บทที่6 ขอบเขตผู้เชี่ยวชาญ
ยังไม่ทันที่ชายสองคนจะได้พูดอะไรออกมา จ้าวเทียนก็ได้หายไปจากสายตาของทั้งสองทันที
ตูม! ตูม!
ร่างของชายสองคนถูกอัดกระแทกพื้นอย่างรุนแรง มีเสียงเหมือนกระดูกหักดังซ้อนกันสองครั้ง
“ โอ้ย…แกเป็นใครวะ” ชายวันกลางคนร้องถามด้วยความเจ็บปวด กระดูกชายโครงเขาเหมือนจะหัก
จ้าวเทียนไม่สนใจสิ่งที่ชายคนนั้นถาม เขาจิกผมลากชายทั้งสองไปตามทางเดิน จนออกไปด้านอกอาคาร
บริเวณจุดทิ้งขยะที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่า เขาได้ฟาดสันมือใส่หลังคอของชายหนุ่มให้สลบ แล้วกระชากคอเสื้อชายวัยกลางคน ยกอีกฝ่ายขึ้นจนขาลอยเหนือพื้น
“ บอกมา…ใครใช้ให้แกมาทำร้ายน้องสาวฉัน ”
“ อย่าคิดโกหก เดี๋ยวฉันจะปลุกเพื่อนแกขึ้นมาถามด้วย ถ้าแกตอบไม่เหมือนกันคงรู้นะอะไรจะเกิดขึ้น ”
“ แก…ได้ๆฉันบอกก็ได้แต่แกต้องรับปากจะปล่อยฉันไป ” ชายคนนั้นพยายามต่อรอง
ผัวะ!
จ้าวเทียนต่อยไปที่ใบหน้าชายคนนั้น1ที จนเลือดกำเดาไหลออกมา
“ โอ้ยๆ…ฉันบอกแล้ว ” ชายคนนั้นรีบตอบด้วยความหวาดกลัว ” พี่หม่าจิ้งเป็นคนสั่ง ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆปล่อยฉันไปเถอะ ”
หลังได้รับคำตอบจ้าวเทียนก็ทุบชายคนนี้ให้สลบ แล้วปลุกอีกคนขึ้นมาถามใหม่ ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบเหมือนกัน เป็นหม่าจิ้งแห่งคลับแมวป่าเป็นคนสั่ง
“ พี่ใหญ่เราสองคนก็บอกพี่ไปหมดแล้ว ปล่อยพวกเราไปเถอะ ” ทั้งสองคนคุกเข่าก้มหัวให้จ้าวเทียนไม่หยุด
“ ปล่อยพวกแกไปเพื่อให้ไปฆ่าคนอื่นอีกงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนเดินเข้าหาทั้งสองด้วยสายตาอำมหิต เขาไม่มีทางยอมอภัยให้พวกมัน หากเขากลับมาไม่ทันน้องสาวของเขาคงต้องตายไปแล้ว
หรือพูดในอีกแง่หนึ่ง เศษสวะสองตัวนี้มันได้ฆ่าน้องสาวเขาไปแล้วในอดีต เพราะหลังจากที่เขาโดนหลี่ตงซ้อมจนตาย ก็คงไม่มีใครมาช่วยน้องสาวของเขาได้
เพราะฉะนั้นจุดจบของพวกมันมีเพียงความตายเท่านั้น
“ แต่ถ้าพี่ฆ่าพวกเรา ตำรวจไม่ปล่อยพี่แน่ ” ทั้งสองพยายามหาทางรอดให้ตัวเอง
“ หึ…ก็อย่างที่แกบอกไม่ใช่เหรอ แถวนี้มีคนสูญหายเป็นเรื่องปกติ ” สิ้นเสียงของจ้าวเทียน เขาก็ปล่อยหมัดออกไปอย่างแรงสองครั้ง เสียงเหมือนลูกแตงโมที่ถูกทุบละเอียดดังขึ้นสองที
“ พวกคุณออกมาเถอะ! ” จ้าวเทียนพูดขึ้นน้ำเสียงเย็นชา ตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก
“ สวัสดีครับนายน้อยจ้าว พวกเราไม่ได้มีเจตนาร้ายนะครับ” ชายในชุดสูทสีดำสองคนเผยตัวออกมา เขารีบพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงลนลาน พวกเขาหวาดกลัวจริงๆเมื่อเห็นการลงมือของจ้าวเทียน
