ตอนที่ 2
“แก้มเธอไปโดนอะไรมาน่ะนิศา อย่าบอกนะว่า...”
วาดจันทร์เพื่อนร่วมงานที่สนิทกับหล่อนที่สุดร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นแก้มนวลของหล่อนแดงเป็นปื้นบวมช้ำ
“คราวนี้พ่อหรือแม่ของเธอกันล่ะ” มือบางสีขาวสะอาดของวาดจันทร์แตะใบหน้าของเพื่อนรักเบาๆจ้องมองด้วยความเวทนา
ปาณนิศาพูดไม่ออกได้แต่นิ่งเงียบและน้ำตาคลอเบ้า
“แต่ถ้าให้ฉันเดาล่ะก็... หนักหนาสาหัสแบบนี้พ่อของเธอแน่นอน ใช่ไหมนิศา”
เมื่อเห็นเพื่อนรักไม่ยอมตอบวาดจันทร์ก็มั่นใจเลยว่าสิ่งที่ตัวเองคิดนั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง หล่อนกำมือแน่นอดเจ็บแค้นแทนปาณนิศาไม่ได้ นี่ขนาดเพื่อนรักของหล่อนทำงานงกๆ ตลอดทั้งวันเพื่อหาเงินเอาไปให้ถลุงกัน แต่คนพวกนั้นที่ได้ชื่อว่าเป็นบุพการีก็ยังทำร้ายปาณนิศาขนาดนี้ ไม่รู้หัวใจทำด้วยอะไร
“เจ็บมากไหมนิศา... ฉันจะไปเอายามาทาให้...”
“ฉัน... ไม่เป็นไรหรอกจันทร์ ขอบใจเธอมากนะ”
วาดจันทร์มองเพื่อนด้วยความห่วงใย ก่อนจะถอนใจออกมา “เราเป็นเพื่อนกันก็ต้องรักกันสิ คราวหน้าคราวหลังหากมีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ต้องบอกฉันนะนิศา อย่าปล่อยให้ตัวเองเจ็บตัวแบบนี้ รู้ไหม...”
ความห่วงใยจากวาดจันทร์ทำให้น้ำตาของปาณนิศาผู้ที่ขาดแคลนความรักต้องร่ำไห้ออกมา “ในโลกนี้นอกจากพี่วินทราแล้วก็มีเธอเท่านั่นแหละที่ดีกับฉัน... จันทร์...” ปาณนิศาร่ำไห้ โผกอดร่างอรชรของวาดจันทร์เอาไว้แน่น พลางสะอื้นไห้จนตัวโยน
“ไม่เอาน่าอย่าร้องไห้... สักวันคนดีๆ แบบเธอจะต้องได้พบกับชีวิตที่ดีขึ้น เชื่อฉันนะนิศา...”
มันจะมีวันนั้นหรือ ปาณนิศาถามตัวเอง และก็พบว่าชีวิตของตัวเองนั้นไม่มีทางหลุดพ้นไปจากโคลนตมของขุมนรกได้อีกแล้ว ในเมื่อสิ่งที่บุพการีสั่งให้กระทำนั้นมันเป็นยิ่งกว่าการถูกจับโยนลงไปในนรกที่มีไฟร้อนๆ ลุกไหม้อยู่เสียอีก ศักดิ์ศรีของหล่อนจะต้องถูกย่ำยีเพราะเพียงแค่คำว่าเงินตราเพียงคำเดียว
“ขอบใจมากนะจันทร์ แต่... ฉันคงไม่มีทางขึ้นจากนรกขุมนี้ได้อีกแล้วล่ะ ไม่มีทางอีกแล้ว...” น้ำเสียงของคนพูดเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน วาดจันทร์ดันร่างอรชรของเพื่อนรักออกห่าง และจ้องใบหน้างดงามนั้นด้วยความเคลือบแคลง
“เธอหมายความว่ายังไงหรือนิศา... มีอะไรที่เธอยังไม่ได้บอกฉันหรือเปล่า”
คนถูกถามนิ่งเงียบ ไม่ยอมเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา วาดจันทร์จึงต้องคาดคั้นซ้ำอีกครั้ง “เธอไม่ไว้ใจฉันแล้วหรือนิศา... ฉันไม่ใช่เพื่อนรักของเธอแล้วใช่ไหม...”
