บทที่ 3
หลังจากที่ตกลงใจกับตัวเองเสร็จสรรพว่าจะเปลี่ยนเป้าหมายใหม่จากพระหนุ่มรุ่นน้องที่เทียวไล้เทียวขื้อมาหลายเดือน ไปเป็นคุณฉลามหนุ่มหล่อที่มีฉายาการันตีความแบดบอยว่า 'ฉลามดุ'
ซึ่งแน่นอนว่างานนี้จิรัชถึงกับระเบิดหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ เมื่อเห็นว่าเธอจริงจังกับเป้าคนใหม่มากเป็นพิเศษ
"ฉันว่ายากว่ะ" จิรัชเปรยขึ้น ขณะที่ดวงตาคมกริบจ้องมองไปยังโต๊ะของชายหนุ่มไม่วางตา
"อะไรกัน แกเป็นคนบอกให้ฉันเปลี่ยนเป้าหมายเองนะยะ นี่ยังไม่ทันจะได้ลงมือก็มาตัดกำลังใจกันซะงั้น ปกติมีแต่บอกให้ฉันลองไม่ใช่เรอะ"
"ก็อืม... ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงยุให้แกลอง แต่กับคนนี้ฉันว่าไม่น่ารอดว่ะ" คนที่มีเรดาห์เกี่ยวกับผู้ชายดีเลิศเป็นพิเศษบอก
"อะไรคือ 'ไม่น่ารอด' ของแกวะ" พัธริกาถาม
"โอ๊ะ! ก็ฉันกลัวว่าชะนีน้อยที่ไร้ประสบการณ์อย่างแกจะโดนฉลามจับเคี้ยวๆ แล้วกลืนลงท้องน่ะสิ แกไม่เห็นหรอว่ายัยเอมี่ทรงตูมนั่นระริกระรี้เข้าหาเขาขนาดไหน ไม่รู้ว่าฟัดกันไปตั้งกี่รอบต่อกี่รอบแล้ว" จิรัชว่าพลางถลึงตาใส่ด้านหลังของดาราสาวไปด้วย
"แต่ฉันว่าบางทีคุณฉลาดอะไรนี่เขาอาจจะเด็ดจริงๆ ก็ได้นะ ไม่อย่างนั้นยัยเอมี่คงไม่สลัดน้องพลัสเตอร์ของฉันได้ลงคอหรอก" ร่างบางบอก และหันกลับไปมองเป้าหมายเก่า
"หืม? สรุปเอาไงแน่เนี่ยชะนี ไหนว่าจะเปลี่ยนเป้าใหม่ แล้วคำว่า 'น้องพลัสเตอร์ของฉัน' นี่มาได้ยังไง"
"โทษที มันติดปาก" พัธริกาบอกกลั้วหัวเราะ แล้วหันไปส่งยิ้มให้พระเอกหนุ่ม ที่กำลังเดินตรงมาหาเธอ
"โอ้มายก็อด! น้องเขาจะมาร่วมโต๊ะกับเราป่ะ" คนเป็นเพื่อนกระซิบถาม
"ไม่รู้ว่ะ วันนี้ไม่ได้ชวน" หญิงสาวบอก แต่ยังคงระบายรอยยิ้มกว้างประดุจแม่พระไปให้พัชระ
"โอ้โห... คุณเพื่อนคะ ปากไม่ได้ชวน แต่สายตาแกนี่แทบจะกราบเท้าให้น้องเขาเข้ามานั่งเลยด้วยซ้ำ" จิรัชเหน็บ
"นิดนึงป่ะ"
"บ้าผู้ชาย! " เก้งหน้าหล่อว่า
"เหมือนแก"
และในขณะที่ทั้งคู่กำลังต่อล้อต่อเถียงกันอยู่นั้น พัชระก็เดินเข้ามาที่โต๊ะของพวกเขา แล้วยกมือไหว้รุ่นพี่ทั้งคู่อย่างนอบน้อม
"ผมขอนั่งด้วยคนนะครับ"
"ได้ๆ นั่งสิ ที่ว่างพอดี" พัธริการีบเชื้อเชิญอีกฝ่ายทันที แต่ยังไม่วายเล่นตัวด้วยคำพูด จนเพื่อนรักยังต้องแอบกรอกตาใส่
"ที่ไม่ได้ว่างหรอกนะชะนี แต่มันไม่มีใครนั่งกับเราต่างหาก" จิรัชกระซิบบอกเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน และประโยคเมื่อกี้ก็ทำให้คนโดนรู้ทันหันมาถลึงตาใส่เขาไปหนึ่งยก
"แล้วนี่พี่แพรจะมากองทุกวันเลยหรือเปล่าครับ"
พัธริกาหันไปส่งยิ้มให้คนถาม ก่อนจะตอบ "ค่ะ พี่มากองทุกวันนั่นแหละ พลัสเตอร์มีอะไรหรือเปล่า"
"อ่อ... ถามดูครับ ถ้ามาทุกวันก็ดี ไม่เจอกันวันไหนผมคงคิดถึงพี่แพรแย่" พัชระบอกเสียงอ้อน ในขณะที่เก้งหนึ่งเดียวในโต๊ะลอบกรอกตาเบาๆ
"คิดถึงจริงหรอ"
"จริงสิครับ พี่แพรใจดีขนาดนี้ ใครไม่คิดถึงก็บ้าแล้ว"
คนที่โดนคำหวานของพระเอกรุ่นน้องโจมตีเข้าอย่างจังหันไปยักคิ้วลิ่วตาใส่เพื่อนรักอย่างเป็นต่อ แล้วหันกลับมาพูดคุยกับอดีตเป้าหมายอีกครั้ง
