บทที่ 8
ร่างสูงเดินลิ่วๆ ออกมาตามทางเดินด้วยอารมณ์ขุ่นมัวเล็กน้อย เพราะภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อสักครู่ ทำให้คนอย่างฉลามรู้สึกเหมือนโดนลูบคมเข้าอย่างจัง
ก็มีอย่างที่ไหน ตอนกลางวันอยู่กับเขา ตอนกลางคืนก็ไปอยู่กับคนอื่น การกระทำของเธอมันชวนให้นึกถึงอดีตคนรักที่ทรยศต่อความรักของเขา แค่เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ
เหอะ!
คิดแล้วชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นมาขยี้ศีรษะเปียกชื้นเพราะเหงื่อของตนอย่างหัวเสีย ก่อนจะก้าวเดินต่อไปยังที่พักของตน แต่ก้าวออกไปได้ไม่เท่าไหร่ เท้าของเขาก็หยุดลง...
"เรื่องของเรามันจบแล้วพลัส"
เสียงคุ้นหูของเอมิกาทำให้ฉลามต้องหยุดฟังด้วยความสนใจ เนื่องจากช่วงนี้หญิงสาวเข้ามาติดพันเขาพอดี
"แต่เรารักเธอ แล้วเราก็รู้ด้วยว่าเธอเองก็รักเราเหมือนกัน บอกเราได้ไหมว่าทำไมอยู่ดีๆ เธอถึงเปลี่ยนไป ทำไมถึงต้องเลิกกันด้วย"
คิ้วหนาของคนฟังขมวดแน่นในความมืด ก่อนที่เขาจะขยับตัวเพื่อหาที่ซ่อนและแอบฟังการสนทนาของคนทั้งคูต่อไป
"ความรักมันกินไม่ได้หรอกนะพลัส"
"ถ้าอย่างนั้นเธอก็บอกเรามาสิ ว่าเธอต้องการเท่าไหร่"
"ยี่สิบล้าน" เอมิกาตอบ
"อะไรนะ!? "
"เราบอกว่ายี่สิบล้าน พลัสมีให้เราไหมล่ะ" หญิงสาวว่าพลางผลักอกแกร่งของคนตรงหน้าให้ออกห่างจากตัว "เรารู้ว่าพลัสไม่มีให้เราหรอก เราถึงได้บอกเลิกพลัสไง"
"ล่ะ แล้ว แล้วเธอจะเอาเงินไปทำอะไรตั้งยี่สิบล้าน"
"แม่เราเป็นหนี้น่ะ" เอมิกาบอกตามตรง
"เอ่อ... เธอขอผ่อนไปก่อนได้ไหม ตอนนี้เรามีเงินเก็บอยู่เกือบสิบล้าน เราให้เธอหมดเลยนะ ขอแค่เธออย่าเลิกกับเราก็พอ"
เสียงพูดปนสะอื้นของชายหนุ่มดังขึ้นราวกับจะขาดใจอยู่รอมร่อ ทว่าคู่สนทนากลับส่ายหน้าให้เขาแทนคำตอบ
"เธอ..."
"จบเรื่องของเราแค่นี้เถอะพลัส" เอมิกาบอกเสียงสั่น
"ไม่! " พัชระตะโกนเสียงดัง ก่อนจะโถมกายเข้าใส่คนตรงหน้าเพื่อฉุดรั้งเธอไว้
"ปล่อยนะพลัส"
"ไม่ เราไม่ปล่อย" พระเอกหนุ่มบอกอย่างดื้อดึง ก่อนจะกดร่างเล็กเข้ากับต้นไม้ใหญ่อย่างแนบแน่น แล้วบดขยี้จูบใส่อีกฝ่ายทันที
"อื้อ...อ! "
เสียงร้องประท้วงและเสียงกำปั้นของเอมิกาดังขึ้นเป็นระยะๆ ทว่าคนตัวโตกว่ากลับไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยเธอไป
แกร๊ก!
เสียงกิ่งไม้แห้งแตกทำให้การกระทำทุกอย่างพัชระหยุดลงเพื่อมองหาที่มาของเสียง แต่เมื่อทุกอย่างรอบตัวเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง เขาก็จัดการปลุกปล้ำหญิงสาวต่อทันที
ฉลามที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้นไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อย ซึ่งแน่นอนว่าเสียงกิ่งไม้เมื่อสักครู่นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเขา เป็นเหตุให้ดวงตาคู่คมต้องรีบมองหาต้นเสียงและจากบริเวณที่เขายืนอยู่ก็ทำให้เขามองเห็นเงาตะคุ่มๆ ของใครบางคน
ริมฝีปากหยักกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเงานั้นคล้ายกับคนตัวเล็กที่พึ่งทำให้เขาหงุดหงิดเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
และ...
แกร๊ก!
