บท
ตั้งค่า

บทที่ 11 มหัศจรรย์คุณแม่คนใหม่

หนึ่ง สอง สาม เหอวาวานับเลขในใจแล้วกลั้นใจส่งชิ้นเนื้อเป็ดเข้าปาก คุณแม่ลูกสามตั้งใจจะไม่เคี้ยวชิ้นเนื้อ โดยจะกลืนลงท้องไปทันที ทว่าลิ้นขั้นเทพของเธอมันกลับจับสัมผัสรสชาติอาหารอันแสนไม่น่าพิสมัยได้ทันควัน ครั้งนี้สิ่งที่ตั้งใจไว้ล้มเหลวไม่เป็นท่า เธอไม่สามารถกลืนมันลงท้องไปโดยไม่เคี้ยวได้ ในเมื่อสุดท้ายทนไม่ไหว

เหอวาวาจึงได้พ่นอาหารออกมาต่อหน้าต่อตาของจินเหอ ก่อนที่จะหยิบแก้วน้ำดื่มมาดื่มล้างปากจนหมดแก้ว พร้อมกับตะโกนออกมาหลังจากที่วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะแล้ว

“จินเหอ ฉันรักคุณ ลูกๆ ก็รักคุณนะคะ แต่ว่าฉันจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว ถ้าขืนฉันกับลูกยังต้องกินอาหารฝีมือคุณอยู่แบบนี้ พวกเราคงเป็นโรคขาดสารอาหารตายก่อนแน่” เหอวาวาที่ไม่สามารถเก็บอาการได้อีกต่อไปเอ่ยขึ้นทันที เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจ หวังเพียงสามีจะเข้าใจเธอกับลูก

วาวาลุกจากโต๊ะอาหาร ลืมแม้กระทั่งว่าเธอเพิ่งค่อยยังชั่วจากความเจ็บป่วย หญิงสาวเดินตรงไปยังห้องครัว โชคดีที่ยุคสมัยนี้เป็นเตาแก๊สอยู่แล้ว ในการจุดไฟจึงไม่ต้องยากลำบาก

ทางด้านจินเหอเขาถึงกับตกตะลึงไปครู่ใหญ่ ทว่าเพียงไม่นานก็ยอมรับกับตนเอง เพราะจริงๆ แล้วจินเหอก็มีความรู้สึกแบบนี้อยู่แล้ว ด้วยเพราะรักภรรยามาก เขาจึงไม่เก็บมาใส่ใจ แค่เพียงส่ายศีรษะสองสามที ตบหน้าตนเองไปสองสามครั้ง ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะกินข้าวเดินไปหยุดยืนมองภรรยาซึ่งหญิงสาวก้มหน้าก้มตาทำอะไรอยู่หน้าเตา โดยมีลูกอีกสามคนเดินมาสมทบผู้เป็นพ่อ

ยุคสมัยนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากยุคที่เธอจากมามากนัก ประชาชนทำมาค้าขายอย่างเสรี เป็นเจ้าของบ้านและที่ดินได้อย่างอิสระ โทรทัศน์ถึงแม้ว่าจะเป็นขาวดำ เตาแก๊สและตู้เย็นยังเป็นเหมือนยุคแรกๆ ที่เป็นแบบแมนนวล เครื่องใช้ในครัวก็สะดวกสบาย

ถึงแม้ว่าครอบครัวเธอจะถือได้ว่ายากจน แต่เรื่องเครื่องอำนวยความสะดวก จินเหอให้ความใส่ใจมาก เพราะเขาไม่อยากให้ภรรยาลำบากมากนักนั่นเอง

เหอวาวาเปิดตู้เย็นเพื่อสำรวจว่ามีวัตถุดิบอะไรที่จะสามารถเอามาทำอาหารอย่างง่ายๆ ได้บ้าง แค่เพียงวาดสายตาผ่านไปรอบเดียว เหอวาวาก็ตัดสินใจทำเนื้อเป็ดผัดขิง

หญิงสาวหั่นเนื้อเป็ดเป็นชิ้นพอดีคำ นำขิงไปหั่นซอยเอาไปล้างด้วยน้ำเกลือเพื่อลดความเผ็ดร้อนลง เนื่องจากลูกๆ ของเธอยังเด็ก หลังจากนั้นจึงตั้งน้ำมันให้ร้อน ทุบกระเทียมให้พอแหลก ผัดกระเทียมพอสุกนิดหน่อย จึงเอาขิงซอยบางส่วนลงไปผัดด้วย พอขิงและกระเทียมถูกความร้อน ยิ่งทำให้กลิ่นที่ฟุ้งออกมาหอมอบอวนไปทั่วห้องครัว เมื่อขิงกับกระเทียมได้ที่ วาวาจึงเอาเนื้อเป็ดลงไปผัด น้ำซุปเก่าหนึ่งถ้วยเล็กที่เธอเห็นมีในตู้เย็นก็ถูกนำลงใส่ลงไปในกระทะ

