บทที่4 ต่อสู้กับนักสู้ระดับ9
ลี่เฟยที่นั่งอยู่รีบลุกขึ้น แล้ววิ่งมาเขย่าตัวจ้าวเทียน
“ นายทำได้จริงๆใช่ไหม ไม่ได้โกหกฉันนะ ” เธอพูดขึ้นด้วยความดีใจ
จ้าวเทียนได้แกะมือของลี่เฟยออกอย่างลำบาก
“ เธอใจเย็นๆก่อน ” เมื่อเห็นลี่เฟยสงบลง เขาก็ได้พูดต่อ “ ฉันสามารถรักษาปู่ลี่ได้ แต่ก็ต้องหลังจากที่อยู่ในขอบเขตผู้เชี่ยวชาญแล้ว ถึงจะสามารถใช้ลมปราณเฉพาะตัวทำลายพิษหยินที่ชั่วร้ายได้ ”
จ้าวเทียนพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
!!
“ นาย…ปู่ฉันรอไม่ไหวหรอกนะ กว่านายจะไปถึงขั้นนั้นต้องใช้เวลาอีกกี่ปีกัน ” ลี่เฟยพูดขึ้นด้วยความโกรธ เธอรู้สึกเหมือนจ้าวเทียนล้อเล่นกับความรู้สึกเธอ
เป็นที่รู้กันว่าการจะขึ้นสู่ขอบเขตผู้เชี่ยวชาญนั้น จะต้องเปิดจุดเส้นลมปราณให้ได้ ซึ่งมันก็ยากมาก บางคนติดค้างอยู่ในขั้นนักสู้ระดับ9เป็น10ปี ก็ยังไม่สามารถขึ้นเป็นผู้เชี่ยวชาญได้
ตอนนี้ท่านปู่ลี่เองก็คิดไปในทางเดียวกับหลานสาว เพราะขนาดตัวท่านเองที่เคยได้ชื่อว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์อันดับต้นๆของตระกูล ยังได้เป็นผู้เชี่ยวชาญก็ตอนเมื่ออายุเกินสามสิบปีไปแล้ว ซึ่งในตอนนี้จ้าวเทียนยังพึ่งจะอายุยี่สิบปีเอง
“ ไม่ต้องใช้เวลาเป็นปีหรอก สำหรับฉันแค่สามวันก็เพียงพอ ” จ้าวเทียนพูดขึ้น ล้อเล่นหรือป่าวแค่เปิดจุดลมปราณ สำหรับมหาเทพตี้เทียนแล้วเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
หากไม่ใช่เพราะร่างกายเขาในอดีตนั้นอ่อนแอจนเกินไป แถมยังมีเส้นลมปราณอุดตันหลายเส้น จนเขาต้องอาศัยตัวยามาช่วยละก็ ขอเวลาเพียงชั่วโมงเดียวเขาก็ไปถึงขั้นผู้เชี่ยวชาญแล้ว
“ เธอรู้หรือป่าวว่าพูดอะไรออกมา การจะเป็นผู้เชี่ยวชาญไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะ ” ปู่ลี่เริ่มรู้สึกมีโทสะเล็กน้อย ท่านเริ่มคิดว่าเด็กน้อยคนนี้อวดดีจนเกินไป
“ นายพูดจริงแน่นะ ” ลี่เฟยถามขึ้น เธอนึกไปถึงเรื่องความเร็วในการฝึกฝนของจ้าวเทียน ก็เริ่มรู้สึกถึงความเป็นไปได้ขึ้นมา เพียงแค่อาทิตย์เดียวจากคนธรรมดา ตอนนี้สามารถเอาชนะเธอได้แล้ว
“ จริงสิ…เพียงแต่ช่วยเตรียมสมุนไพรพวกนี้ให้หน่อยได้ไหม ” จ้าวเทียนหยิบกระดาษออกมา เขียนรายชื่อสมุนไพรที่ต้องใช้ลงไป แล้วส่งไปให้ลี่เฟย
เมื่อรับเอากระดาษที่จ้าวเทียนยื่นให้ มาอ่านดู สีหน้าลี่เฟยก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นยุ่งยาก
“ นี่มันรวมแล้ว3ล้านหยวนเลยนะ…นายมีเงินเท่าไหร่ ” เพราะเธอเติบโตมาในร้านสมุนไพร จึงจดจำราคาได้อย่างแม่นยำ หลังจากที่คำนวณเงินที่จ้าวเทียนต้องจ่ายแล้วจึงถามขึ้นด้วยความกังวล