“ ฉันรู้แล้วล่ะ…พวกคุณเป็นคนของตระกูลลี่ใช่ไหม ฉันรู้สึกว่าพวกคุณตามฉันมาซักพักแล้ว ” จ้าวเทียนพูดขึ้นแบบสบายๆ ตอนนี้อารมณ์ของเขากลับมาสงบนิ่งเหมือนเดิมแล้ว
“ ใช่แล้วครับ นายผู้เฒ่ารู้จากคุณหนูลี่เฟยว่านายน้อยพักอยู่ที่ห้องเช่า เลยยกอพาร์ทเม้นท์ที่ถนนเขต11ให้นายน้อยจ้าวครับ ”
“ พวกผมมีหน้าที่มาช่วยนายน้อยขนย้ายของ ” ชายอีกคนช่วยพูดขึ้นด้วยความนอบน้อม
จ้าวเทียนนิ่งไปซักพักก่อนจะตอบตกลง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นแล้วโทรไปขอบคุณท่านปู่ลี่ด้วยความสำนึกบุญคุณ
หลังจากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาคงไม่วางใจให้น้องสาวอาศัยอยู่ที่แบบนี้แน่นอน สิ่งที่ตระกูลลี่เสนอให้นับว่าตรงกับความต้องการของเขาพอดี และเพื่อเป็นการตอบแทน เขาจะช่วยให้ตระกูลได้มีผู้เชี่ยวชาญเพิ่มขึ้นอีกซักหลายคนแล้วกัน
สำหรับเขาที่เคยเป็นถึงมหาเทพตี้เทียนนั้น การสร้างผู้เชี่ยวชาญก็ง่ายเหมือนปั้นดินน้ำมัน ขอแค่มีสมุนไพรมากพอ ต้องการกี่คนก็ได้เท่านั้น
“ ฝากจัดการเรื่องศพด้วยนะ” จ้าวเทียนพูดขึ้นก็จะเดินขึ้นห้องไป
“ พวกเราจัดการเองครับ ” ชายในชุดสูทรับคำ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาโทรออกทันที
ภายในห้องจ้าวเทียน
ห้องเล็กๆขนาดเพียง10ตารางเมตร มีเตียงเก่าๆตั้งอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง ตอนนี้น้องสาวของเขาจ้าวหยูเหมยกำลังนอนหลับสนิทเพราะพิษไข้ หลังจากเอามือไปวางทาบบนหน้าผากของเธอดู พบว่ามันร้อนมาก จ้าวเทียนก็ได้แต่รู้สึกแค้นตัวเอง
“ ในอดีตเพราะฉันมัวแต่เสียใจกับเรื่องของซุยหลิง และการตายของพ่อ ทำให้ละเลยน้องสาวของตัวเองมาโดยตลอด ”
“ น้องสาวของฉันต้องทำงานบ้านทุกอย่าง ทั้งยังออกไปทำงานพิเศษจะเหน็ดเหนื่อย เพื่อหาเงินค่าอาหารมาเลี้ยงครอบครัว ฉันมันใช่ไม่ได้จริงๆ ”
เขาเอื้อมมือไปลูบหัวของน้องสาวด้วยความรัก
“ พี่ชาย…กลับมาแล้วเหรอเดี๋ยวหนูไปทำอาหารให้นะ ” เสียงเด็กหญิงดังขึ้นด้วยความอ่อนแรง โดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมา เธอคงจะละเมอเพราะพิษไข้
จ้าวเทียนก้มลงอุ้มน้องสาวของเขาขึ้นมาอย่างเบามือ เพื่อไม่ให้เธอตื่น
“ พี่สัญญาต่อไปนี้พี่จะปกป้องน้องเอง…เราจะต้องได้ทุกสิ่งที่เราสูญเสียไปคืนมา ” จ้าวเทียนก้มลงกระซิบที่ข้างหูน้องสาวเบาๆ แล้วกระชับอ้อมกอดขึ้นเล็กน้อย
เมื่อสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดและได้ยินเสียงกระซิบของพี่ชาย มุมปากของจ้าวหยูเหมยก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กๆ เชื่อว่าคืนนี้เธอคงฝันดี
ตอนนี้เที่ยงคืนตรง จ้าวเทียนตอนนี้ได้ย้ายมาอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ห้องใหม่แล้ว ซึ่งมีระบบดูแลความปลอดภัยดีเยี่ยม หลังจากที่มาถึงเขาก็ได้ทำยารักษาไข้ให้น้องสาวกิน จนตอนนี้เธอหลับไปอย่างสบาย คาดว่าพรุ่งนี้สายๆคงหายดี
หลังจากนั้นเขาก็ได้เริ่มทำยา เพื่อใช้ในการเปิดเส้นลมปราณของตัวเอง ด้วยสูตรยาเฉพาะของแดนสวรรค์ โดยใช้หม้อต้มยาโบราณที่เขาขอยืมมาจากท่านปู่ลี่
เวลาผ่านไป3ชั่วโมง
ยาเม็ดสีเขียวอ่อนจำนวนสามเม็ดวางอยู่บนมือของจ้าวเทียน กลิ่นอันหอมหวนฝของเม็ดยากระจายไปทั่วห้อง ต่อให้เป็นเพียงคนธรรมดาสูดเอากลิ่นนี้เข้าไป ก็จะรู้สึกสดชื่นขับไล่ความเหนื่อยล้าที่สะสมมานานให้หายไปทันที
“ ยาหยวนตัน3เม็ด ฉันใช้แค่เม็ดเดียวก็พอแล้ว ที่เหลือยกให้ตระกูลลี่ก็แล้วกัน ”
ยาหยวนตัน เพียงแค่เม็ดเดียวก็ทำให้ผู้ที่อยู่ในขอบเขตนักสู้ระดับ9 สร้างเส้นลมปราณได้ทันที ถือเป็นยาในตำนานของโลกมนุษย์ที่สูตรการกลั่นเม็ดยา ถูกครอบครองโดยสำนักโบราณ น้อยมากที่จะได้พบเจอซักเม็ด
ฟู่…
จ้าวเทียนระบายลมหายใจออกมายาวๆ หลังจากที่โยนยาหยวนตัวเข้าปากไปเม็ดหนึ่ง เขาเริ่มฝึกวิชาหมื่นตะวันทันที ใช้เวลาไป5ชั่วโมงเขาก็ค่อยๆลืมตาขึ้น
ตอนนี้ภาพของสิ่งต่างๆรอบตัวเขาเหมือนจะชัดเจนขึ้น สามารถมองเห็นลวดลายของปีกแมลงวันที่บินผ่านไป หรือได้ยินเสียงหยดน้ำค้างตกลงบนใบไม้ ที่อยู่ห่างจากตัวเขาถึง100เมตร
“ เพียงแค่คืนเดียวข้า ก็มาถึงขอบเขตรวมลมปราณระดับกลางแล้ว ซึ่งถ้าเป็นในโลกมนุษย์ก็คงเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญระดับกลางสินะ”
“ แต่วิชาฝึกตนของแดนสวรรค์นั้นดีกว่าบนโลกมาก ตัวข้าในตอนนี้คงจะพอรับมือปรมาจารย์ขั้นต้นได้แล้ว ”
จ้าวเทียนลุกเดินไปยืนที่ระเบียง มองดูดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นสู่ขอบฟ้า เขาก็เริ่มสูดหายใจรับเอาพลังแสงอาทิตย์เข้าทางรูขุมขนทันที
เคล็ดวิชาหมื่นตะวันนั้น ฝึกควบคู่ไปทั้งพลังปราณและร่างกาย ในช่วงที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นนั้นเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการรับเอาพลังงานแสงอาทิตย์เข้ามา เพราะเป็นเวลาที่แสงอาทิตย์อ่อนโยนที่สุด
รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันชัดเจนกว่าเดิม เนื่องจากตัวเขาได้เปิดเส้นลมปราณแล้ว นอกจากจะช่วยหลอมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกแล้วมันยังได้ช่วยขยาย และทำความสะอาดเส้นลมปราณ ให้บริสุทธิ์กว่าเดิมอีกด้วย
“ ดูจากความเร็วในการฝึกตนของฉัน อีกสองวันก็คงเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงแน่นอน เรื่องขจัดพิษเก้าหยิน ของท่านปู่ลี่คงจะมั่นใจได้100%เลยทีเดียว ”
โครก คราก!