ด้วยเป็นนักศึกษาวิชาเอกคหกรรม การทำอาหารจึงเป็นสิ่งที่วาวาถนัดที่สุด คุณแม่ลูกสามจึงบรรเลงวิธีการทำอาหารอย่างคนมีศิลปะ เธอจับตะหลิวและกระทะร่อนไปมาอย่างชำนาญ เหมือนกับจอมยุทธ์ที่ร่ายรำกระบี่ เสียงเคาะตะหลิวลงไปบนกระทะ พร้อมกับใส่วัตถุดิบลงไปเมื่อน้ำมันเดือดพล่าน ทำให้ทั้งจินเหอและเด็กๆ อ้าปากค้าง ร้องโอ้โห! ออกมาด้วยความตื่นเต้น

ด้วยเนื้อเป็ดจะเหนียวกว่าเนื้อไก่ จึงต้องใส่น้ำซุปไปช่วยในการทำให้สุก พอมาถึงขั้นตอนนี้ขิงซอยที่เหลือก็ถูกใส่ลงไปจนหมด พร้อมกับปรุงรสด้วยน้ำตาล เกลือ ซีอิ้วขาว พริกชี้ฟ้าแดงนิดหน่อย ตบท้ายด้วยต้นหอมหั่นหยาบ ผัดอีกสองสามที เป็ดผัดขิงก็เป็นอันเสร็จสิ้น

“กับข้าวเสร็จแล้ว ครั้งนี้เรามากินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อยกันเถอะ”

จินเหอจัดการเก็บจานเป็ดน้ำแดงฝีมือของตนเองกลับไปไว้ในครัว เช็ดทำความสะอาดที่ภรรยาพ่นอาหารออกมาอีกเล็กน้อย ก็พอดีกับที่วาวาตักเป็ดผัดขิงใส่จาน เดินนำมาวางลงยังโต๊ะกินข้าว จินเหอและเด็กๆ ก็เดินกลับมานั่งที่เดิม แม้จะเป็นอาหารจานเดียว ซึ่งทำมาจากของเหลือติดตู้เย็น แต่มันก็มีกลิ่นที่หอมและหน้าตาที่ชวนให้น้ำลายสอเป็นที่สุด

จินเหอตักข้าวใส่ถ้วยยื่นส่งให้กับลูกทั้งสาม แล้วจึงตักข้าวถ้วยใหม่ให้กับภรรยา ไม่ลืมในส่วนของตนเองด้วย เหอวาวาคีบเป็ดใส่ถ้วยให้กับลี่จิน ลูกสาวคนเล็กที่ยังช่วยเหลือตนเองไม่ค่อยได้นักก่อนจะเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มกว้าง

“รับรองว่าคราวนี้ เป็ดผัดขิงของแม่อร่อยแน่นอน”

ถึงแม้ว่าวาวาจะรับประกันออกไปอย่างแข็งขัน แต่คนเป็นลูกซึ่งเพิ่งผ่านสมรภูมิความเป็นความตายมาหลายต่อหลายครั้ง อีกทั้งฝีมือทำกับข้าวของวาวาคนเก่าเองก็ใช่ว่าจะดีเกินหน้าเกินตาจินเหอผู้เป็นพ่อมากนัก ทำให้ลี่หยางซึ่งเป็นพี่ชายคนโตอดจะถามออกมาไม่ได้

“คุณแม่ครับ พวกเราจะปลอดภัยจริงๆ ใช่ไหมครับ”

“พูดอะไรเหลวไหลอีกแล้ว นี่มันฝีมือของแม่เชียวนะ ดูนี่ ถ้าไม่เชื่อ แม่จะกินให้ดูก่อน”

วาวาหยิบตะเกียบบนโต๊ะขึ้นมาพร้อมกับคีบเนื้อเป็ดซึ่งถูกผัดจนเข้ากันดี กับน้ำซุปที่ตนผสมออกมาได้อย่างลงตัว เสียงเคี้ยวเนื้อเป็ดอันชุ่มฉ่ำทำให้ลูกๆ และแม้กระทั่งจินเหอถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ

ทุกคนรีบหยิบตะเกียบของตนเองขึ้นมาพร้อมกับคีบกับข้าวขึ้นมาวางในชามของตนเอง จากนั้นลงมือกินโดยไม่รีรอ ทันทีที่ลิ้นของลี่หยางสัมผัสกับเนื้อเป็ดที่นุ่มแล้วกลืนลงไป ลูกชายของเธอถึงกับร้องขึ้นมา

“โอ้โห มันช่างวิเศษเหลือเกิน อร่อยจริงๆ ครับคุณแม่”

“อาหย่อย” ลี่จินพูดขึ้นมาบ้าง ส่วนลี่หยวนเพียงแค่พยักหน้าเห็นชอบกับคู่แฝดของตน

“ใช่แล้ว มันอร่อยมาก ที่รัก ทำไมคุณถึงกลายเป็นคนที่มีฝีมือดีขนาดนี้ขึ้นมาได้” จินเหอเอ่ยขึ้นมาอย่างตื่นเต้น มือก็ไม่หยุดคีบอาหารเข้าปาก