เพราะเนื่องจากเธอรู้ถึงสถานการณ์ของจ้าวเทียนดี เงินจำนวนขนาดนี้มันมากเกินไปสำหรับจ้าวเทียน
“ ตอนนี้ฉันมีแค่สองแสนนะ…ร้านเธอช่วยเขียนเป็นสัญญากู้ยืมไว้ได้ไหม ฉันสัญญาจะหามาคืนได้แน่นอน ” จ้าวเทียนรู้สึกอายเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่มีเงินจริงๆ
“ อีก3วัน นายจะรักษาปู่ฉันได้จริงใช่ไหม หากนายทำได้ เงินจำนวนนี้ไม่เป็นปัญหาเลย แถมทางตระกูลฉันยังต้องตอบแทนนายเพิ่มด้วยซ้ำ ” ลี่เฟยถามย้ำ สีหน้าเธอจริงจังเหมือนตัดสินใจบางอย่างได้ เพียงแค่ต้องการเห็นความมั่นใจจากจ้าวเทียนอีกครั้ง
“ ฉันทำได้แน่นอน…ฉันเคยโกหกเธอเมื่อไหร่กัน ” จ้าวเทียนตอบด้วยความหนักแน่น แววตาเขามั่นคงไม่สั่นไหว
“ ตกลง…ฉันเชื่อนาย ” ลี่เฟยตัดสินใจได้ในที่สุด “ ท่านปู่ค่ะ ช่วยขายสมุนไพรพวกนี้ให้จ้าวเทียนด้วย เงินส่วนที่จ้าวเทียนขาดไปหนูจะเป็นคนจ่ายเอง ”
ท่านปู่ลี่ซึ่งนั่งฟังมาตลอดโดยไม่ได้พูดอะไร แววตาที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ชีวิตมากมายของท่าน มองใบหน้าจริงจังของหลานสาวตัวเอง แล้วย้ายไปมองดูสีหน้ามั่นใจของจ้าวเทียนอีกครั้ง ก็อดไม่ได้ให้รู้สึกแปลกๆ
หากเป็นคนอื่นเมื่อได้เจอเรื่องแบบนี้ คงไม่มีทางยอมทนดูหลานตนเองถูกผู้ชายหลอกลวงแน่นอน แต่เมื่อเห็นถึงความเชื่อใจที่หลานสาวตนมีให้กับจ้าวเทียน ท่านก็เกิดความรู้สึกลังเลขึ้นมาก
“ หลานแน่ใจนะ…เท่าที่ปู่จำได้นั่นเป็นเงินเก็บเกือบทั้งหมดของหลานเลยนะ” ท่านปู่ลี่ถามย้ำอีกครั้ง
“ หนูเชื่อใจเพื่อนของหนูค่ะ…หนูรู้จักนิสัยเขาดี ” ลี่เฟยตอบขึ้นด้วยความมั่นใจ
“ น้องเชื่อใจมัน…แต่พี่ไม่! ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นจากทางเข้าห้องโถง
ทุกคนในห้องหันไปมองทันที ผู้ชายคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดสูทสีดำรูปร่างกำยำสูงใหญ่ บนเขาตัวเขามีบรรยากาศบางอย่างที่เพียงแค่มองเห็น ก็สามารถบอกได้เลยว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก
ซึ่งตอนนี้เขาได้เดินเข้ามาในห้องโถง ด้วยท่าทีไม่พอใจ
“ พี่ใหญ่!...แต่นี่เป็นเงินส่วนตัวของฉันนะ ” ลี่เฟยพูดขัดขึ้น
ผู้ชายคนนี้ชื่อ ลี่หวูเฉิน เป็นลูกชายคนโตของตระกูลลี่ ซึ่งจ้าวเทียนก็รู้จักดี เพราะเคยพบหน้ากันหลายครั้งแล้ว ตอนสมัยที่ครอบครัวของจ้าวเทียนยังดีอยู่
“ ฉันยืนฟังอยู่นานแล้ว…ฉันไม่ปล่อยให้นายมาหลอกลวงน้องสาวฉันได้หรอก ” ลี่หวูเฉิน เดินเข้ามายืนบังตัวลี่เฟยไว้ด้านหลัง เขาจ้องมองไปที่จ้าวเทียนด้วยแววตาดุดัน
“ ฉันไม่ได้หลอกลวงลี่เฟย ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาลุกขึ้นยืนอยู่ต่อหน้าลี่หวูเฉินไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย
