บทที่ 9 แรงเสียดทาน
“เฮ้ย!” หวังโต้วโต้วร้องอุทาน
“กลัวเหรอ” เฉินปู้ฝานยกยิ้มเล็กน้อย และยื่นมือไปตบหัวอันน้อยนิดของเธอ
“ไม่......ไม่มีทาง ไม่มีอะไรบนโลกนี้ที่ฉันหวาดกลัว”
ปากแข็ง!
เสียงกรี๊ดเมื่อกี้พูดแทนเธอไปหมดแล้ว
เฉินปู้ฝานนิ่งสงบ เพิ่งลงมือฆ่าคนไป แต่เขากลับนิ่งเฉยเหมือนแค่ฆ่าไก่เท่านั้น
ไม่มีการอาเจียน ตื่นตระหนก หรือกลัวตัวสั่น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาฆ่าคน ระหว่างการฝึก อาจารย์แม่ได้มอบภารกิจให้เขา
ถึงแม้จะไม่มาก แต่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกอย่างแน่นอน
“จะตกปลากันต่อไหม” เฉินปู้ฝานหันกลับไปถามเธอ
หาว่าหวังโต้วโต้วมีใจแข็ง แต่เฉินปู้ฝานก็ไม่แตกต่างอะไรกับเธอ
“ฉันหมดอารมณ์แล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ”
ตกปลาบ้าอะไรล่ะ มีคนตายอยู่ที่นี่ทั้งคน อีกไม่นานตำรวจก็คงจะมา ดังนั้นควรรีบออกไปจากที่นี่
มือเล็กของหวังโต้วโต้วดึงสายเสื้อในไม่หยุด เดี๋ยวก็จับหน้าอก เดี๋ยวก็เกาหลัง ราวกับว่ามีแมลงไต่อยู่บนตัวของเธอ
“โต้วโต้วเธอเป็นอะไรรึเปล่า” เฉินปู้ฝานดูท่าทางเธอแปลกๆ
“เมื่อกี้ตอนพี่ผลักฉันล้มลงพื้น สายเสื้อในหลุดออก ดูเหมือนว่าจะขาด”
"......"
ก็เพราะใหญ่เกินไปน่ะสิ!
ก่อนเดินจากไป เฉินปู้ฝานหยิบยาผงออกมาจากอกเสื้อ และโรยลงบนตัวของเฮ่อซาน
ไม่นานควันจางๆ ก็ปรากฏขึ้น และร่างกายก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว......
ผงสลายศพ! อาจารย์แม่รองของเขาเป็นคนคิดค้นยานี้ขึ้นมาเอง!
เมื่อออกเดินทางไกลจากบ้าน การฆาตกรรมและการลอบวางเพลิงต้องเตรียมแผนให้พร้อม
กลับบ้านที่หวังโต้วโต้วพูดถึงไม่ใช่การกลับคฤหาสน์หวัง แต่เป็นการกลับจินซาย่วน
และตัดสินใจจะอยู่ที่นั่นต่อในระยะยาว
เธอเคยมาที่บ้านลูกพี่ลูกน้องของเธอบ่อยๆ แต่เพราะถานไถฮ่าวเยว่งานยุ่งมาก และไม่มีเวลาดูแลเธอ
ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม มีเฉินปู้ฝานอยู่ด้วย เธอจะไม่รู้สึกเบื่ออีกต่อไป
ได้อยู่กินนอนเล่น สบายจะตาย
เมื่อกลับถึงบ้านหวังโต้วโต้วดูเหมือนจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ไปแล้ว เธอฮัมเพลงอย่างมีความสุข
“พี่ปู้ฝาน เอาโทรศัพท์พี่มา เดี๋ยวฉันพาพี่เล่นลีกออฟเลเจนดส์ ตีป้อม พี่ชนะได้ดาวอย่างง่ายดาย”
"ฉันจะไม่ได้โม้ ฉันเล่นเก่งมาก"
“เล่นไม่เป็น” เฉินปู้ฝานพูดอย่างช่วยไม่ได้
"เพราะเล่นไม่เป็น ก็เลยต้องฝึกเล่นไง เอามาเร็วๆ เดี๋ยวดาวน์โหลดให้"
"ก็ได้!"
