ตอนที่ 3
ตึกสูงระฟ้าตรงหน้าทำให้แข้งขาของปาณนิศาสั่นเทา ความหวาดกลัว ความหวั่นเกรงทำให้เท้าของหล่อนไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อีก จำต้องหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ ลมหายใจที่เคยเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นตอนนี้ผะแผ่วจนน่าเวทนา
หรือว่าหล่อนควรจะกลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อนดีนะ มีเวลาเหลืออีกตั้งหกวันไม่ใช่หรือ ความหวาดกลัวทำให้ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในสมอง แต่ความเข้มแข็งที่เคยมีในหัวใจก็แย้งขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ และสุดท้ายมันก็เอาชนะความอ่อนแอได้อย่างสวยงาม
ยังไงซะหล่อนก็ต้องเผชิญหน้ากับวันนี้อยู่ดี ในเมื่อมาถึงแล้วก็รีบๆ จัดการให้มันจบๆ ไป ความทุกข์ทั้งหลายทั้งมวลจะได้สูญสลายไปจากชีวิตของหล่อนเสียที หญิงสาวเม้มปากแน่น พลางสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ก้าวยาวๆ เดินมุ่งหน้าเข้าไปภายในตึกสูงตระหง่านตรงหน้าทันที
พนักงานรักษาความปลอดภัยมองหน้าหล่อนและเลยลงไปถึงเสื้อผ้าที่หล่อนสวมใส่อยู่ชั่วขณะก่อนจะก้มศีรษะและรีบเปิดประตูกระจกบานใหญ่ให้อย่างเสียไม่ได้ ปาณนิศาก้าวเท้าลงบนพรมสีน้ำเงินหนาที่ถูกปูเอาไว้ทั่วทั้งบริเวณที่เห็นอย่างระมัดระวัง ราวกับกลัวว่ามันจะเปื้อนเปรอะเพราะคราบคนจนของตัวเองอย่างยังไงยังงั้น
ก็หล่อนมันไม่ผิดจากหนูสกปรกนี่ หนูสกปรกโสมมที่หลงเข้ามาในพระราชวังของเจ้าชายสูงศักดิ์โดยไม่ได้ตั้งใจ ความอดสูแล่นผ่านอยู่ภายในอก ความเจ็บช้ำผลักดันให้น้ำตาใสๆ ผุดพรายขึ้นมาคลอหน่วยตา จนปาณนิศาต้องกะพริบถี่ๆ เพื่อไล่ให้มันกลับลงไปอยู่แต่ภายในอกเท่านั้น
แค่มาทวงคำสัญญาจากเดนิเรล การ์รัสโซ่เท่านั้น แค่นั้นเอง หล่อนไม่ได้มายั่วยวนหรือคิดอะไรไม่ได้สักหน่อย ปาณนิศาบอกตัวเองอย่างนั้น ขณะพยายามข่มความประหม่าที่อัดแน่นอยู่ในอกเอาไว้สุดความสามารถ และเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างงดงาม
“สวัสดีค่ะ... เอ่อ ดิฉัน...”
ปาณนิศาทักทายและยิ้มให้กับผู้หญิงที่แต่งตัวสวยงามสามสี่คนที่นั่งเรียงกันอยู่หน้าเคาน์เตอร์ แต่ไม่มีคนไหนที่ยิ้มตอบหล่อนเลยสักคนเดียว ทุกคนพากันมองหล่อนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แถมยังเหยียดยิ้มหยันใส่หล่อนอย่างไม่เกรงใจอีกต่างหาก
“ที่นี่ไม่อนุญาตให้เข้ามาขายของนะคะ”
เสียงดูแคลนจากสาวคนหนึ่งในจำนวนหลายคนเอ่ยขึ้น และทุกคนที่ได้ยินก็อมยิ้ม บางคนกลั้นไม่ไหวก็หัวเราะออกมาเลย
ปาณนิศากัดปากแน่น กัดปากจนเลือดไหลซึมเพื่อข่มความไม่พอใจเอาไว้ในอก ท่องเอาไว้ปาณนิศาว่าเธอมาทำหน้าที่ลูกกตัญญู ดังนั้นอย่าใส่ใจสายตาของคนอื่น ข่มใจเอาไว้ คิดเสียว่าที่พวกนี้อมยิ้มและหัวเราะก็เพราะกำลังชื่นชมเธออยู่
“ดิฉันไม่ได้มาขายของค่ะ...”
