บทที่ 2 ถานไถฮ่าวเยว่
“ฉัน...” ผู้หญิงพูดไม่ออก ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน
ทั่วทั้งวิญญาณเต็มไปด้วยความอึดอัด และความไม่สบายใจ
“เด็กหนุ่มคนนี้ร้ายกาจมาก เดิมคิดว่าเขาพูดจาไร้สาระ หรือพูดเรื่องอะไรไม่เป็นเรื่องทำให้คนรับไม่ได้ แต่ไม่คิดว่าจะตรงเผง”
คนรอบข้างมีบางคนรู้สึกประหลาดใจ พากันวิพากษ์วิจารณ์
สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นบ่งบอกชัดเจนแล้ว ขอแค่เป็นคนก็มองออกว่าเฉินปู้ฝานพูดถูกแล้ว
“เขาคงจะไม่ใช่หมอเทวดากระมั้ง?”
“หมอเทวดา หมอเทวดามีที่ไหนอายุน้อยขนาดนี้ คาดว่าเขาคงยังเรียนมหาวิทยาลัยไม่จบหรอกมั้ง เขาอาจจะเดามั่วก็เป็นได้”
“ไหนนายลองเดามาสักอย่างให้ดูสิ? อายุน้อยแล้วยังไงกัน? ว่านเยียนหรานก็อายุน้อยเหมือนกันไม่ใช่หรือไง เธอเป็นแพทย์ฝีมือดีระดับประเทศเชียวนะ” หนุ่มสาวคนหนึ่งพูดอย่างไม่พอใจ
“มองแวบเดียวก็มองโรคออก ความสามารถไม่ธรรมดาเลย”
ผู้หญิงคนนั้นกลืนน้ำลายอย่างหนัก หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“โรคของฉันอยู่ระยะสุดท้าย? ไม่มีทางรักษาแล้วเหรอ?”
“ไม่ใช่ว่าไม่มีทางรักษาแล้ว แต่มีคนที่ช่วยชีวิตคุณได้มีไม่มาก”
“บนโลกนี้มีเพียงสามคนเท่านั้น” เฉินปู้ฝานชูสามนิ้วออกมา แล้วพูดโกหกตอแหล “คนแรกคือว่านเยียนหราน คนที่สองอาศัยบนภูเขาอย่างสันโดษ และคนสุดท้ายก็คือผม”
“ไม่มีทางเป็นโรคระยะสุดท้ายหรอก ฉันยังอายุน้อยอยู่เลย” ผู้หญิงคนนั้นส่ายศีรษะอย่างบ้าคลั่ง
“ก่อนหน้านี้เกิดอาการปัสสาวะเร่งด่วนรีบเข้าห้องน้ำ ไม่รู้เคยตรวจเช็กหรือไม่ว่า มีสิวขึ้นมาหลายเม็ด”
ผู้หญิงคนนั้นรีบหันกลับมามองทันที
มีจริง ๆ
คราวนี้เขาพูดถูกอีกครั้ง กลไกป้องกันตนก็พังทลายลงในทันที
“ถ้าอย่างนั้น...คุณจะช่วยฉันได้ไหม” ผู้หญิงคนนั้นแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว
“ทำไมผมถึงต้องช่วยคุณด้วยล่ะ? เมื่อกี้ก็จงใจหาเรื่องผม และยังคาดหวังให้ผมช่วยอีกเหรอ”
เฉินปู้ฝานกลอกตาใส่แล้วส่งเสียงจิ๊อย่างหงุดหงิด