เสียงปรบมือของลูกๆ และสามีทำให้วาวารู้สึกพอใจ เธอยังคงหันกลับไปมองวัตถุดิบที่พอจะหลงเหลืออยู่ภายในครัว เหลือผักอยู่ในตะกร้า เธอจึงหันกลับไปพร้อมกับนำมันไปหั่นและล้างให้สะอาด ก่อนจะนำลงไปทำผัดผักอีกจานขึ้นมาเพื่อเพิ่มกับข้าวบนโต๊ะ สีสันของผัดผักที่แดงก็แดงที่เขียวก็เขียวสดใสเหมือนสีของใบไม้ในฤดูใบไม้ผลิ ครั้งนี้ไม่ต้องรอให้ออกปากชวน ทุกคนลงมือกินอาหารอย่างมีความสุข

“ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าคุณแม่เป็นลมลงไปแค่ครั้งเดียวแล้วฟื้นขึ้นมา กลับกลายเป็นกุ๊กขั้นเทพฝีมือดีถึงขนาดนี้” ลี่หยวนพูดไปพร้อมกับเคี้ยวข้าวในปากไปด้วย

จินเหอผู้ซึ่งก้มหน้าก้มตากินโดยที่ไม่พูดแม้แต่คำเดียว กลายเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นไปเติมข้าว เขาเดินผ่านวาวาพร้อมกับหอมลงไปที่แก้มของหญิงสาว แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตื้นตัน

“นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ผมเกิดมา ได้กินผัดผักที่อร่อยที่สุดในชีวิต ขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้ผมได้แต่งงานกับคุณที่รัก”

“นั่นสิ แบบนี้คุณแม่ของเราสามารถทำกับข้าวขายแข่งกับภัตตาคารดังๆ ได้เลยละครับ” ลี่หยางเสริมขึ้นมาอีกคน ในตอนที่ยังอยู่บ้านใหญ่ ในตอนที่คุณปู่ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาเคยได้ไปรับประทานอาหารที่ภัตตาคารชื่อดัง ลี่หยางโตพอที่จะจำได้แล้ว

เสียงชื่นชมของลูกๆ และสามีทำให้วาวายิ้มแก้มปริ ก่อนจะหุบยิ้มแล้วขมวดคิ้วคิดตามคำของแฝดคนพี่

“ขายอาหารเหรอ” วาวาทวนคำพูดของลูกชายเสียงไม่มั่นใจ

คำพูดของวาวาทำให้ทุกคนหยุดชะงักการกินอาหารที่แสนเอร็ดอร่อยลง ทุกคนพยักหน้ารับอย่างพร้อมเพรียงกัน

“แล้วเราจะขายอะไรล่ะ” วาวายังเอ่ยถามอีกครั้ง

“นั่นไงคะ” ลี่จินที่นั่งเงียบกินข้าวอยู่คนเดียว ไม่ได้ออกความเห็นอะไร เมื่อคุณแม่ถาม เธอจึงได้ชี้มือไปยังป้ายร้านที่ติดผนัง

เนื่องจากย้ายมาไม่นาน วาวาก็มาล้มป่วย ส่วนจินเหอก็ยุ่งกับการทำความสะอาดบ้าน ทำอาหาร ทั้งยังต้องดูแลภรรยา รวมถึงการซ่อมแซมส่วนที่แตกหักภายในบ้าน จึงยังไม่ได้สนใจรายละเอียดของบ้านในส่วนอื่น

ทุกคนจึงได้หันไปมองป้ายร้านที่มีตัวหนังสือค่อนข้างเก่า มีสีซีด เหอวาวาอ่านออกมาเสียงดัง

“ร้านเกี๊ยวยอดเซียน”

ปิ๊ง!!!

“เก่งมาลี่ลี่ เอาล่ะ ต่อไปพวกเราจะเปิดร้านขายเกี๊ยวกัน” เหอวาวาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแห่งความสุข

“เป็นความคิดที่ดีมากที่รัก ตอนที่ผมจัดบ้าน ผมเห็นมีอุปกรณ์เก่า รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ที่ทิ้งไว้ในห้องเก็บของด้วย” จินเหอเอ่ยเสริม

“มันต้องดีแน่นอนค่ะ คุณสามี”

เหอวาวายิ้มให้กับจินเหอ ในเมื่อทำเลก็ดี อุปกรณ์ก็คงมีพร้อม ทั้งยังเป็นร้านขายเกี๊ยวเก่า ในเมื่อสวรรค์ท่านส่งเสริมขนาดนี้ แล้วทำไมจะไม่ยอมเสี่ยงดวงดูสักครั้งล่ะ ถ้าเธอไม่รับโอกาสไว้ก็สมควรดักดานและยากจนต่อไปแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel