บทที่3
หลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาแล้วหนึ่งร้อยวัน กับการให้กำเนิดจ้าวหลานหลิง จ้าวหย่งเหอ และจ้าวหนานอิง จึงจัดงานเลี้ยงฉลองครบหนึ่งร้อยวันให้กับหลานสาวเพียงหนึ่งเดียว ตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้
วันนี้ที่จวนตระกูลจ้าวจึงดูคึกคักและวุ้นวายเป็นพิเศษ เหล่าคหบดีน้อยใหญ่และเหล่าขุนน้ำขุนนางที่ได้รับเชิญ ต่างตบเท้าเข้ามาร่วมงานอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
"เชิญทุกท่านเชิญๆๆๆ"เสียงเอ่ยเชื้อเชิญแขกเหรื่อที่มาร่วมงานของเจ้าบ้านตระกูลจ้าว พร้อมกับรอยยิ้มปิติยินดี ที่ทำให้ใครหลายคนต้องอิจฉา โดยเฉพาะตระกูลไป๋ตระกูลฝั่งมารดาของจ้าวหลานหลิงตระกลูไป๋เป็นตระกูลแม่ทัพที่เป็นเสาหลักของแคว้นเหลี่ยง ผู้นำตระกูลไป๋อย่างไป๋หยางเซิน มีภรรยาเพียงหนึ่งเดียวนามว่าเหลี่ยงซานซานเป็นพระกนิษฐาขององค์ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน มีบุตรด้วยกันทั้งหมดสี่คน มีไป๋อี้เทียนเป็นรองแม่ทัพอายุยี่หกมีพลังธาตุน้ำและธาตุน้ำแข็ง
คนที่สองไป๋จิ้งเหออายุยี่สิบสี่เป็นกุนซือของกองทัพฉลาดหลักแหลมแถมยังเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการณ์พลังธาตุคือธาตุลมและธาตุสายฟ้า และยังเป็นผู้ใช้เวทย์แสง คนที่สามคือไป๋เถียนฟ่ง เป็นนายกองอยู่สังกัดกองทัพของผู้เป็นบิดาอายุยี่สิบเอ็ดพลังธาตุสายฟ้าและธาตุน้ำแข็งและยังเป็นผู้ใช้เวทย์แสงเหมือนพี่ชายคนรอง
และคนที่สี่ก็คือไป๋หนิงอันหรือจ้าวหนิงอัน ธาตุน้ำ และธาตุพฤกษาและเป็ผู้ใช้เวทย์แสง
ครอบครัวไป๋มีบุตรสาวเพียงคนเดียวก็คือจ้าวหนิงอันและยังเป็นที่รักของทุกคน เมื่อทราบว่าบุตรสาวเพียงคนเดียวให้กำเนิดบุตร และยังเป็นเพศหญิงที่ตระกูลไป๋นั้นยากที่จะมี หรือแม้กระทั่งลูกสะใภ้ก็ยังหาไม่ได้ จึงสร้างความอิจฉาริษยาให้กับคนตระกูลไป๋ยิ่งนัก
"คาราวะท่านแม่ทัพและฮูหยินเชิญขอรับ"ัจ้าวหย่งเหอเอ่ยกับอีกฝ่ายอย่างนอบน้อมก่อนจะเหลือบไปเห็นบุตรทั้งสามของท่านแม่ทัพ
" ..โอ้ว..นี้เล่นยกมากันทั้งครอบครัวเลยเลอะ.."คำเอ่ยเย้าและรอยยิ้มยั่วยวนของอีกฝ่าย สร้างความไม่พอใจให้กับท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นเหลี่ยงเป็นอย่างมาก
"ข้าจะมารับลูกและหลานของข้ากลับ"ว่าจบก็สบัดหน้าพรืดเดินเข้าจวนตระกูลจ้าวไปอย่างหัวเสีย
"ฮ่าๆๆๆ"เสียงหัวเราะที่ดังตามหลังมายิ่งทำให้ใบ้หน้าของไป๋หยางเซินแดงก่ำด้วยความโกรธ เมื่อแขกทุกคนมากันพร้อมงานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น เหล้ายาอาหารถูกลำเลียงออกมาไม่ขาดสาย