ไหนว่าเก่งไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงแพ้ติดต่อกันสิบแปดเกมล่ะ
สุดท้ายหวังโต้วโต้วสบถด่า และขว้างโทรศัพท์ลงพื้นอย่างแรง
อารมณ์ร้ายจริงๆ!
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในชั่วพริบตาฟ้าก็มืดแล้ว ถานไถฮ่าวเยว่ได้โทรหาเฉินปู้ฝานตอนเที่ยง
ถามว่าเป็นยังไงบ้าง สามารถปรับตัวเข้ากับชีวิตมหาลัยได้มั้ย
......
เมื่อฟ้ามืดลง เฉินปู้ฝานก็เดินเข้าไปทำอาหารในห้องครัว
หวังโต้วโต้วเดินเท้าเปล่าตามหลังเขาไป และเห็นเฉินปู้ฝานควงมีดไปมาในรูปแบบต่างๆ เหมือนกับเป็นการแสดง
เร็วมากจนทำคนตาลาย!
ดวงตากลมโตแสดงท่าทางที่เหลือเชื่อ
“พี่ปู้ฝาน แค่ทำอาหารต้องขนาดนี้เลยเหรอ”
"แน่นอน การฝึกฝนทำให้ฝีมือเราดีขึ้นได้"
ตอนอยู่บนเขา โดยปกติแล้วเฉินปู้ฝานเป็นคนทำอาหาร และอาจารย์แม่ทั้งสามไม่เข้ามายุ่งเรื่องนี้
หลังจากอายุประมาณสิบสี่ปี เขาก็ทำทุกอย่างเอง
รวมทั้งซักการผ้า ขัดรองเท้าให้อาจารย์แม่......
สุภาพบุรุษที่เพียบพร้อมทุกอย่าง!
“โทรไปถามศิษย์พี่หน่อยว่าเลิกงานรึยัง อีกครึ่งชั่วโมงอาหารจะเสร็จพร้อมทาน”
“อ่อ โอเค!” หวังโต้วโต้วเดินกลับไปยังห้องนั่งเล่น หยิบโทรศัพท์มือถือที่หน้าจอพังขึ้นมา แล้วกดปุ่มโทรออก
หน้าจอยับเยินมาก มีรอยแตกร้าวไปทั่ว
“พี่ปู้ฝาน พี่สาวบอกว่าคืนนี้ต้องทำงานล่วงเวลา”
“หมายความว่าจะไม่กลับมากินข้าวใช่มั้ย”
"น่าจะอย่างนั้น!"