“มากสุดมีเวลาอีกเจ็ดวัน สามวันหลังจากนี้ร่างกายส่วนล่างจะเริ่มเน่า สารพิษจะเข้าสู่อวัยวะภายใน จากนั้นอวัยวะทั้งหมดก็จะเกิดภาวะล้มเหลว ต่อให้เทพเซียนมาเองก็ยังช่วยชีวิตได้ยาก”
ดังคำกล่าวที่ว่า คนชั่วย่อมโดนคนชั่วจัดการ แตะต้องเธอไม่ได้ เฉินปู้ฝานก็ยิ่งไม่อาจจะหาเรื่องด้วยได้
“ตุบ!” เมื่อผู้หญิงได้ยินดังนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้น น้ำตาร่วงเผาะ ๆ และเธอก็ร้องไห้หนักมาก
“ฉันยังอายุน้อยยังไม่อยากตาย ได้โปรดช่วยฉันด้วย ขอเพียงคุณช่วยชีวิตฉันได้ จะให้ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
“อะไรก็ได้จริง ๆ ใช่ไหม?” เฉินปู้ฝานขยับร่างกาย ก่อนพูดหยอก
“ใช่!” ผู้หญิงกัดฟันตอบกลับอย่างยืนยัน
ดูเหมือนเธอจะเข้าใจผู้ชายเป็นอย่างดี จากนั้นก็เอ่ยต่อ "เมื่อฉันลงจากรถไฟ ต่อให้ต้องไปเปิดห้อง ฉันก็จะไม่เสียใจในภายหลัง"
“ถ้ารอไม่ไหว ไปห้องน้ำก็ยังได้...”
เฉินปู้ฝานหมดคำจะพูด เขาดูเหมือนเป็นคนแบบนั้นหรือไง?
ถึงผู้ชายจะฝักใฝ่ในเรื่องเพศ ก็ต้องดูคนด้วย ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถกระตุ้นให้เกิดความสนใจได้
คุณป้าวัยสี่สิบปี...
“คำนับสามครั้งก่อน” เฉินปู้ฝานจงใจกลั่นแกล้ง
ใครจะคิดว่า เพื่อรักษาชีวิต ผู้หญิงคนนั้นก้มศีรษะจรดพื้นสามครั้งโดยไม่มีเวลามาสนใจหน้าตา
“ทำได้ไม่เลว” เฉินปู้ฝานพูดอย่างพึงพอใจ
“พ่อหนุ่ม จะช่วยรักษาฉันเมื่อไหร่กัน? เริ่มตอนนี้เลยหรือไม่?”
“รีบร้อนทำไมกัน รอลงจากรถไฟก่อน” เฉินปู้ฝานพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ก็รักษาบนรถได้นี่นา” ผู้หญิงคนนั้นร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง
“ก็บอกแล้วไงว่าลงจากรถก่อน ไม่ได้หรือไงกัน?”
“ได้ๆค่ะ” ผู้หญิงรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าโต้แย้ง
ระหว่างทาง ผู้หญิงคนนั้นก็พยายามเอาอกเอาใจเขาต่าง ๆ นานา ประเดี๋ยวบีบไหล่ ประเดี๋ยวก็นวดขา
เฉินปู้ฝานไม่ยินดียินร้ายแต่อย่างใด ถึงยังไงเมื่อถึงที่แล้วก็จะหนี
รักษา? รักษาขายายของเธอเถิด
สถานีรถไฟเมืองซู!