มองท่าทีของจ้าวเทียนตรงหน้า ลี่หวูเฉินก็รู้สึกแปลกใจ เขารู้สึกได้ถึงความหนักแน่นและมั่นคงต่างจากจ้าวเทียนในอดีตที่เขาเคยเจอมาก
สมัยก่อนตอนที่จ้าวเทียนได้เจอเขาทุกครั้ง จะมีท่าทีหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด แต่คงเพราะเขาไม่ได้เจอตัวจ้าวเทียนมาเป็นปีแล้ว จึงไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของจ้าวเทียนเหมือนกับลี่เฟย
“ ฉันรู้สึกเสียใจกับเรื่องของครอบครัวนายนะ แต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่นายจะมาหลอกเอาเงินน้องฉัน ” เขาจงใจพูดเหมือนว่าจ้าวเทียนจะหลอกเอาสมุนไพรไปขายต่อ แล้วเอาเงินไปใช้
“ จะเป็นผู้เชี่ยวชาญภายในสามวันงั้นเหรอ…ฉันไม่รู้ว่าน้องสาวฉันมองเห็นอะไรในตัวนายถึงได้เชื่อนาย ”
“ นายอาจจะโชคดีที่ใช้เวลาไม่นาน ก็ฝึกฝนขึ้นมาจนเอาชนะน้องสาวของฉันได้ แต่มันก็แค่นั้น ขั้นผู้เชี่ยวชาญไม่ใช่สิ่งที่นายจะมาดูถูกได้ ”
“ปู่ของฉันอาจจะไม่กล้าพูดอะไร เพราะท่านรักน้องสาวฉันมาก แต่ฉันไม่มีทางยอมให้น้องสาวฉันโดนหลอกเด็ดขาด ” ลี่หวูเฉินยังคงยืนปล่อยความกดดัน ใส่จ้าวเทียนอยู่ตรงนั้นเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้ขยับไปไหน เหมือนรออะไรบางอย่าง
เมื่อเห็นลี่เฟยที่เหมือนจะพูดอะไร แต่ก็โดนท่านปู่ลี่หยุดเอาไว้ จ้าวเทียนก็เข้าใจอะไรได้ทันที
เฮ้ออ
เขาถอนหายใจออกมาแล้วคิดขึ้น ‘ เอาเถอะจะยอมเล่นด้วยละกัน ’
“ คนอื่นทำไม่ได้…แต่ฉันทำได้ ” จ้าวเทียนพูดขึ้น เขาเดินออกไปตรงพื้นที่ว่างข้างโต๊ะน้ำชา แล้วพยักหน้าไปทาง ลี่หวูเฉิน เหมือนเป็นการบอกใบ้ว่าให้เข้ามาได้เลย
“ หืม…มองออกด้วยรึ ” เห็นการกระทำของจ้าวเทียน ลี่หวูเฉินก็ยิ้มออกมา
ที่จริงคำพูดทุกอย่างของเขาเมื่อครู่เป็นการแสดง เพื่อยั่วยุให้จ้าวเทียนต้องพิสูจน์ความสามารถตัวเอง
ที่จริงเงิน3ล้านหยวน ไม่ได้มากเลยสำหรับตระกูลเขา เพียงแต่เขาต้องการรับรู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของจ้าวเทียน จึงแสดงละครขึ้น
“ ฉันบอกนายก่อนนะ…เมื่ออาทิตย์ก่อนฉันเข้าสู่นักสู่ระดับ9แล้ว ” เขาพูดขึ้นแบบสบายๆ แต่นั่นสร้างความตกตะลึงให้คนที่เหลือยกเว้นจ้าวเทียนเป็นอันมาก
“ จริงเหรอพี่ใหญ่ ” ลี่เฟยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดีใจ เธอรู้ดีว่ามันหมายความว่าอะไร พี่ชายเธอพึ่งจะมีอายุแค่ 25ปีเท่านั้น ไม่แน่ว่าผ่านไปอีกไม่กี่ปี พี่ชายเธออาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญก่อนอายุ30ก็ได้
“ จริงสิ…ดูนี่นะ ” เขาลองปล่อยหมัดตรงสั้นๆให้ดู
เฟี้ยว !