ดวงตากลมโตที่มีน้ำตาเอ่อล้นอยู่ของปาณนิศาช้อนขึ้นสบตากับเพื่อนรัก “เธอคือคนที่ฉันไว้ใจที่สุดจันทร์...”
“ถ้าไว้ใจฉัน ถ้ายังเห็นฉันเป็นเพื่อนรัก เธอก็ไม่ควรปิดบังอะไรกับฉัน นิศา... สองหัวดีกว่าหัวเดียวนะ และฉันก็มั่นใจนะว่าตัวเองฉลาดพอที่จะช่วยเธอคิดหาทางออกกับปัญหาที่เธอกำลังเผชิญอยู่ได้ บอกฉันเถอะนะนิศา... อย่าแบกมันไว้คนเดียวเลย...”
ความจริงใจของวาดจันทร์ที่สะท้อนออกมาจากดวงตากลมโตและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยนั้นทำให้ปาณนิศาซาบซึ้งใจยิ่งนัก หากพ่อกับแม่ของหล่อนมอบความรักแบบนี้ให้กับหล่อนบ้าง แม้จะแค่เศษเสี้ยวเล็กๆ เท่านั้น หล่อนก็คงจะไม่ทุกข์ทรมานใจมากมายแบบนี้หรอก
“เธอช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอกจันทร์... เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่น่าอดสูเหลือเกิน...”
วาดจันทร์ถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ จ้องหน้าเพื่อนรักด้วยสายตามุ่งมั่น “ถึงแม้ว่าปัญหาที่เธอกำลังเผชิญอยู่นั้นจะใหญ่แค่ไหน และถึงแม้ว่าฉันจะไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้ แต่เชื่อเถอะว่าฉันจะยืนอยู่เคียงข้างเธอเสมอนิศา... ขอให้เชื่อฉัน...”
“จันทร์...” ปาณนิศามองเพื่อนด้วยความซาบซึ้ง น้ำตาไหลพรากไม่หยุด
วาดจันทร์ระบายยิ้มบางๆ ออกมา ยกมือขึ้นแตะต้นแขนของเพื่อนรักแผ่วเบา “เราจะผ่านปัญหานี้ไปด้วยกันนะนิศา เชื่อฉันว่าทุกปัญหามันจะต้องมีทางออก ขอเพียงแค่เราใช้สมองตรองให้ดีเท่านั้นเอง”
ทุกสิ่งที่วาดจันทร์พูดออกมานั้นมันคือความจริง ใช่... ทุกปัญหาบนโลกนี้มีทางออกเสมอ แต่มันไม่ใช่ปัญหาของหล่อนหรอก
“บอกฉันมาเถอะนิศา... เราจะได้ช่วยกันหาทางแก้ไขมันไง”
“พ่อบังคับให้ฉันไปจับพวกหนุ่มการ์รัสโซ่...”
กระแสเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากอิ่มของปาณนิศานั้นแสนจะแผ่วเบา แต่กระนั้นวาดจันทร์ก็ยังได้ยินชัดเจน
“ว่าไงนะนิศา...?!”
ปาณนิศายกมือขึ้นป้ายน้ำตาจากใบหน้าของตัวเองทิ้ง เพราะม่านน้ำตามันทำให้หล่อนมองหน้าของเพื่อนรักไม่เห็น
“พ่อต้องการให้ฉันหาสามีรวยๆ เพื่อที่พ่อกับแม่จะได้มีเงินใช้เล่นไพ่กับกินเหล้าไปตลอดชีวิต และคนที่พ่อของฉันเลือกก็คือพวกหนุ่มการ์รัสโซ่...”
