บท
ตั้งค่า

บทที่ 11 ผมที่ศิษย์พี่ตามจีบ

เย่อู๋เต้ามองไปที่อีกฝ่ายด้วยสายตาเร่าร้อน จริงใจ และเต็มไปด้วยความรัก

“ฉันเข้าใจ แต่ฉันไม่ชอบคุณ” ถานไถฮ่าวเยว่พูดอย่างเคร่งขรึม “ความรู้สึกเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน ไม่สามารถบังคับกันได้”

“ฉันกับศิษย์น้องเล็กเราจะกลับบ้านแล้ว วันหน้าไว้มีเวลาว่างเราค่อยคุยกันใหม่”

ประโยคที่พูดว่าไว้มีเวลาว่างค่อยคุยกันใหม่นั้น เป็นเพียงคำพูดเกรงใจเท่านั้น

ถานไถฮ่าวเยว่เปิดประตูรถ แต่จู่ๆ ก็ถูกเย่อู๋เต้าเรียกหยุดไว้

จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง ในดวงตาเต็มไปด้วยความเสน่หา มือหยิบกล่องเล็กๆ ที่สวยงามออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วเปิดมันเบาๆ เห็นว่าเป็นแหวนเพชรแวววาวที่โดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ

“ฮ่าวเยว่ เดิมทีผมวางแผนว่าจะเชิญคุณไปทานอาหารเย็นที่ภัตตาคารว่านซื่อด้วยกัน ที่นั่นผมได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้อย่างระมัดระวังแล้ว”

“พูดตามตรง คืนนี้ผมตั้งใจที่จะสารภาพรักกับคุณอย่างเป็นทางการและหวังว่าคุณจะตกลงยอมเป็นแฟนผม”

“ในเมื่อคุณไม่อยากไป ผมก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสารภาพรักกับคุณที่นี่ เปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของผม”

คำพูดของเย่อู๋เต้าได้เน้นย้ำสองคำนี้...จริงใจ!

ว่ากันว่าผู้ชายที่จริงจังนั้นหล่อที่สุด ในขณะนี้เอง เย่อู๋เต้าจริงจังอย่างมาก

“ผมรู้ว่ามันกะทันหันไปหน่อย แต่ผมไม่อยากพลาดโอกาสที่จะสารภาพรักกับคุณในครั้งนี้”

“ฮ่าวเยว่ ผมชอบคุณ ชอบมานานมาก นานมากๆ...”

“หยุด!” ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ถานไถฮ่าวเยว่ก็ยกมือเรียวเล็กขึ้นขัดจังหวะ ริมฝีปากแดงของเธอผละออกเบาๆ

“เย่อู๋เต้า คุณรู้ทัศนคติของฉันมาโดยตลอด เลิกทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์ได้แล้ว”

“ระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้!”

“ไม่มีโอกาสจริงๆ เหรอ?” เย่อู๋เต้ายืนขึ้นและถาม

“ไม่” ถานไถฮ่าวเยว่พูดตามตรง

หรือบางทีเธออาจไม่ต้องการอ้อมค้อม

ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ถูกปฏิเสธหลังจากสารภาพรัก จะต้องรู้สึกอับอายและรีบจากไปอย่างแน่นอน

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเย่อู๋เต้าที่เป็นบุคคลที่มีหน้ามีตาและมีสถานะในสังคม

ในฐานะผู้สืบทอดรุ่นต่อไปของตระกูลเย่แห่งเมืองซู เขาถูกขัดจังหวะก่อนที่จะพูดจบ แถมยังถูกปฏิเสธอย่างเรียบง่ายและตรงไปตรงมา

ด้วยสถานะของเย่อู๋เต้า ผู้หญิงแบบไหนที่เขาจะหาไม่ได้?

ผู้หญิงแบบไหนที่เขาจะเล่นด้วยไม่ได้?