เสียงกิ่งไม้ที่ดังขึ้นมาอีกครั้งทำให้พัชระหยุดการกระทำของตนเองลงด้วยสีหน้าแตกตื่น ก่อนจะตะโกนถามเสียงดังลั่นคล้ายกำลังจับโจรยังไงอย่างนั้น
"นั่นใครน่ะ!? "
ร่างเล็กที่ตั้งท่าจะคลานเข้าไปหลบในพุ่มไม้ชะงักไปทันควัน เพราะหนามของมันข่วนแขนเธอเป็นทางยาว
"โอ๊ยย...ย อยากจะบ้าตาย แล้วฉันจะไปแอบตรงไหนดีเนี่ย" พัธริกาบ่นเสียงเบาจนแทบจะกลายเป็นเสียงกระซิบไปตามลม
"ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นผมจะจับส่งตำรวจ"
คนที่แอบบันทึกการสนทนาของทั้งคู่ไว้ในมือถือถึงกับหน้าถอดสี เพราะยังไม่ทันที่ตนจะกดบันทึกแบตมือถือก็ดันมาหมดเสียก่อน แถมหน้าจอยังสว่างวาบขึ้นมาก่อนที่มันจะดับอีกด้วย
"ออกมานะ! " เอมิกาตะโกนช่วย
"โทรแจ้งตำรวจ ไม่ก็แจ้งเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ทเลย" พัชระบอกกับคนข้างตัว แล้วตัดสินใจเดินเข้ามาใกล้พุ่มไม้หนามากขึ้นเรื่อง
เอาไงเอากัน!
พัธริกาคิดในใจ ก่อนจะรีบคลานเข่าไปตามแนวพุ่มไม้ เพื่อหลบหนีการล่าตัวของพระเอกหนุ่ม จนกระทั่งไปหยุดอยู่หน้าห้องน้ำ ซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณที่ชายหนุ่มอีกคนหลบอยู่
ฉลามกลั้นหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดง เพราะอยู่ตรงนี้เขาสามารถมองเห็นใบหน้าเหยเกของคนที่มาแอบฟังคนอื่นคุยกันในยามวิกาลได้อย่างชัดเจน
"ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!? " พัชระตะโกนขึ้นอีกครั้ง
"เราจะโทรหาเจ้าหน้าที่ของรีสอร์ทจริงๆ หรอพลัส คนอื่นจะไม่สงสัยเรื่องของเราหรอ" หญิงสาวที่เดินตามมาด้วยถามขึ้น
"นี่เธอยังกลัวว่าคนอื่นจะสงสัยเรื่องของเราอีกหรอ"
"พลัส! " เอมิกาตะคอกเสียงดัง
"เราจะทำให้ไอ้ฉลามนั่นรู้ไปเลยว่าเธอเป็นของเรา"
เจ้าของชื่อที่แอบฟังอยู่คิ้วกระตุกอย่างไม่พอใจ
"อย่าทำอะไรบ้าๆ นะพลัส" เอมิกาโวยวาย แล้วทำท่าจะเดินหนี ทำให้พัชระต้องรีบคว้าแขนหญิงสาวเอาไว้
และเมื่อเห็นว่าสองคนนั้นหันไปถกเถียงกันอีกครั้ง พัธริกาก็รีบวิ่งไปหลบอยู่หลังห้องน้ำทันที
เฮ้อ...
คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่จู่ๆ เธอก็ถูกมือหนากระชากเข้าไปในห้องน้ำสุดแรง จนร่างบอบบางเซถลาเข้าไปด้านใน ทว่ายังไม่ทันจะได้อ้าปากร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ ริมฝีปากบางก็ถูกทาบทับประกบปิดไปเสียก่อน
ร่างเล็กถูกตรึงเข้ากับผนังห้องน้ำด้วยฝีมือของบุคคลปริศนาที่มีแรงมหาศาลราวกับแรงช้าง เพราะไม่ว่าเธอจะดิ้นขัดขืนยังไง ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากวงล้อมของเขาได้สักที
"อื้อ...อ! "
พัธริกาส่งเสียงร้องประท้วงในลำคอ แต่การต่อต้านของเธอกลับทำให้ 'โจรราคะ' บดขยี้จุมพิตรุนแรงรุกล้ำเข้ามาในโพลงปากหวานมากกว่าเดิมอย่างตะกละตะกลาม
ดวงตาคู่สวยพยายามเพ่งมองคนตรงหน้าให้ชัดๆ แต่บริเวณนี้ไม่มีแสงเล็ดลอดเข้ามาเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวจึงได้ถอดใจและปล่อยโฮออกมาอย่างคนไร้ทางสู้
และเมื่อเห็นว่าเธอเลิกต่อต้านเขาแล้ว รสจุมพิตที่ชายหนุ่มมอบให้จึงเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนหวานและอ่อนโยน เพื่อปลอบใจคนที่กำลังตื่นกลัวให้คลายความกังวลลง
แต่กว่าพัธริกาจะได้สัมผัสมัน สติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลงเสียก่อน...