เสียงหมัดทะลุอากาศด้วยความเร็วสูง ผู้ที่ได้เห็นต่างก็ส่งคำชื่นชม ยกยอไปให้
“ สุดยอดไปเลยนายน้อย ” “ พี่ใหญ่เยี่ยมมากเลย ”
แม้แต่ท่านปู่ลี่เมื่อได้รู้ว่าหลานชายคนโตกลายเป็นนักสู้ระดับ9แล้ว แววตาท่านก็ปรากฏความยินดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับตระกูลใหญ่ จำนวนผู้เชี่ยวชาญถือเป็นหลักประกันของตระกูล เพราะปัญหาบางเรื่องก็ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยเงิน ต่อให้มีทรัพย์สินมากมายแค่ไหน แต่หากไม่มีกำลังที่จะปกป้องไว้ได้ ก็คงถูกคนอื่นช่วงชิงไปหมดสิ้น
เมื่อนักสู้ไปถึงขั้นผู้เชี่ยวชาญนั้น อาวุธปืนก็แทบจะไม่มีผลแล้ว ผู้เชี่ยวชาญ1คนสามารถบุกเข้าไปฆ่าคนที่มีปืน10คนได้สบาย
“ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน…ขอแค่นายรับมือฉันได้10กระบวนท่า สมุนไพรเหล่านั้นฉันให้ไปฟรีๆเลย ” เขาเสนอเงื่อนไขขึ้นมา เพราะหากจ้าวเทียนทำได้จริงๆก็คุ้มค่าที่จะผูกมิตรด้วย เผื่ออนาคตตระกูลลี่อาจจะได้ผู้เชี่ยวชาญเพิ่มอีกคน
…
ทางจ้าวเทียนตอนนี้เขากำลังรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย เขาคิดขึ้นในใจว่า
‘ คือมันก็แค่นักสู้ระดับ9ใช่ไหมพี่ชาย ฉันใช้เวลาแค่30นาทีก็เป็นได้แล้ว ’
‘ ช่างเถอะรีบทำให้มันจบๆไปดีกว่า ’
หลังจากเห็นลี่หวูเฉิน ตั้งท่าต่อสู้ขึ้นด้วยรอยยิ้มมุมปาก แถมยังกระดิกนิ้วเชิญชวนให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
จ้าวเทียนก็เดินเข้าไปหาด้วยใบหน้าเซ็งๆ โดยที่เขาไม่ได้ตั้งท่าเตรียมพร้อมต่อสู้เลย
!!
“ มีแต่ช่องว่างเต็มไปหมด…จริงจังหน่อยสิ นายไม่อยากได้สมุนไพรพวกนั้นแล้วเหรอ ” ลี่หวูเฉิน ส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น
เขานั้นไม่ค่อยพอใจ ที่จ้าวเทียนนั้นดูอ่อนหัดจนเกินไป ไม่เหมือนนักสู้คนอื่นที่เคยได้พบมา
“ ช่างเถอะ…ฉันคงมองนายผิดไป ” พูดจบเขาก็ลงมือทันที
มวยแปดทิศ !
หมัดที่รวดเร็วกว่ากระสุนปืนพุ่งเข้าใส่ลำตัวจ้าวเทียนอย่างแรง นี่คือการออมมือของลี่หวูเฉินแล้ว โดนหมัดนี้ไปก็เพียงแค่รักษาตัวสามสี่วันก็หาย
หมับ!
เสียงมือของจ้าวเทียนที่คว้าจับตรงข้อมือของลี่หวูเฉิน
ฟิ้ว ตูม!
ลี่หวูเฉินตอนนี้กำลังนอนอ้าปากพะงาบๆอยู่บนพื้น เขาถูกจ้าวเทียนจับข้อมือเหวี่ยงข้ามหัวทุ่มลงกับพื้น เสียงปะทะของหลังคนกับพื้นกระเบื้องนั้นดังมาก แต่ก็น่าแปลกใจที่กระเบื้องปูพื้นไม่ได้รับความเสียหายเลย
ซึ่งนั่นเป็นเพราะการควบคุมพลังของจ้าวเทียนนั้นเหนือชั้นมาก แรงกระแทกเกือบทั้งหมดลี่หวูเฉินแทบจะรับไปคนเดียว
…
หลังจากนั้นจ้าวเทียนก็เดินกลับมานั่งจิบน้ำชาอยู่บนโต๊ะ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ปล่อยให้คนอื่นๆในห้องต้องขยี้ตา ด้วยความไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองเห็น แม้แต่บอดี้การ์ดทั้งสองคนยังอดคิดขึ้นในใจไม่ได้ว่า
‘ นายน้อยคุณช่วยแสดงให้สมบทบาท ของนักสู้ระดับ9หน่อยได้ไหม ‘
‘ นี่มันไม่ต่างจากพวกตัวประกอบ ของหนังเกรด2เลยนะ ’