ยิ่งพูดความอดสูก็ยิ่งท่วมท้นหัวใจ วาดจันทร์ดึงร่างสั่นสะท้านของเพื่อนรักเข้ามากอดปลอบประโลม พลางลอบถอนใจออกมาแผ่วเบา ปัญหาของปาณนิศามันใหญ่โตจริงๆ นั่นแหละ กับพวกการ์รัสโซ่ไม่มีใครที่สติดีๆ อยากจะยุ่งเกี่ยวด้วยหรอก เพราะมันเหมือนแหย่นิ้วเข้าไปในปากเสือนั่นเอง
“ใจเย็นๆ นะนิศา... เราต้องมีทางออก”
ปาณนิศาส่ายหน้าน้ำตาทะลักกับบ่าของวาดจันทร์ “ไม่มีทางออกหรอกจันทร์ พ่อให้เวลาฉันแค่อาทิตย์เดียว และหากทำไม่ได้พ่อจะจับฉันขายให้กับเสี่ยเจ้าของบ่อนที่พ่อไปเล่นทุกวัน... ฉันกลัว... ฉันไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว...”
“เธอก็หนีสินิศา หนีไปจากตุรกี ฉันจะพาเธอหนีเอง” เมื่อไร้ทางออกอื่นใด วาดจันทร์จึงเสนอหนทางสุดท้ายให้กับปาณนิศาเลือก
“ฉันทำไม่ได้...”
นั่นไงนึกอยู่แล้วเชียว วาดจันทร์บอกตัวเองในอก ก่อนจะรีบพูดขึ้น “แต่ถ้าเธอไม่ทำ เธอก็ต้องถูกขายนะนิศา เพราะฉันมองไม่เห็นทางที่เธอจะจับหนุ่มการ์รัสโซ่คนไหนได้เลย พวกนั้นน่ะสูงส่งปานเทพบุตร และผู้หญิงที่พวกเขามองก็สวยปานนางฟ้ากันทุกคน พวกเรามันก็แค่ก้อนกรวดก้อนดินที่พวกนั้นเหยียบย่ำเวลาเดินผ่านเท่านั้น...”
สิ่งที่วาดจันทร์พูดออกมานั้นมันคือความจริง ความจริงที่หล่อนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว ความจริงที่หล่อนต้องก้มหน้ายอมรับมัน
“แต่ฉันทิ้งพ่อกับแม่ไม่ได้ ฉันรับปากกับพี่วินทราเอาไว้แล้ว...”
วาดจันทร์ถอนใจออกมา “งั้นเธอก็ต้องถูกขายให้ไอ้เสี่ยนรกนั่นอย่างแน่นอนนิศา เพราะเวลาแค่หนึ่งอาทิตย์ไม่มีทางที่เธอจะทำให้หนุ่มการ์รัสโซ่คนไหนมารับเธอไปเป็นเมียได้หรอก แม้แต่แค่นางบำเรอฉันก็ยังคิดว่ามันยากพอๆ กับเข็นครกขึ้นภูเขาเลย... ผู้ชายพวกนั้นหยิ่ง ผยอง และโอหังในชาติตระกูลของตัวเองจะตายไป พวกเขาไม่มีทางมองเธอหรอก...”
ปาณนิศารู้ว่าวาดจันทร์หวังดีกับตัวเอง แต่หล่อนก็ไม่สามารถทำตามคำแนะนำของเพื่อนรักได้ หล่อนทิ้งพ่อกับแม่ไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่าท่านทั้งสองจะไม่ได้รักไม่ได้ห่วงใยหล่อนเลยก็ตาม “ฉันรู้จันทร์... แต่ฉัน... ฉันไม่มีทางเลือกอีกแล้ว ฉันจะต้องทำ...”
“แล้วเธอจะทำยังไงล่ะนิศา... ฉันคิดหาทางช่วยเธอไม่ออกเลยจริงๆ นี่ขนาดฉันว่าฉลาดแล้วนะ แต่พอพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับพวกหนุ่มๆ การ์รัสโซ่ขึ้นมา สมองของฉันมันทื่อเหมือนมีดขึ้นสนิมเลย ผู้ชายพวกนี้อันตราย ฉันกลัว...”
