกันขนานใหญ่เลยทีเดียว
“วาวา คุณเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง เห็นคุณล้มลงไปอย่างนั้นผมใจหาย ทำอะไรไม่ถูกเลย” กู้จินเหอเอ่ยถามภรรยาด้วยน้ำเสียงร้อนรน พลางจับร่างกายของคนบนเตียงไปมาอยู่สองสามที
คนที่ถูกเรียกชื่อตัวเองทั้งที่ไม่ได้อยู่ในร่างเดิม รู้สึกตกใจไม่น้อย หันไปมองรอบตัว นี่เธอกลายเป็นคุณแม่ลูกสาม มิหนำซ้ำยังมีสามีหนุ่มรูปหล่อซึ่งแสดงสีหน้าเป็นห่วงอย่างสุดซึ้งอยู่ข้างๆ เหรอ วาวาเริ่มทบทวนว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากที่กินเกี๊ยวอร่อยเหาะ อร่อยมากจนลืมเคี้ยวกระเดือกมันลงมาทั้งชิ้น แล้วดันติดคอตาย สุดท้ายมาโผล่ในร่างของผู้หญิงที่เป็นแม่ลูกสาม ช่างมหัศจรรย์จริง ๆ
หรือเพราะนี่คือคำอธิษฐาน?
“สีหน้าคุณดูซีดมากเลยนะ ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า อยากดื่มน้ำไหม เดี๋ยวผมจะไปเอามาให้” กู้จินเหอ รีบเอ่ยถามภรรยาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าคนป่วยไม่ยอมตอบคำถามของเขาแม้แต่คำเดียว ยังคงนั่งนิ่ง แววตาสับสน สีหน้าเดี๋ยวซีดเดี๋ยวแดง
วาวาได้ยินคำถามจากชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลากำลังแสดงถึงความห่วงใยก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ
“คุณเป็นใครกัน”
“โธ่เอ๊ย วาวา คุณล้มหัวฟาดไปครั้งเดียวถึงกับฟื้นมาจำสามีตัวเองไม่ได้เชียวหรือ ผมเอง กู้จินเหอ”
วาวาทำท่าพยักหน้าเข้าใจ ทั้งที่จริงเธอก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร เดาเอาว่าน่าจะเป็นสามีจริงอย่างที่เขาบอก เพราะมองดูหน้าเด็ก ๆ ที่ยืนอยู่รอบเตียงก็มีส่วนคล้ายคลึงเขาอย่างกับชายหนุ่มย่อส่วน
“คือที่นี่ เป็นบ้านของฉันหรือคะ”
“คุณถามอะไรผมแปลกๆ อย่าเสียใจไปเลยแม่ใหญ่เขาก็เป็นแบบนั้น เอาไว้ให้พวกเราตั้งเนื้อตั้งตัวได้ ผมว่าเดี๋ยวท่านก็ดีกับพวกเราเองนั่นแหละ”
ความทรงจำบางอย่างซึ่งยังหลงเหลืออยู่ในตัวของวาวามันคือความทรงจำอันแสนหดหู่ เพราะว่ากู้จินเหอสามีของเธอเป็นลูกชายคนรองของบ้านและยังเป็นเพียงลูกบุญธรรม จึงไม่ได้รับความรัก ความโปรดปรานเท่าพี่ชายคนโต หรือน้องชายคนเล็กซึ่งเป็นลูกแท้ ๆ ของแม่ใหญ่
ดังนั้นเธอที่เป็นสะใภ้รองก็พลอยลำบากไปด้วย พอพ่อบุญธรรมของกู้จินเหอเสียชีวิตลง แม่ใหญ่ก็ไม่รอช้าที่จะไล่ครอบครัวของลูกบุญธรรมออกจากบ้าน ไม่ได้มีความเห็นใจว่าครอบครัวที่มีเด็กเล็กขนาดนี้ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีเพียงใด จะลำบากมากแค่ไหน
กู้จินเหอถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ลูกบุญธรรมของตระกูลกู้ แต่ก็ยังได้เล่าเรียนหนังสือ เพราะตระกูลกู้ถือว่ามีฐานะดีตระกูลหนึ่ง กู้จินเหอเป็นลูกชายของมือขวาคนสนิทที่ปกป้องนายท่านตระกูลกู้จนตัวตายจากเหตุการณ์ปล้นชิงทรัพย์ นายท่านกู้จึงได้รับลูกชายของคนสนิทเป็นลูกบุญธรรม ให้การศึกษาเล่าเรียนและชีวิตที่ดีระดับหนึ่ง ทว่าก็ยังด้อยกว่าลูกตนเอง ด้วยไม่มีปากเสียงกับภรรยานั่นเอง
กู้จินเหอไม่ใช่คนฉลาด แต่เป็นคนที่จิตใจดี มีความอดทนสูง ทั้งที่รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกจริง ๆ ก็สำนึกในบุญคุณ ยอมอยู่ใต้พี่ชายและน้องชายมาตลอด เมื่อแต่งงานมีภรรยาเหอวาวาที่รักสามีก็ยอมแม่สามีตลอดมาเช่นกัน
บ้านที่มอบให้มาตอนไล่ออกจากบ้านก็แค่ป้องกันเสียงนินทาจากคนอื่นเท่านั้น มันทั้งเก่า ทรุดโทรม รกร้าง และอยู่ในตรอกลึกอย่างนี้
“ช่างพวกเขาเถอะ ดีแล้วที่ออกมาได้ แค่เรื่องทำมาหากินมันจะยากสักแค่ไหนกันเชียว” วาว่าเอ่ยขึ้นปลอบใจทั้งตนเองและสามี คนที่สู้ชีวิตมาตั้งหลายปี เพียงเท่านี้จะกลัวอะไร
วาวาลุกจากเตียงเพียงแต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ทำท่าจะล้มลงไปอีกครั้ง โชคดีที่กู้จินเหอเข้ามาประคองไว้ได้ทัน จิตวิญญาณหญิงยุคสองพันที่อยู่ในร่างของหญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นตกตะลึง เนื่องจากในชาติที่แล้วก็ไม่เคยมีแฟน ทว่ามาตอนนี้เธอกลับมีสามีเป็นหนุ่มรูปหล่อ คอยเอาอกเอาใจ มันช่างเหมือนกับตายแล้วมาเกิดใหม่บนสวรรค์เสียจริง
“ดูคุณสิยังไม่มีแรงแม้แต่จะยืน แล้วจะลุกไปไหน มา... ผมจะอุ้มคุณไปที่เตียงแล้วให้นอนพักอีกสักหน่อย งานที่เหลือเดี๋ยวผมจะจัดการเองทั้งหมด”
จินเหอพูดจบก็ช้อนแขนทั้งสองข้างเข้าใต้ร่างของภรรยา ก่อนจะพาวาวากลับไปนอนอยู่บนเตียงอีกครั้ง ลูก ๆ ของเธอทั้งสามคนก็รีบเดินตามมาเพื่อจะปรนนิบัติ