หลังจากที่เฉินปู้ฝานทำอาหารเสร็จ เขาก็ไม่ได้นั่งลงกินข้าว แต่ตักกับข้าวใส่กล่อง
“โต้วโต้ว เธอกินข้าวคนเดียวไปก่อน เดี๋ยวฉันไปส่งปิ่นโตให้ศิษย์พี่ก่อน”
“ให้ฉันไปเป็นเพื่อนมั้ย” หวังโต้วโต้วกินด้วยความหิวโซ มีอาหารเต็มปาก พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง
“ไม่ต้อง เธอนั่งกินไปเถอะ” เฉินปู้ฝานเดินออกจากบ้านไป
หวังโต้วโต้วพึมพำขณะรับประทานอาหาร
"อาหารฝีมือพี่ปู้ฝานอร่อยมาก ดีกว่าเชฟร้านอาหารห้าดาวเสียอีก คงน่าเสียดายแย่ถ้าไม่ไปเป็นเชฟ"
เฉินปู้ฝานขับรถออกจากโรงจอดรถ แล้วตรงดิ่งไปยังฮ่าวเยว่ กรุ๊ป
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเป็นรถยี่ห้ออะไร แต่เฉินปู้ฝานรู้วิธีการขับรถ
ฮ่าวเยว่ กรุ๊ป เป็นกลุ่มการค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซู โดยมีมูลค่านับแสนล้าน และเป็นที่รู้จักในประเทศ
ฮ่าวเยว่ กรุ๊ป ไม่ได้เพิ่งมาเป็นที่รู้จักช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่เป็นบริษัทรุ่นแรกของตระกูลถานไถ
นับตั้งแต่ถานไถฮ่าวเยว่เกิดมา นายท่านก็ใช้ชื่อฮ่าวเยว่ตั้งเป็นชื่อบริษัท
เพราะเธอเป็นหลานคนโตของตระกูลถานไถ
แม้ว่าเธอจะเป็นหลานสาว แต่นายท่านก็ให้ความเท่าเทียมกันระหว่างชายและหญิงมาโดยตลอด และไม่ได้กำหนดว่ามีเพียงผู้ชายเท่านั้นที่จะสามารถสืบทอดธุรกิจของครอบครัวได้
เมื่อสี่ปีที่แล้ว ถานไถฮ่าวเยว่ลงมาจากเขา กลับมาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว เธอใช้เวลาแค่สองปีในการเรียนรู้คุ้นเคยกับธุรกิจของตระกูล และขึ้นเป็นตำแหน่งประธานในปีที่สาม
ถานไถฮ่าวเยว่มีความสามารถที่โดดเด่น และเก่งรอบด้าน นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ผลงานเธอก็เฟื่องฟูขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นบริษัทอันดับหนึ่งของเมืองซู
รุ่งโรจน์กว่าตอนที่นายท่านดำรงตำแหน่งเสียอีก
เฉินปู้ฝานมาถึงฮ่าวเยว่ กรุ๊ปตามที่จีพีเอสแนะนำ และเดินถืออาหารร้อนๆ เข้าไปในอาคาร
ทันทีที่เขาเดินมาถึงประตูทางเข้า ก็ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยหยุดเอาไว้
“นายเป็นใคร” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอ้วนท้วมยื่นมือขวาขวางเขาไว้ ท่าทางเย่อหยิ่ง หรี่ตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
เด็กบ้านี่ใส่ชุดอะไรของมัน แปลกประหลาด และดูเหมือนคนบ้านนอก
คนที่มักชอบดูถูกคนอื่นจากภายนอกมีอยู่ทุกที่จริงๆ
“ฉันมาหาศิษย์พี่ใหญ่”
“ศิษย์พี่ใหญ่เหรอ นี่มันสรรพนามที่ใช้เรียกเหรอ ฉันก็คงเป็นศิษย์น้องเล็กน่ะสิ ออกไปจากที่นี่ซะ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอ้วนท้วมไล่เขาออกไปด้วยความรู้สึกรำคาญ
ทุกคนในฮ่าวเยว่ กรุ๊ป ต่างก็เลิกงานกันแล้ว และทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครอยู่ที่นี่
นอกจากท่านประธาน ทั้งอาคารนั้นว่างเปล่า
เด็กบ้านี่ต้องแต่งเรื่อง คงมีเจตนาชั่วร้าย
