บทที่1.เจ้าหนี้ขาโหด 2/3
“มันไม่ใช่ปัญหาของฉันนะ เธอกับพ่อเธอต้องตกลงกันเอง...แต่พรุ่งนี้ถ้าฉันไม่เห็นเธอ พ่อเธอก็ต้องเอาเงินมาคืนฉัน ไม่อย่างนั้น...” เบนยิ้มเหี้ยม เขาไหวไหล่เบ้ปาก ปลายตามองสองคนพ่อลูกแบบเหนือกว่า
“คุณ!!”
“ทำไม? ฉันทำไมเหรอ...พ่อเธอเป็นหนี้ฉัน และฉันขอแค่นี้เอง...ไม่ยากนี่นา เธอก็เลือกเอาสิจะมีพ่อที่มีลมหายใจ หรือมีพ่อที่ไม่มีลมหายใจ!!”
เบนตอบเสียงเหี้ยม หล่อนกับบิดาเป็นลูกหนี้ สิ่งที่เขาอยากได้ หล่อนกับพ่อไม่มีสิทธิปฏิเสธ!!
“ค่ะ...วาดจะดูแลคนป่วยของคุณเอง...แต่...แค่กลางคืน เพราะ กลางวัน วาดต้องทำงานที่โรงพยาบาล”
หญิงสาวกลั้นใจตอบ เอาน่า...ไม่ถึงตายหรอก คนป่วยที่เขาพูดถึงน่าจะอาการหนักพอสมควร เธอคงพอมีเวลางีบช่วงหนึ่ง หากเขาดีขึ้น เธอก็คงเป็นไท...
“ดี...ตามนั้น”
เบนยิ้มรับ เขากำลังจะออกเดิน แต่วันวาดร้องเรียกไว้ก่อน
“วาดขอประวัติคนป่วยไปศึกษาด้วยค่ะ จะได้หาวิธีตั้งรับและวิธีทำให้เขาดีขึ้นด้วย”
ไหนๆ ก็ตกลงปลงใจรับงานนี้มาทำ วัดวาดจึงจำเป็นต้องรู้จักคนป่วยคนนี้ เพื่อตัวเองและบิดา
“ได้...” เบนพยักหน้ารับ “ไทย เอาประวัติน้องชายฉันให้หล่อนดูสิ”
เบนสั่ง เขาออกเดินหน้าตั้ง เมื่อเวลาที่โจนาธานมาถึงกระชั้นเต็มที...เขาส่งโจนาธานไปตรวจร่างกายที่อเมริกา และวันนี้คือกำหนดกลับของน้องชาย
แฟ้มสีน้ำตาลไหม้ ไทยหยิบจากโต๊ะทำงานของเบน มายัดใส่มือวันวาดพร้อมกับกระซิบเสียงเคร่งๆ
“หากอยากอยู่จนปลดหนี้ให้พ่อเธอได้...อย่าพยายามอ่อย คุณโจ!!”
ไทยเดินตามเจ้านายไปติดๆ เขาเป็นการ์ดกึ่งเลขา ทำงานทุกหน้าที่แล้วแต่เบนจะสั่ง...เป็นลูกน้องที่รู้ใจเบนสุดๆ
วันวาดถอนใจแรงๆ “กลับบ้านกันเถอะค่ะพ่อ วาดต้องไปศึกษาคนป่วยคนนี้”
หญิงสาวรีบประคองทะนง เขาอ่อนแรงมาก แม้แต่แรงยืนยังไม่ค่อยมี ที่วันวาดไม่เข้าใจ ทะนงอ่อนเปลี้ยขนาดนี้ เขานั่งหลังขดหลังแข็งในบ่อนได้ยังไงเป็นวันๆ
“วาด...พ่อเหลือแค่วาดนะลูก”
ระหว่างทาง ทะนงย้ำแล้วย้ำอีก หากวันวาดหนี นั่นหมายถึงลมหายใจของเขาจะปลิดปลิวเช่นกัน
“ค่ะพ่อ...วาดจะพยายาม”
แม้จะรู้สึกหนักหน่วงในอก เรื่องงานหนัก เรื่องฤทธิ์เดชของคนป่วยวันวาดไม่เคยนึกกลัว แต่เท่าที่เปิดอ่านแบบผ่านๆ คนป่วยของเธอ แค่ไม่พยายาม...เขาต่อต้านการทำกายภาพบำบัด เพราะหากเขาไม่ท้อไปเสียก่อน...ช่วงเวลานี้ เขาน่าจะขยับตัวได้บ้างแล้ว...หญิงสาวระบายลมหายใจออกมาแผ่วๆ เธอยังมีความหวังที่จะช่วยเขาได้...หากผู้ป่วยให้ความร่วมมือ...และนั่นแหละที่ทำให้วันวาดหนักใจ เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา คนป่วยจอมยโสคนนี้ ป่วนคนดูแลเขามาไม่ใช่น้อย
บ้านพิศิษรุ่งเรือง...
พิไลลักษณ์นั่งตะไบเล็บอยู่บนพื้น เธอเหลือบมองวันวาดแบบหมิ่นๆ ก่อนจะรีบหลุบเปลือกตาลง เพราะทะนงเหลือบมามองพอดี
“กลับบ้านถูกด้วยเร้อแม่พิไล?”
ท่านพูดประชดบุตรบุญธรรม ที่อุตส่าห์กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูมาอย่างดิบดี แต่กลับพึ่งพาไม่ได้สักนิด
“งานพิไลยุ่งนี่คะคุณพ่อ ไม่ได้ว่างงานเหมือนคนบางคน”
หล่อนเอ่ยประชดถึงคนด้านหลังบิดา วันวาดทำตัวว่าง ประหนึ่งไม่มีงานมีการทำ ไม่ว่าบิดาจะไปไหน หล่อนอาสาแทบทุกครั้ง
“หล่อนทำงานเดือนเป็นแสนเรอะแม่พิไล ถึงไม่มีเวลาว่างเหมือนคนอื่นเขา”
ท่านพูดประชด พิไลลักษณ์ทำงานเป็นเลานุการ หล่อนฟุ้งเฟ้อเสียจนเงินเดือนยังไม่พอกิน ใช้จ่ายไปกับเครื่องสำอางและเสื้อผ้า
“คุณพ่อคะ งานพิไม่ได้ทำแค่เช็ดขี้เช็ดเหยี่ยวให้คนป่วยนะคะ งานเอกสาร งานนั่นนี่จิปาถะ พิไลยุ่งจนหัวฟู”
คำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น แต่ทะนงคร้านที่จะต่อความเมื่อพิไลลักษณ์ไม่เคยยอมรับความจริง...หล่อนฟุ้งเฟ้อจนเป็นสันดาน
“พิไล!!”
“อย่าถามเรื่องเงินนะคะคุณพ่อ พิไลกำลังช็อต!!”
หญิงสาวรีบออกตัว เธอรีบรวบอุปกรณ์ทำเล็บมาถือ แล้วจึงรีบเดินหนีไปจากตรงนั้น ก่อนที่นายทะนงจะขอยืมสตางค์