“เหรอคะ แล้ว...” คนพูดมองหล่อนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะอมยิ้มเหยียดหยันเช่นเดิม “มาทำอะไรล่ะคะ ถ้าไม่ได้มาขาย...” คนพูดจงใจหยุดเอาไว้แค่นั้น เพื่อให้หล่อนคิดต่อเอาเอง แต่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแม่พวกนี้คิดว่าหล่อนมาขายอะไร
“หากพวกคุณคิดว่าดิฉันมาขายตัวล่ะก็... ผิดเสียแล้วล่ะค่ะ เพราะที่ดิฉันมาในวันนี้ก็เพื่อจะมาพบเจ้านายของพวกคุณ...”
“สารรูปแบบคุณนี่นะคะจะมาพบท่านประธาน...” คราวนี้เป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่งพูดขึ้นมา ปาณนิศาหน้าร้อนผ่าว แต่ก็กัดฟันทน
“ใช่ค่ะ สารรูปแบบนี้แหละที่คุณเดนิเรล การ์รัสโซ่จะต้องยอมให้เข้าไปพบ ไปบอกท่านประธานของพวกคุณนะคะว่า...” ปาณนิศาแกล้งปั้นยิ้ม และเดินเข้าไปใช้นิ้วเคาะบนเคาน์เตอร์ตรงหน้าแม่สาวสวยพวกนั้นอย่างถือไพ่เหนือกว่า
“อินทิภา โมราสมาขอพบ...”
“ถ้าไม่ได้นัดล่วงหน้าเอาไว้ก่อน ท่านประธานไม่มีทางอนุญาตให้เข้าพบแน่” แม่ประชาสัมพันธ์สาวคนเดิมยังเสียงแข็งใส่หล่อนไม่เปลี่ยนแปลง
ปาณนิศาแสร้งยิ้มเย็น ทั้งๆ ที่ภายในอกแสนจะหวาดหวั่น
“ลองโทรขึ้นไปขออนุญาตก่อนไหมคะ เพราะถ้าฉันไม่มั่นใจว่าเดนิเรล การ์รัสโซ่จะต้องการพบล่ะก็ ฉันไม่มีทางมาเหยียบที่นี่แน่นอน...”
พนักงานประชาสัมพันธ์พวกนั้นมองหน้ากันเลิกลั่ก ก่อนที่คนหนึ่งจะตัดสินใจต่อสายขึ้นไปหาเลขาหน้าห้องของเดนิเรล การ์รัสโซ่ และไม่นานปาณนิศาก็ได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจ
“เชิญคุณขึ้นไปรอท่านประธานที่ชั้นสิบเอ็ดค่ะ” แม่ประชาสัมพันธ์สาวที่ตอนนี้หน้าเหลือสองนิ้วครึ่งยังคงเสียงแข็งใส่หล่อนไม่เปลี่ยนแปลงเช่นเดิม
ปาณนิศาไหวไหล่น้อยๆ ก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยังลิฟต์ตัวใหญ่ที่จอดรออยู่ไม่ใกล้นัก และไม่นานหล่อนก็ได้ขึ้นมานั่งรอเดนิเรล การ์รัสโซ่ในห้องรับรองแขกบนชั้นสิบเอ็ด หญิงสาวทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟานุ่ม บรรยากาศภายในห้องรับรองแขกอบอวลไปด้วยความสวยงามของดอกไม้ แต่กระนั้นมันก็ไม่สามารถบรรเทาความตื่นกลัวที่เกิดจากสิ่งที่กำลังจะเผชิญหน้าได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ถ้าเดนิเรล การ์รัสโซ่เกิดไม่ตกลงขึ้นมาล่ะ หล่อนจะทำยังไง ความคิดนี้ทำให้สมองของปาณนิศาตึงเครียดจนแทบแตกระเบิด หวัง... หล่อนหวังว่าเดนิเรล การ์รัสโซ่จะมีน้ำใจมากกว่าลิโอเนล การ์รัสโซ่พี่ชายจอมโอหังของเขา แม้จะแค่นิดเดียวก็ยังดี
ร่างสูงใหญ่ของลิโอเนลก้าวยาวๆ ผ่านประตูธรณีห้องทำงานของเดนิเรลเข้ามา ก่อนจะมาทิ้งตัวนั่งแรงๆ บนโซฟานุ่มริมห้อง เดนิเรลเงยหน้าขึ้นจากเอกสาร มองผู้เป็นพี่ชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“พักนี้พี่ลีโอแปลกไปนะครับ”
เจ้าของชื่อกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะเอ่ยถามน้องชายด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดไม่ปิดบัง