เฉินปู้ฝานลงจากรถ ยืดตัวบิดขี้เกียจ อ้าปากหาวหวอด กระดูกดังกรอบแกรบ รู้สึกสบายไปทั้งร่าง
“พ่อหนุ่ม ดูโรคให้ฉัน…”
“โรคอะไรเหรอ?” เฉินปู้ฝานหันศีรษะกลับมา แสร้งทำเป็นสับสน
“พ่อหนุ่ม อย่าบอกนะว่าจะไม่รักษาคำพูดน่ะ” ผู้หญิงคนนั้นสีหน้าบิดเบี้ยว และยิ้มอย่างฝืนสุด ๆ “ทั้ง ๆ ที่อยู่บนรถไฟก็ตกลงกันเรียบร้อยว่า นายจะช่วยรักษาให้ฉัน ฉันจะยอมทำทุกอย่าง”
“เปิดห้องก่อนก็ได้ ฉันจะทำให้นายพอใจ อยากจะทำยังไงก็ได้ทั้งนั้น”
พูดจริง ๆ
“ผมพูดมั่ว ๆ คุณก็เชื่อเหรอ” เฉินปู้ฝานเหลือบมองเธอ
“หมายความว่ายังไง? นายหลอกฉันเหรอ?” ผู้หญิงคนนั้นคว้าเขาไว้
“ต่อไป จะต้องคอยตรวจเช็กรูปแบบการใช้ชีวิตสักหน่อย ชีวิตส่วนตัวของคุณอย่าได้วุ่นวายมาก ไปเอายาแก้อักเสบที่โรงพยาบาลก็ได้แล้ว”
เฉินปู้ฝานสะบัดตัวออกจากมือผู้หญิงคนนั้น ก่อนจะเดินไปข้างหน้า
ผู้หญิงคนนั้นคิดจะเดินไปข้างหน้าเพื่อจะโต้แย้ง และเตรียมจะสาปส่งเฉินปู้ฝาน
ใครจะรู้ว่าภาวะปัสสาวะรีบเร่งมาอีกแล้ว ได้แต่รีบไปห้องน้ำ
เฉินปู้ฝานเดินไปได้ไม่ไกลเมื่อได้ยินเสียงหยั่งเชิงดังขึ้นจากข้างหลัง
“เสี่ยวฝาน?”
เมื่อหมุนตัวกลับไป ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งรูปร่างสะโอดสะอง งดงามอ่อนช้อย ผมสีดำยาวคลุมไหล่ ผิวขาวนวลเกลี้ยงเกลาและอ่อนโยน
เหมือนคนที่อยู่ในภาพวาดเลย!
เธอมีโครงหน้าสวยงาม ท่อนบนสวมสูทเล็กสีดำและเสื้อเชิ้ตสีขาว ส่วนล่างสวมเดรสทรงเข้ารูป พร้อมด้วยรองเท้าส้นสูงคู่หนึ่ง ยิ่งช่วยขับให้รูปร่างดูสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
ช่างเป็นผู้หญิงที่สวยจริงๆ!
“ศิษย์พี่ใหญ่!” เฉินปู้ฝานยิ้ม
ใช่แล้ว คนคนนี้ก็คือถานไถฮ่าวเยว่
เธอวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และดึงเฉินปู้ฝานเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเธอโดยไม่คำนึงถึงข้อห้ามแม้แต่น้อย
พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่ต้องพูดถึงการกอด ก่อนหน้านี้บนเขา ศิษย์พี่หญิงทั้งสี่คนมีคนไหนบ้างที่ไม่เคยนอนกอดเขา
แค่ก ๆ แน่นอนว่าแค่นอนเฉยๆ
ฉากนี้ทำเอาคนรอบข้างอิจฉาตาร้อน สาวงามเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด สุดยอดไปเลย
แม่งเอ้ย!
ผู้ชายคนนี้มีดีอะไร โดดเด่นตรงไหน หล่อเท่าฉันไหม? ตัณหาเหมือนฉันไหม?
ไม่ยุติธรรม!
