บทที่2.ทศกัณฐ์ปรากฏตัว......
ปุบๆ
เสียงปรบมือรัวๆ ให้หัวหอกใหญ่ดังสนั่น เขายิ้มกว้างๆ แต่ทุกคนที่เห็นกลับรู้สึกเย็นวาบ มันเหมือนทศกัณฐ์ขยับแยกเขี้ยวมากกว่า ไม่ว่าเมื่อไหร่ทุกคนรอบตัวก็มักจะเกรงกลัวชายหนุ่มเสมอ เขาสมชื่อกับพญายักษ์ เมื่อมีทั้งความน่าเกรงขามและพลังงานลึกลับที่แผ่กระจายออกมากดดัน
“จบการประชุม ครั้งหน้าหากใครก็ตามเปิดประชุมโดยที่ไม่ได้นัดหมายผมก่อน ผมจะถือว่าเขากำลังคิดไม่ซื่อกับเบอร์นาร์ด หากผมจะทำอะไรที่รุนแรงลงไปบ้าง ก็อย่ามาว่ากันล่ะ”
คำพูดเรียบๆ แต่เป็นการเปิดศึกซึ่งๆ หน้า แต่ละคนที่ได้ยินต่างพากันกลืนน้ำลายลงคอเอือกๆ เมื่อเกรงว่าตัวเองจะหลุดโผจากบอร์ดบริหาร เมื่อพวกเขาเหล่านั้นเป็นแค่ตัวประกอบ ได้เงินใช้ฟรีๆ จากเงินปันผลก็ดีแล้วนี่นา เพราะฉะนั้นครั้งหน้าหากพระรามส่งเทียบเชิญมาให้ คงต้องใคร่ครวญคิดทบทวนเสียใหม่
ห้องประชุมว่างเปล่า เมื่อผู้ร่วมประชุมทยอยเดินทางกลับ สถานการณ์คุกรุ่นคลี่คลายลงไป ทั้งห้องกว้างใหญ่ เหลือแค่ทศกัณฐ์กับวานรแค่นั้น
“หมู่นี้ไอ้น้องไก่อ่อนของฉัน รู้สึกจะเหิมเกริมไปหน่อยนะวานร มีอะไรกดดันมันไหม?”
ชายหนุ่มพูดเสียงขรึม เขาสอดมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วหมุนตัวมองกระจกใสตรงหน้า มองดูไฟท้ายรถยนต์สมรรถนะสูงของน้องชาย ที่วิ่งฉิวออกไปจากอาณาจักรของเขาเหมือนถูกไฟลนก้น
“คุณนารีเดินเข้าเดินออกบ่อนเสียซ้งถี่เกินไปครับ...น่าจะเสียไปไม่น้อย เลยมาบีบคุณรามอีกทีมั้งครับ”
นารีเป็นภรรยาที่อาร์มันโด้บิดาของเขาหลงใหลถึงขนาดยอมแหกกฎของตัวเอง เลี้ยงดูนางอย่างเปิดเผย พร้อมทั้งย้ายตัวเองไปอยู่ที่คฤหาสน์ของนางเลยด้วย ถ้าไม่ติดเกรงใจคุณกัณฑ์มัทรีมารดาของเขาทศกัณฐ์จะจัดการปัดกวาดให้ แต่มารดารั้งไว้เสียก่อน เขาจึงยอมรามือ มารดาของเขาที่นิสัยใจคอยิ่งกว่าเจ้าแม่กวนอิม ใจนางกว้างใหญ่ยิ่งกว่าท้องทะเลจึงไม่เคยปริปากต่อว่าสามี ในเรื่องที่สามีปันใจ มันเลยทำให้นารีเหิมเกริม หลายครั้งที่นางล้ำเส้น และมารดาของเขายอมให้เพราะเห็นแก่ความสุขสงบของสามี นารีเลยยิ่งทะนงตน นางยุลูกชายคนเดียวให้กระด้างกระเดื่องกับพี่ชาย ผิดกับกัณฑ์มัทรีที่สั่งสอนให้ทศกัณฐ์รักพระราม เมื่อมีสายเลือดเดียวกัน แม้แต่การตั้งชื่อ นารียังจงใจ กัณฑ์มัทรีตั้งชื่อบุตรชายว่าทศกัณฐ์ เพราะอยากให้เขามีหัวใจหนักแน่นและรักมั่นผู้หญิงเพียงคนเดียว เป็นการเตือนสามีทางอ้อม แต่นารีจงใจ หลังตัวเองคลอดบุตร นางตั้งชื่อบุตรชายเหมือนจะข่มทศกัณฐ์กลายๆ เมื่อใครๆ ที่อ่านวรรณคดีไทยก็รู้ดีว่าพระรามถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อปราบทศกัณฐ์
แต่นั่นมันวรรณคดี...ทศกัณฐ์ เบอร์นาร์ดไม่ใช่ยักษ์โง่ เขาฉลาดกว่าพระรามเยอะ เมื่อมันยังเกาะชายกระโปรงมารดามันอยู่ พระรามไม่มีทางเอาชนะเขาได้แน่ๆ
“ไอ้หมอนั่นมันมีความสุขบ้างไหมว่ะ วานร... ฉันว่ามันเหมือนหุ่นยนต์ไขลานเข้าไปทุกวันๆ” ชายหนุ่มเปรย เขาสงสารพระรามที่กลายเป็นหุ่นเชิดให้มารดา ผู้หญิงอย่างนารีรักลูกบ้างหรือเปล่า? เขาไม่รู้!! แต่ถ้าเทียบนารีกับมารดาเขา นารีติดลบ แทบจะหาความเป็นแม่ในตัวหล่อนไม่เจอ ไม่รู้ว่าบิดาเห็นดีเห็นงามไปกับมารยาจอมปลอมได้อย่างไร!!
หนุ่มหล่อไม่ได้ตอบกลับ เขามีเพียงรอยยิ้มติดมุมปาก เมื่ออดเห็นใจและเวทนาพระรามไม่ได้ เขาถูกชักใยจากคุณนารี จนแทบจะไม่เคยทำอะไรด้วยตัวเอง
“อืม...ที่ติดต่อไปว่าไง เขา Say yes. หรือ Say no?” เมื่อหมดความสนใจน้องชายรูปหล่อ ชายหนุ่มจึงถามเรื่องสำคัญ รูปแบบชั้นในล็อตใหม่ เขาอยากให้ตื่นตะลึงทั้งโลก เพราะทศกัณฐ์จะงัดผ้าไทยมาขาย และหากมันถูกตอบรับจากทั่วโลก มันหมายถึงการสร้างงานให้แหล่งชุมชนได้อีกมากมาย
“ยังไม่ตอบครับ แบ่งรับแบ่งสู้อยู่ ทางนั้นขอเวลาคิด1 อาทิตย์”
“นานไปว่ะ บอกเขาฉันให้เวลา3 วันไม่อย่างนั้นเราจะเปลี่ยนคนออกแบบ”
ชายหนุ่มพูดเสียงขุ่น เบอร์นาร์ดยิ่งใหญ่ขนาดไหน แทนที่จะรีบตะครุบกลับบอกปัดเสียอย่างนั้น
“เอ่อ...”
“มีอะไร?” แค่วานรพูดตะกุกตะกัก เขาก็รู้แล้วว่ามันต้องมีอะไร
“คนออกแบบเธอยืนกรานมาเองครับ หากดูผลงานเก่าๆ ของหล่อน ก็น่าจะอดทนรอสักนิด ผมว่าเธอมีกึ๋น!!”