“แปลกยังไงเจ้าแดน... หรือเห็นพี่มีสองหัว สี่ขากันล่ะ” คำยียวนจงใจกวนโทสะของลิโอเนลทำให้ผู้เป็นน้องชายหัวเราะออกมา
“แปลกที่หงุดหงิดทุกวันยังไงล่ะครับ ผมอยากรู้จริงๆ ว่าใครกันทำให้พี่ชายของผมหัวเสียแบบนี้ได้ ช่างมีความสามารถเก่งฉกาจนัก”
จะมีใครกันล่ะ ก็แม่อินทิภาเมียร่านร้อนของนายวินทราที่เสียชีวิตไปในเหตุการณ์ตึกอเวลเทลถล่มยังไงล่ะ ทั้งๆ ที่คิดว่าเขาจะสลัดแม่นั่นออกไปจากสมองได้อย่างง่ายดาย แต่ผิดคาด เพราะเจ้าหล่อนตามหลอกหลอนเขามาตลอดสองอาทิตย์เต็มๆ รสชาติกลีบปากอิ่มคู่นั้นเขาได้ปล้นจูบมายังตราตรึงอยู่ในสมองไม่เสื่อมคลาย จูบที่เขาตรอกใส่หน้าหล่อนว่ามันแสนห่วยแตก แต่ความจริงแล้วมันเป็นจูบที่เขาไม่สามารถลบเลือนออกไปจากความรู้สึกได้เลยต่างหาก ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปากหวานเท่ากับแม่อินทิภาแสนร่านร้อนคนนี้อีกแล้ว
ระยำ! ทำไมผู้ชายที่เย่อหยิ่งและสูงส่งอย่างเขาจะต้องมาวุ่นวายใจกับผู้หญิงต่ำช้าแสนสำส่อนอย่างแม่นั่นด้วย หล่อนควรจะเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายในโลกที่คนอย่างลิโอเนล การ์รัสโซ่จะชายตามองสิ แต่ทำไม... ทำไมเขาถึงได้รู้สึกกระหาย รู้สึกหิวเจ้าหล่อนถึงเพียงนี้นะ บ้าชะมัด!
“พี่ไม่ได้หงุดหงิด...”
“จริงเหรอครับ” คำพูดกลั้วหัวเราะของเดนิเรลทำให้ลิโอเนลยิ่งหัวเสียรุนแรงยิ่งขึ้น
“อย่ามาทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลยเจ้าแดน พี่... ลิโอเนลคนนี้ไม่เคยยอมให้ใครเข้ามาทำให้ตัวเองไม่มีสุขได้อยู่แล้ว และที่พี่หงุดหงิดอยู่ตอนนี้ก็เพราะว่าพี่...” ลิโอเนลหยุดพูดเพราะกำลังคิดหาเหตุผลที่น่าเชื่อถืออยู่ และเมื่อคิดได้ก็พูดออกมาทันที
“เพราะช่วงนี้พี่ทำงานหนักเกินไป... และพี่ก็ห่างหายจากเรื่องอย่างว่ามาเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว”
คนฟังหัวเราะร่วน ไม่มีทีท่าว่าจะเชื่อคำพูดของคู่สนทนาเลยสักนิด “เหตุผลของพี่ลีโอฟังขึ้นมากจริงๆ ครับ ผมเชื่อสนิทใจเลย”
ผู้เป็นพี่ชายรู้ดีว่าน้องชายตัวแสบตอบประชดแต่ก็ไม่คิดจะใส่ใจ “แน่นอน สำหรับลิโอเนล การ์รัสโซ่ไม่มีเรื่องอะไรมาทำให้หัวเสียได้หรอกนอกจากเรื่องงานและก็เรื่องเซ็กซ์...”
เดนิเรลไหวไหล่กว้างของตัวเองน้อยๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินออกมาหยุดตรงหน้าพี่ชาย “ได้ยินแบบนี้ผมก็สบายใจ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ มีเรื่องด่วนต้องรีบไปจัดการ...”
“เรื่องด่วนหรือ เรื่องอะไรเจ้าแดน...”
“อินทิภา โมราสมาขอพบผม...”
คนที่นั่งอยู่ดีดตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “อินทิภา โมราส เมียของนายวินทรา โมราสหรือ...?”
“ครับ... ว่าแต่ทำไมพี่ลีโอถึงต้องทำท่าทำทางตื่นเต้นแบบนั้นด้วยล่ะครับ” เมื่อถูกน้องชายหรี่ตามองอย่างสงสัย ลิโอเนลจึงรีบพูดแก้ตัวกลบเกลื่อน
“ก็... ก็จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไง นายจำได้ไหมว่าพี่เคยพบกับแม่นี่แทนนายเมื่อสองอาทิตย์ก่อนน่ะ แล้วแม่นี่ก็ทำท่าโอหังใส่พี่ แถมยังไม่ยอมรับข้อเสนอด้วย...”