“ อืม…ตอนนี้หาอะไรรองท้องก่อนดีกว่า ” เขารีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อลงไปกินอาหารเช้า
ในร้านอาหารจีนแห่งหนึ่ง ตอนนี้พนักงานในร้านและลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหารกำลังมองค้างไปที่โต๊ะตัวหนึ่งด้วยความตกตะลึง
แกร้ก!
เสียงจานที่วางซ้อนกันจนสูงเกือบเมตร ดึงดูดความสนใจจากคนรอบๆได้เป็นอย่างดี ตอนนี้อาหารจำนวนมาก กำลังถูกยัดลงไปในกระเพาะของจ้าวเทียนอย่างต่อเนื่อง
“ นี่มัน…เขาใช่ถ่ายรายการกินจุอยู่หรือป่าว” พนักงานคนหนึ่งถามเพื่อนที่อยู่ข้างๆ
“ ไม่รู้สิ แต่ว่าตอนนี้เขาน่าจะกินเข้าไปเกิน10กิโลกรัมแล้วนะ” เขาตอบด้วยเสียงที่อึ้งเล็กน้อย
จ้าวเทียนตอนนี้ไม่ได้สนใจสายตาคนอื่นมากนัก หลังจากที่เขาขึ้นเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับกลาง ระบบเผาผลาญก็ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ตอนนี้เขารู้สึกว่าร่างกายเต็มไปด้วยพลัง ไม่มีอาการแน่นท้องแต่อย่างใด
“ นายพอจะรู้เรื่องคลับที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไหม ” เขาถามพนักงานที่เดินมาเก็บเงินโดยยกเงินทอนให้
“ รู้สิครับ…คลับนี้ดังมากเลยนะ แต่จะรับแต่ลูกค้าสมาชิกเท่านั้น คนธรรมดาต้องเสียค่าเข้าตั้ง 1000หยวน ” พนักงานเมื่อได้รับเงินก็ตั้งใจตอบอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจ้าวเทียนจะถามอะไรเขาก็ตอบได้หมด จนตัวจ้าวเทียนเองก็รู้สึกแปลกใจ
“ อ๋อ…กลางคืนผมไปทำงานที่คลับแมวป่าต่อครับ ” เขาพูดออกมาเมื่อเห็นใบหน้าสงสัยของจ้าวเทียน
“ หม่าจิ้งเจ้าของคลับแมวป่าเป็นคนของตระกูลหวัง แสดงว่าเรื่องเมื่อคืนไม่ใช่ฝีมือของจางถงอย่างที่ฉันคิด ” จ้าวเทียนรู้สึกผิดคาดเล็กน้อย สงสัยว่าคืนนี้เขาคงต้องไปถามเอาจากตัวหม่าจิ้งเองแล้ว
หลังจากแวะซื้อของกินกลับไปฝากน้องสาว เขาก็เดินทางกลับอพาร์ทเม้นท์ทันที เพราะใกล้ได้เวลาที่น้องสาวเขาจะตื่นแล้ว