“ฉัน... จะไปหาเดนิเรล การ์รัสโซ่”
“เฮ้ย...! นี่เธออย่าบอกนะว่าจะ...” วาดจันทร์อุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก มองหน้าปาณนิศาอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่หูของตัวเองได้ยิน
“เธอคงไม่... คิดจะแย่งสามีของคนอื่นใช่ไหมนิศา”
คำถามของเพื่อนรักทำให้ปาณนิศาต้องรีบส่ายหน้าดิก มือบางยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่ชัดเจน
“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก แต่ฉัน... ฉันจะไปขอความช่วยเหลือจากเดนิเรล การ์รัสโซ่ต่างหาก”
“แล้วเขาจะช่วยเธอเหรอนิศา...” วาดจันทร์ถามอย่างเป็นกังวลแทนเพื่อน
ปาณนิศาถอนใจออกมาเบาๆ ดวงตากลมโตยังแดงก่ำเพราะผ่านการร่ำไห้มาตลอดทั้งคืน “เขาสัญญาว่าจะช่วยเหลือครอบครัวของพี่วินทรา และฉันเชื่อว่าเขาจะต้องจำคำสัญญานั้นได้...”
วาดจันทร์พยักหน้าหงึกๆ คิดตามเพื่อนรัก และก็เหมือนคิดอะไรได้จึงแย้งออกมา “แต่ฉันจำได้ว่าคนที่มายื่นข้อเสนอให้เงินเธอสิบห้าล้านคือลิโอเนล การ์รัสโซ่ไม่ใช่หรือนิศา... หรือว่าฉันจำผิด...”
ชื่อของผู้ชายคนนี้มีผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจของหล่อนเหลือเกิน แค่ได้ยินชื่อของเขา ภาพต่างๆ ของเขาก็ระเบิดขึ้นในสมองของหล่อนอย่างบ้าคลั่ง รวมไปถึงรสสัมผัสอำมหิตจากรอยจูบดุดันแสดงอำนาจบาตรใหญ่ของผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่หล่อนไม่สามารถลืมไปจากหัวใจได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ลิโอเนลเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้หล่อนหวั่นไหว
ลิโอเนลไม่ได้หล่อมากกว่าเดนิเรล การ์รัสโซ่ แต่ผู้ชายคนนี้มีอะไรบางอย่างที่ทำให้หล่อนเหมือนถูกสะกด เขาปากร้าย ปากจัด และเต็มไปด้วยความโอหัง แต่เขาก็หล่อระเบิด เขาเขย่าทุกเส้นประสาทของหล่อนให้ไหวระริก พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของหล่อนสั่นสะเทือนเพียงแค่ได้สบตากับเขาเพียงเท่านั้น
“เธอจำไม่ผิดหรอก... ลิโอเนลเป็นคนมายื่นข้อเสนอนั้นให้กับฉันจริงๆ แต่ฉันไม่รับมันเอาไว้”
แถมยังถูกปล้นจูบแรกไปอย่างน่าเจ็บใจอีก ปาณนิศาต่อประโยคนี้เงียบๆ ภายในใจ แก้มนวลแดงก่ำขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เมื่อนึกถึงสัมผัสดุดันของริมฝีปากกระด้างคู่นั้นของลิโอเนล ผู้ชายที่กระชากหล่อนลงนรกได้เพียงแค่จูบเดียว
“งั้นเธอก็ควรจะเลือกลิโอเนลนะนิศา เพราะเท่าที่ฉันอ่านหนังสือพิมพ์หนุ่มการ์รัสโซ่คนนี้ยังโสดสนิท ถึงแม้ว่ารายชื่อคู่นอนของเขาจะยาวเป็นหางว่าวก็ตาม...”
ปาณนิศาหลบตาเพื่อนรัก หล่อนก้มลงมองมือของตัวเองนิ่ง ก่อนจะพูดออกไปแผ่วเบา “ฉันกับลิโอเนลไม่ลงรอยกันสักเท่าไหร่ และสิ่งที่ฉันจะทำก็คือการไปขอร้องให้เดนิเรล การ์รัสโซ่เลี้ยงดูพ่อกับแม่ของฉันไปตลอดชีวิตเท่านั้นเอง ฉันไม่ได้ขออะไรมากเลยนะจันทร์...”