“ศิษย์พี่ใหญ่ของฉันชื่อถานไถฮ่าวเยว่ นายแน่ใจหรือว่าจะไล่ฉันไป” เฉินปู้ฝานพูดด้วยความไม่พอใจ
แค่อ้าปากก็ไล่เขาไปโดยที่ไม่ถามอะไรสักคำ เป็นใครเจอก็คงรู้สึกไม่ดี
“พู่ ฮ่าฮ่าฮ่า” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอ้วนท้วมก็หัวเราะออกมาเมื่อได้ยินในสิ่งที่เขาพูด
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกสองคนก็หัวเราะเช่นกัน
“เขาบอกว่าท่านประธานเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของเขา”
“ถ้าต้องการจะใช้อำนาจมาข่มขู่ ก็ช่วยใช้สมองหน่อยได้มั้ย ตอนเด็กคงจะเคยจมน้ำจนน้ำไหลเข้าสมอง และตอนโตก็ถูกลาเตะหัวเข้าล่ะสิ”
“หากท่านประธานเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของนาย ฉันก็คงเป็นพี่เขยของนายนะสิ”
เฉินปู้ฝานขมวดคิ้ว และความเย็นยะเยือกเล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเขาเล็กน้อย
“พวกนายต่างก็เป็นพนักงานของศิษย์พี่ใหญ่ ฉันจะไม่ถือสา แต่ถ้านายยังพูดจาไม่ดีกับฉันอีกคำเดียว ฉันรับรองว่านายจะต้องเสียใจ”
“เสียใจงั้นเหรอ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่านายจะมีปัญญาทำอะไรฉันได้ เฮ้ยพวกเราจัดการมันซะ แล้วเอามันไปขังไว้ในห้องมืด”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอ้วนท้วมแสดงอำนาจเย่อหยิ่ง
ในความคิดของพวกเขา คนอย่างเฉินปู้ฝานไม่มีทางเกี่ยวข้องกับท่านประธานอย่างแน่นอน นอกจากความหล่อแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรที่เทียบเท่าได้เลย
นี่มันยุคสมัยไหนแล้วยังสวมเสื้อคลุมยาวเลยหัวเข่าแบบนี้อยู่อีก ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยของกูดูดีกว่าร้อยเท่า
ไม่ต้องพูดถึงไอ้เด็กยากจนอย่างเขา แม้แต่เย่อู๋เต้า คุณชายอันดับหนึ่งของเมืองซูก็กำลังตามจีบท่านประธานาธิบดีของพวกเราอยู่
จนถึงตอนนี้ ท่านประธานก็ยังไม่สนใจไยดีเขา
ไอ้บ้านี่กลับเรียกตัวเองว่าศิษย์น้องศิษย์พี่ใหญ่บ้าบอ และตอนนี้เขาจะช่วยสั่งสอนให้ลากจำ
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสี่คนวิ่งเข้าไปจับตัวเฉินปู้ฝาน แต่ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปถึงตัว เฉินปู้ฝานก็ชิงเคลื่อนไหวก่อน
“ผลัวะ!” เสียงหมัดต่อยดังติดต่อกันสี่หมัด
พวกเขาทั้งสี่คนตกตะลึง และหยุดนิ่งอยู่กับที่
มันกะทันหันมากเกินไป!
จากนั้นรู้สึกตัวเบา และทั้งสี่ก็ลงไปนอนราบกับพื้น
“สวะไร้ประโยชน์” เฉินปู้ฝานถ่มน้ำลายใส่ และบังเอิญโดนหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอ้วนท้วม
เจ็บตัวไม่เท่าไหร่ แต่อับอายขายหน้ามากกว่า
“ไอ้บ้าเอ๊ย รอก่อนเถอะ ฉันจะโทรเรียกคนมาเดี๋ยวนี้”
ทีมงานรักษาความปลอดภัยของฮ่าวเยว่ กรุ๊ป มีขนาดค่อนข้างใหญ่ รวมทั้งหมดประมาณร้อยกว่าคน
แม้ว่าบางส่วนจะเลิกงานไปแล้ว แต่ก็ยังมีคนที่เข้าเวรอยู่อีกประมาณยี่สิบสามสิบคน
ไม่ว่าไอ้เด็กนี่จะเก่งมากขนาดไหน เขาก็คงไม่มีทางเอาชนะหลายสิบคนแบบนี้ได้หรอก
ทันใดนั้น ก็มีเสียงรองเท้าส้นสูงดังมาจากห้องโถง เป็นจังหวะที่สม่ำเสมอ......