"แล้วพลัสเตอร์ไม่สั่งอาหารหรอ"
"ผมสั่งแล้ว เดี๋ยวผู้ช่วยผู้จัดการเอามาให้" เขาตอบ
"อ่อ... มีถ่ายต่ออีกกี่คิวล่ะ"
"ตอนบ่ายสามคิวครับ เดี๋ยวช่วงหัวค้ำมีอีกห้า" พัชระตอบอย่างไม่ปิดบัง ทว่าดวงตาคู่สวยของพระเอกหนุ่มก็แอบเหลือบมองไปทางโต๊ะอื่นด้วย
แน่นอนว่าการกระทำของเขาตกอยู่ในสายตาของจิรัชกับพัธริกา และถึงแม้ว่าหญิงสาวจะจับสังเกตอะไรบางอย่างได้ แต่ตนก็เลือกที่จะไม่พูดออกไป
"ถ้าอย่างนั้นพลัสเตอร์ต้องกินเยอะๆ นะรู้ไหม เดี๋ยวไม่มีแรงถ่ายละครล่ะแย่เลย พี่ภัทรยิ่งดุๆ อยู่ด้วย" พัธริกาว่าพลางเอนตัวเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม แล้วเลื่อนขวดน้ำของตนที่ยังไม่ได้เปิดไปให้เขา "กินน้ำกินท่าก่อนเถอะ อากาศมันยิ่งร้อนๆ อยู่ด้วย"
"ขอบคุณครับ"
"มา เดี๋ยวพี่เปิดให้"
ว่าจบร่างบางก็หยิบขวดน้ำขึ้นมาเปิดให้เขาเสร็จสรรพ และไม่วายขยับเข้าไปใกล้ เพื่อจรดปากขวดเข้ากับริมฝีปากหยักได้รูปของพระเอกหนุ่มด้วย
จิรัชมองการกระทำทั้งหมดของคนตรงหน้าด้วยความงุนงง ก่อนจะแอบเหล่มองไปทางโต๊ะของแฟนเก่าด้วยความรู้สึกคาดหวังในแววตา
"กินสิ น้ำเย็นชื่นใจนะ" พัธริกายุ
"ครับ"
พระเอกหนุ่มยอมให้หญิงสาวข้างตัวป้อนน้ำให้เขาทันทีที่เห็นว่าแฟนเก่ามองมาทางตน ซึ่งพัธริกาก็แอบกระตุกมุมปากขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนขวดน้ำออกจากปากเขา
"พี่ว่าพลัสเตอร์กินเองดีกว่าเนอะ ลืมไปว่าไม่ได้อยู่กันสองคน เกิดมีคนถ่ายรูปเอาไปลงโซเชี่ยลล่ะ แย่เลย"
จิรัชที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยเบ้ปากและขยับเข้ามากระซิบข้างหูเพื่อนรักด้วยความหมั่นไส้ว่า "อ่อ... นี่แกพึ่งรู้ตัวหรอชะนี"
"เงียบน่า"
"อะไรนะครับ" พัชระถาม
"ไม่มีอะไร เจมส์มันแค่จะชวนพี่ไปเข้าห้องน้ำด้วยน่ะ"
คิ้วได้รูปของพระเอกหนุ่มขมวดมุ่น ก่อนจะมองคนทั้งคู่สลับกันไปมา ทำให้คนที่คิดข้ออ้างเมื่อสักครู่ต้องรีบแก้คำพูดของตัวเองใหม่
"พี่หมายถึงเจมส์มันจะไปเข้าห้องน้ำของมัน ส่วนพี่ไปเติมลิปสติกน่ะ"
"อ่อ... ครับ" พัชระบอกพร้อมกับพยักหน้ารับไปด้วย
และเมื่อพาตัวเองกับเพื่อนรักออกมาจากโต๊ะได้สำเร็จ คนที่มีแผนอยู่ในหัวตั้งแต่ต้นก็ตั้งท่าจะหันมาพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกจิรัชขัดเสียนี่
"ฉันไม่ได้ปวดฉี่สักหน่อย"
"ฉันก็ไม่ได้ให้แกปวดนี่" พัธริกาบอก
"อ่ะ! แล้วแกลากฉันออกมาด้วยทำไม"
"ฉันลากออกมาคุย" เธอว่า
"อื้อหือ ยังต้องคุยอะไรกันอีกล่ะคะชะนี หล่อนแทบจะยกตัวเองขึ้นไปก่ายเกยอยู่บนตักน้องเขาอยู่ละ นี่ถ้าไม่ได้อยู่ในห้องอาหาร ป่านนี้คงขึ้นมาฟัดกันบนโต๊ะแล้วมั้ง" จิรัชเหน็บเพื่อนรักด้วยความหมั่นไส้ แล้วสะบัดขนตาที่หนาแน่นเหมือนกันสาดใส่ไปหนึ่งที "ลำใย! "
หญิงสาวหัวเราะรวนเมื่อเห็นท่าทางกระเง้ากระงอดของเพื่อน แต่เรื่องที่เธอจะเล่าต่อไปนี้ย่อมสำคัญกว่าการจิกกัดกันกับเพื่อนซี้ปึ้ก แถมที่สำคัญเธอกำลังรู้สึกคันปากยิบๆ แล้วด้วย
"ฉันมีเรื่องจะบอก"