บทที่1.เจ้าหนี้ขาโหด 3/3
“หึ!! ฉันไม่ยืมเงินแกหรอกพิไล...แค่อยากรู้ว่าหล่อนสบายดีไหม เหนื่อยหรือเปล่ากับการสวมหน้ากากเป็นคนรวย...” ทะนงเปรย เขาทรุดนั่งบนเก้าอี้หวายอย่างอ่อนแรง หลังออกไปตะเวนอยู่ด้านนอกมาทั้งวัน เกี่ยวกับเรื่องหนี้สินที่ตัวเองสร้างเอาไว้
“วาด พ่อขอบใจลูกนะ ที่เสียสละเพื่อพ่อครั้งนี้ ความหวังของพ่อก็อยู่ที่วาดแล้วล่ะ”
ชายสูงวัยพูดเสียงแห้ง หากให้หาเงินจำนวนนั้นไปคืนเจ้าหนี้ มันก็สุดปัญญาที่ท่านจะทำได้เมื่อแม้แต่แรงยืนยังไม่ใคร่จะมี งานก็ไม่ได้ทำ แถมรายได้ที่มี ก็มาจากเงินเดือนของวันวาดอย่างเดียวผสมกับเงินเดือนหลังเกษียรไม่เท่าไร ค่าเช่าที่แบบสมัยก่อน ไม่เหลือแล้ว เพราะทะนงเอาที่ทางที่เคยสะสมไว้ออกจำหน่าย หลังจากหลงใหลไปกับการพนัน...ชั่วเวลา3ปีมานี่ เขาผลาญสมบัติไปจนหมด...
วันวาดได้แต่ยิ้มเซียวๆ ภาระที่เธอแบกไว้ ดูเหมือนจะหนักเกินกำลัง เมื่อผู้มีพระคุณขยันโยนภาระนั่น มาที่เธอเหลือเกิน เธอเดินเลี่ยงไปทางหลังบ้าน หลังแน่ใจว่าบิดาหลับ ท่านคงอ่อนเพลียและต้องการพัก...
“เหอะ!! ทำเป็นคนดีเอาหน้า...เธอนี่มันนางเอกตัวจริงเลยนะวาด”
พิไลลักษณ์แควะ เมื่ออดไม่ได้ที่จะหมั้นไส้คู่ปรับตั้งแต่เด็กจนโต...ขนาดหล่อนโดนกดจนไม่มีโอกาสได้เงยหน้าขึ้นมาผยอง ทั้งที่เป็นลูกสาวแท้ๆ ไม่ใช่กาฝากอย่างเธอ
“...” วันวาดไม่ได้ตอบ เธอตักข้าวใส่ปาก พยายามไม่สนใจเสียงกระแหนะกระแหนที่ลอยมาตามลม
“เธอไม่ลองหา ‘ผัว’ รวยๆ สักคนล่ะ เผื่อจะช่วยล้างหนี้ให้คุณพ่อได้” คำแนะนำนั่น ทำให้วันวาดสติหลุด
“แบบที่เธอทำเหรอพิไล...พยายามเอาตัวเร่ขาย...แต่ก็ยังไม่มีใครสน” แววตาจัดจ้า กับอากัปกริยาเตรียมพร้อมสู้ทำให้พิไลลักษณ์ชะงัก
“คนอย่างฉันน่ะวาด...ไม่ยอมตกต่ำอยู่แค่นี้หรอก...ส่วนเธอ แบกไปเถอะภาระทั้งหมดที่ พ่อ เธอก่อไว้เถอะ ฉันจะอวยพรให้เธอตามใช้หนี้จนหมด” หญิงสาวกล่าวเยาะ ก่อนจะเดินลอยชายออกไปอย่างอารมณ์ดี ทิ้งปัญหาหนักอกไว้ที่วันวาดแทน
รัชนีเดินเข้ามาในครัว หลังลูกสาวบุญธรรมของพิไลเดินจากไป นางวางมือบนบ่าบอบบางของบุตรสาว
“วาด...เป็นไงบ้างลูก...เหนื่อยมั้ย?”
เสียงอ่อนเศร้า แววตาแสนห่วง มารดาคือคนๆ เดียวที่รักและหวังดีกับเธอจริงๆ
“ไม่ค่ะแม่ วาดไหว...”
หญิงสาวสอดมือกอดเอวมารดา หลุบเปลือกตาลง เอียงแก้มซบอกอุ่น เพื่อขอพลังในการฝ่าฟันอุปสรรค เธอมีภาระหนักที่ต้องทำเพิ่ม ไม่รู้ว่าจะต้องเจอมนุษย์เจ้าอารมณ์ขนาดไหน เพราะส่วนมากคนป่วยที่เคยเป็นคนแข็งแรง มักจะไม่ค่อยยอมรับความจริง เขาน่าจะร้ายพอดู ไม่อย่างนั้น ผู้ชายคนนั้นคงไม่ใช้ข้อบีบบังคับเพื่อให้เธอยอมตกลง...แต่หากทำสำเร็จ เธอจะได้ช่วยบิดาปลดหนี้ จะเหนื่อยจะหนักแค่ไหน? วันวาดก็จะขอสู้ เธอมีแรงมีกำลังพอสู้...อดนอนนิดๆ หน่อยๆ คงไม่ถึงตาย...
“แกจะทรมานตัวเองไปเพื่ออะไรว่ะ พี่ถามหน่อย?”
เบนถามโจนาธานเสียงเคร่ง ไอ้น้องตัวแสบไม่ยอมแตะทั้งยาและอาหาร จนร่างกายซูบเซียว ใบหน้าหล่อเหลาผอมซูบจนมองเหมือนผีตายซากเข้าไปทุกวันหลังจากผลการตรวจอย่างละเอียดออกมา เขามีเปอร์เซ็นเดินได้แค่50%
“ปล่อยผมตายเถอะพี่ อยู่แบบนี้มันก็เหมือน ผมตายทั้งเป็นอยู่แล้วนี่”
โจนาธานพูดเสียงเรียบ จะให้เขานอนเป็นผักเน่าแบบนี้ถึงเมื่อไร เขาเบื่อจนเอียน เขาทนมองเห็นตัวเองเป็นแบบนี้ไม่ไหว มันทุเรศตัวเองเหลือเกิน
“แกจะหมดหวังได้ยังไงว่ะ หมอบอกแล้วนี่หว่า แกมีสิทธิหาย... ถ้าแกแข็งแรงกว่าตอนนี้ และยอมทำกายภาพบำบัด...”
เบนพยายามโน้มน้าว ความหวังจะสัมฤทธิ์ผลก็ต้องมีกำลังใจเป็นแรงผลัก แต่นี่...อะไร!! ยังไม่ทันสู้ก็ท้อถอยเสียแล้ว แบบนี้เมื่อไรโจนาธานจะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม... อีกอย่าง... เบนทำเพื่อตัวเองด้วย รูธมีแค่เขากับน้อง หากโจนาธานเป็นอะไรไป คงได้สิ้นทายาท เพราะเบนเอง...คงไม่สามารถสืบสกุลได้...เขาไม่ได้เป็นหมัน แต่...
โจนาธานไม่ได้ตอบกลับ เขาเบือนหน้ามองเหม่อไปนอกห้อง เหมือนเป็นการตัดบทสนทนา