“แต่ความต้องการข้อนี้ของเธอลิโอเนลไม่ยอมให้ไม่ใช่หรือ”
ปาณนิศาพยักหน้ารับ ดวงตายังเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “ใช่ แต่ฉันคิดว่าเดนิเรล การ์รัสโซ่จะต้องให้มันกับฉัน หากฉันบอกเหตุผลจริงๆ ทั้งหมดกับเขา...”
“ดูเหมือนเธอจะเชื่อใจเดนิเรล การ์รัสโซ่มากนะนิศา...” วาดจันทร์หรี่ตามองเพื่อนรักอย่างเคลือบแคลง
“เขาน่าเชื่อถือที่สุดแล้วนี่...” ปาณนิศาพึมพำออกมาอย่างไร้ทางเลือก ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืน วาดจันทร์รีบลุกขึ้นตาม
“เธอจะไปไหนหรือนิศา อีกแค่ห้านาทีก็ถึงเวลาทำงานแล้วนะ” วาดจันทร์ว่าพลางยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกาข้อมือ
ปาณนิศามองเพื่อนรัก พยายามฝืนยิ้มให้ แต่ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน รอยยิ้มที่หล่อนปั้นได้ก็เป็นแค่รอยยิ้มแห้งแล้งเท่านั้น
“ลางานให้ฉันด้วยนะจันทร์...”
“แล้วเธอจะไปไหนนิศา...” วาดจันทร์เอ่ยถามอย่างไม่สบายใจ เพราะถ้าปาณนิศาลางาน วันนี้เพื่อนของหล่อนก็จะไม่ได้รับเงินค่าจ้าง แล้วนั่นก็จะทำให้ปาณนิศาถูกพ่อกับแม่ที่ถูกผีพนันกับผีน้ำเมาเข้าสิงทำร้ายเอาอีก
“ฉันจะไปหาเดนิเรล การ์รัสโซ่ จะไปทวงสัญญากับเขา”
“ไปตอนเลิกงานก็ได้นี่นิศา ฉันจะได้ไปด้วย...”
“เราเลิกงานตั้งสี่ทุ่ม ตอนนั้นเดนิเรล การ์รัสโซ่คงนอนหลับไปแล้วล่ะ”
วาดจันทร์พยักหน้าหงึกๆ อย่างเห็นด้วย จริงสินะหล่อนกับปาณนิศาทำโอทีกันทุกคืนกว่าจะได้เลิกงานก็สี่ทุ่มกว่านู่นแหละ
“แต่ฉันเป็นห่วงเธอนี่นิศา... กลัวว่าเธอจะถูกพวกนั้นจับโยนออกมา...”
ความห่วงใยที่วาดจันทร์มอบให้นั้นมันมากมายจนปาณนิศาน้ำตาซึมออกมาอีกรอบ หญิงสาวดึงมือของเพื่อนรักมากุมเอาไว้ และบีบเบาๆ
“ฉันสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดี... เชื่อใจฉันนะจันทร์”
วาดจันทร์ฝืนยิ้มออกมา แต่กระนั้นก็ยังอดห่วงเพื่อนรักไม่ได้อยู่ดี “เธอต้องสัญญากับฉันนะว่าจะไม่ทำอะไรที่เสี่ยงเกินไป ฉันเป็นห่วงเธอมากนะ”
“ฉันรู้... ฉันสัญญาว่าจะรีบกลับมา ขอบใจมากนะจันทร์ที่เธอยืนอยู่ข้างฉันเสมอ ฝากลางานกับหัวหน้าให้ด้วยนะ แล้วฉันจะรีบกลับมา”
ปาณนิศายกมือป้ายคราบน้ำตาที่เกาะแก้มนวลออกอีกครั้ง ก่อนจะรีบก้าวยาวๆ เดินออกไปจากห้างสรรพสินค้าที่หล่อนกับวาดจันทร์เป็นพนักงานอยู่อย่างรวดเร็ว วาดจันทร์มองตามไปด้วยความห่วงใย แต่ก็ทำได้แค่เพียงส่งกำลังใจไปช่วยเท่านั้น เพราะเรื่องของผู้ชายการ์รัสโซ่มันเหนือบ่ากว่าแรงของหล่อนเสียจริงๆ