ทั้งการแสดงร่ายรำวงมโหรี ร่วมถึงการแสดงกายกรรมอีกมามายที่ทางเจ้าภาพนำมาให้แขกเหรื่อได้ชื่นชม สร้างความรื่นเริงบันเทิงใจให้กับเเขกเหรื่อที่มาร่วมงานยิ่งนัก ผิดกับโต๊ะของเจ้าบ้านที่มีบรรยากาศอึมครึมชวนอึดอัด เสียงถกเถียงของสองบุรุษวัยห้าสิบต้นๆสร้างความเบื่อหน่ายให้กับคนรอบข้างยิ่งนักโดยเฉพาะผู้เป็นภรรยาของทั้งสองฝ่าย ส่วนเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของมารดา กำลังจ้องมองบุรุษทั้งหลายที่อยู่ตรงหน้าตาแป๋ว คำว่าหล่อเหลาเกินบรรยายได้มาอยู่ตรงหน้านางแล้ว พวกท่านจะหล่อกันไปถึงไหน ยุคนี้ภพนี้มีแต่คนหล่อๆอย่างนี้เลยรึ ไม่ดีต่อใจเอาเสียเลย เด็กน้อยมองหน้าคนนั้นทีคนนี้ทีก่อนจะถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง และเหมือนคลายว่าเด็กน้อยคิดอะไรได้ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเอิกอ๊าก ทุกคนที่ร่วมโต๊ะกับเจ้าบ้านจ้าวมองเด็กน้อยด้วยแววตาสงสัย ละคนเอ็นดู บรรยากาศตึงเครียดที่สองผู้นำตระกูลจ้าวและไป๋แผ่กำจายออกมา ได้มะลายหายไปในพริบตา หลิงที่อยู่ในร่างเล็กจ้อย มองบุรุษรูปงามทั้งหลายตาแป๋ว ความรู้สึกเสียดายก่อเกิดขึ้นในจิตใจ แต่เมื่อนึกย้อนกลับไปเมื่อครั้งมีชีวิตในชาติภพก่อน ความเบื่อหน่าย การผูกมัด และความต้องการที่จะมีอิสระในการใช้ชีวิตโดยไม่ต้องถามความคิดเห็นใคร ไม่ต้องห่วงพระวง ไม่ต้องคิดเผื่อใคร ไม่ต้องทำเพื่อใคร ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลก่อเกิดเป็นกำแพงขนาดใหญ่ ปิดกั้นความรู้สึกรักใคร่เฉกเช่นชายหญิง มีเพียงความรู้สึกรักใคร่ผูกพันธ์ที่มอบให้กับครอบครัว เด็กน้อยมองดูชายหญิงทั้งหลายตาเป็นประกาย พวกเขางดงามหล่อเหลา แล้วนางจะขี้เหล่ได้อย่างไร เมื่อคิดได้ดังนั้นเสียงหัวเราะเอิกอ๊ากก็ดังขึ้นด้วยความชอบใจที่ตนนั้นโชดดีได้มาเกิดเป็นบุตรคนหล่อคนสวย
งานเลี้ยงยังคงเป็นไปอย่างราบรื่น แต่บุรุษวัยไล่เลี่ยกันสองคง ยังคงถกเถียงกัน เรื่องหลานสาวเพียงหนึ่งเดียว
"อาซุน เจ้าต้องพาอาอันและหลิงเอ๋อไปพักที่จวนแม่ทัพอย่างน้อยเดือนละสองครั้งครั้งละเจ็ดถึงสิบวัน"
"ไม่ได้อาอันเป็นสะใภ้ข้า เป็นคนตระกูลจ้าวตายก็เป็นผีตระกูลจ้าว ก็ต้องอยู่ที่จวนตระกูลจ้าวจะไม่ไปไหนทั้งนั้น และที่สำคัญหลิงเอ๋อเป็นหลานสาวของข้า"
"จะได้อย่างไร อาอันเป็นบุตรสาวของข้า จะเป็นคนตระกูลจ้าวได้อย่างไร หลิงเอ๋อก็เป็นหลานสาวของข้าเช่นกัน ข้าก็ย่อมมีสิทธิพาพวกเขากลับจวน"
"ไม่ข้าไม่ยอม" เสียงบุรุษวัยกลางคนถกเถียงกันอย่างไม่ยอมความ จนในที่สุดก็ได้ยินเสียงหัวเราะเอิกอ๊ากของเด็กน้อยสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนยิ่งนักนั้นจึงเป็นเหตุทำให้เสียงบุรุษวัยกลางคนสองยุติลง ทุกคนต่างหันมามองเด็กน้อยที่หัวเราะด้วยความชอบใจพร้อมประกายตาอ่อนโยน เสียงหัวเราะกังวาลใสเรียกรอยยิ้มจากใบ้หน้างามของผู้เป็นมารดาได้เป็นอย่างดี
"สงสัยอาหลิง จะชอบที่ท่านทั้งสองถกเถียงกัน"วาจาเรียบเลื่อยพร้อมกับรอยยิ้มถูกส่งไปให้บุรุษวัยกลางคนสองคน รอยยิ้มบนใบ้หน้าของทั้งสองต่างหุบฉับพร้อมกับสบัดใบหน้าอย่างแง่งอนใส่บุตรสาวและลกสะใภ้ เรียกเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี ใช่ทุกคนคิดเช่นนั้นแต่เปล่าเลยสำหรับหลานหลิงที่นางหัวเราะเพราะว่าภายพากหน้านางจะต้องเป็นหญิงสาวที่สวยที่สุดคนหนึ่งอย่างแน่นอน