“ศิษย์พี่ใหญ่ อย่าได้ตื่นเต้นแบบนี้จะได้ไหม น้องโดนพี่กอดจนหายใจไม่ทันแล้ว” เฉินปู้ฝานพูดด้วยความยากลำบาก
“อ๊ะ!” ถานไถฮ่าวเยว่เปล่งเสียงอุทาน นัยน์ตาคู่สวยกำลังมองเฉินปู้ฝานอย่างละเอียดตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า“เสี่ยวฝาน ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
"อิอิ ไม่เป็นไร"
“ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว สูงขึ้นแล้ว หล่อมากด้วย ฉันคิดถึงเสี่ยวฝานจะตายแล้ว”
“ผมก็คิดถึงศิษย์พี่ใหญ่เหมือนกัน” เฉินปู้ฝานเกาศีรษะ
“บอกฉันมาว่า นายคิดถึงศิษย์พี่นไหนมากที่สุด” ถานไถฮ่าวเยว่เอ่ยหยอก
“แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่สิครับ”
“น้อย ๆ หน่อย” ถานไถฮ่าวเยว่ดึงแก้มอีกคนอย่างอ่อนโยน
“คิดว่าฉันไม่รู้หรือ ตอนเด็ก ๆ นายชอบทำตัวติดศิษย์น้องสามมากที่สุด ชอบไปนอนกับเธอแทบทุกคืน”
“จำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง มีใครบางคนบอกว่า เมื่อโตขึ้นจะแต่งงานกับศิษย์น้องสามให้เป็นภรรยาเขา ทำเอาศิษย์พี่ศิษย์น้องหญิงทั้งสี่เกิดความขัดแย้ง เกือบจะทะเลาะกันเพราะนายแล้วรู้ไหม”
“…”
เฉินปู้ฝานถูกเปิดเผย ณ จุดนั้น รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่หยุด
“ฮ่า ๆ !” เมื่อเห็นสีหน้าพ่ายแพ้ของเฉินปู้ฝาน ถานไถฮ่าวเยว่ก็หัวเราะคิกคักจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง
ดีต่อสายตามาก!
“ไม่แกล้งนายแล้ว ไปกันเถอะ ศิษย์พี่จะพานายกลับบ้าน”
ถานไถฮ่าวเยว่ดึงเฉินปู้ฝานขึ้นรถสปอร์ตเฟอร์รารีสีแดงแล้วขับออกไป
ย่านที่พักอาศัยจินซาย่วน!
นี่คือพื้นที่วิลล่าที่แพงที่สุดในเมืองซู ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นล้วนแต่เป็นเศรษฐีทั้งสิ้น ค่าตัวขั้นต่ำเก้าหลัก
รถสปอร์ตคันนี้จอดอยู่ในโรงรถของวิลล่า ข้างในยังมีรถหรูที่ไม่ได้ใช้งานอีกหลายคันจอดอยู่
ขั้นต่ำหลายล้านขึ้นไป!
ทั้งสองลงจากรถ ถานไถฮ่าวเยว่ชี้ไปที่รถคันนั้น
“เสี่ยวฝาน นายชอบคันไหน”
“ศิษย์พี่ใหญ่ อย่าบอกนะว่าจะให้รถผมน่ะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ศิษย์น้องต้องการอะไร ศิษย์พี่ก็จะตอบสนองให้” ถานไถฮ่าวเยว่พูดอย่างใจกว้าง และชี้ไปที่ตัวเองด้วย
“รวมฉันด้วย!”
“...” เฉินปู้ฝานจนปัญญา “ศิษย์พี่ใหญ่ จริงจังกว่านี้หน่อยได้ไหมครับ?”
“อะไรกัน? ศิษย์พี่ใหญ่มีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะเป็นภรรยาของศิษย์น้องอย่างนั้นหรือ?”
"ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“แล้วหมายความว่าอย่างไรกันล่ะ?”
“…”
“ฮ่า ๆๆ!” ถานไถฮ่าวเยว่หัวเราะอย่างกำเริบเสิบสาน “ชอบเกี้ยวพานศิษย์น้องเล็กที่สุดเลย น่ารักชะมัด”
หากพนักงานของบริษัทเธอมาเห็นฉากนี้เข้า พวกเขาคงจะตกใจเป็นอย่างยิ่ง ถานไถฮ่าวเยว่เป็นคนรวดเร็วเฉียบขาด ออร่าเต็มเปี่ยม
เธอเย็นชากับทุกคน เป็นเรื่องยากมากที่จะได้เห็นเธอยิ้ม
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพูดหยอกล้ออย่างมีอารมณ์ขันเช่นนี้กับผู้ชายคนหนึ่ง