ศีรษะที่เชิดสูงอุตส่าห์ลดต่ำลงแล้ว แต่กลับไม่ได้รับผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ไม่สบถด่าและระบายอารมณ์ออกมาทันที ก็นับว่าเขามีการอบรมเลี้ยงดูที่ไม่เลวแล้ว

เย่อู๋เต้าไม่รีบร้อนที่จะจากไป เขาไม่แสดงความโกรธใดๆ เช่นกัน

“ไม่เป็นไรครับ ครั้งนี้ผมล้มเหลว แต่ยังมีครั้งหน้า”

“ไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว” ถานไถฮ่าวเยว่คว้ามือของเฉินปู้ฝาน ประสานนิ้วทั้งสิบแล้วยกขึ้นให้เย่อู๋เต้าดู “เขาเป็นศิษย์น้องเล็กของฉัน และก็เป็นแฟนของฉันด้วย”

เฉินปู้ฝานพูดไม่ออก ถูกใช้เป็นข้อบอกปัดแล้ว

“ฮ่าวเยว่ เรื่องนี้เกี่ยวพันกับความสุขทั้งชีวิตของคุณ จะเอามาล้อเล่นไม่ได้” สีหน้าของเย่อู๋เต้าดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย

“ฉันเปล่า เขาเป็นแฟนของฉันจริงๆ”

ถานไถฮ่าวเยว่เหมือนกำลังพูดถึงเรื่องที่จริงจัง ใบหน้าที่สวยงามตอนนี้ไม่มีรอยยิ้ม ทำให้รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องจริงจริงๆ

จากนั้นเธอก็เขย่งปลายเท้าขึ้นจูบปากกับเฉินปู้ฝาน

เหมือนกับแมลงปอที่แตะสัมผัสกับผิวน้ำ เพียงพริบตาก็ผละจากไป

เฉินปู้ฝานตอนนี้ตะลึงงันไปแล้ว การเคลื่อนไหวของศิษย์พี่ใหญ่ครั้งนี้เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ

จูบแรกถูกศิษย์พี่ใหญ่พรากไปอย่างไร้ความปรานี

ไม่มีการเตรียมตัวเลยแม้แต่น้อย

แต่หวานมาก!

เย่อู๋เต้าขมวดคิ้ว ดวงตาของเขาหรี่ลงครึ่งหนึ่ง และร่องรอยของเจตนาฆ่าก็วิ่งวาบผ่านดวงตาไป

เทพธิดาที่เขาไล่ตามมาโดยตลอด ผู้หญิงที่ตัวเองเลือกไว้ ถึงกับจูบปากกับผู้ชายอีกคนต่อหน้าต่อตาเขา จะให้เขาจะรู้สึกดีได้อย่างไร

“ตอนนี้คุณเชื่อแล้วหรือยังล่ะ? ต่อจากนี้โปรดอย่ามารบกวนฉันอีก”

ถานไถฮ่าวเยว่พูดและแสดงออกอย่างชัดเจนเด็ดขาด ซึ่งก็เป็นสไตล์ตามปกติของเธอ

ได้คือได้ ไม่ได้ก็คือไม่ได้

“น้องปู้ฝาน คุณเป็นแฟนของฮ่าวเยว่จริงๆ เหรอ” เย่อู๋เต้าเห็นได้ชัดว่าไม่เต็มใจที่จะยอมรับ “ผมดูว่าคุณอายุยังไม่เท่าไหร่ใช่ไหม?”

“ความรักไม่เกี่ยวอะไรกับอายุ แม้ว่าผมจะยังเด็ก แต่ผมกับศิษย์พี่ใหญ่เราก็รักกันจริงๆ”

เฉินปู้ฝานพูดไร้สาระ

จะให้เขาฉีกหน้าศิษย์พี่ใหญ่ตรงนี้ก็คงไม่ได้ใช่ไหม จึงทำได้เพียงตามน้ำไปกับเธอเท่านั้น

“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมขอพูดอีกประโยคหนึ่ง เป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่เริ่มตามจีบผมก่อน”

“...” บนหน้าผากของถานไถฮ่าวเยว่ปรากฏแถบสีดำ

“ดี ดีมาก!” เย่อู๋เต้ามองไปที่เฉินปู้ฝานอย่างลึกซึ้ง จากนั้นถึงหันหลังกลับและจากไป

“ศิษย์พี่ใหญ่ จากที่ผมดูคนคนนี้หมกมุ่นกับพี่มาก พี่ปฏิเสธเขาอย่างเย็นชาขนาดนี้ เกรงว่าจะไม่มีหวังอีกแล้ว พี่จะไม่เสียใจในอนาคตจริงๆ ใช่ไหม” เฉินปู้ฝานถามหลังจากที่อีกฝ่ายเดินจากไปไกลแล้ว

“ไม่!” ถานไถฮ่าวเยว่ส่ายหัว “เขาไม่เหมาะกับฉัน”

“แล้วใครกันที่เหมาะกับพี่? ในใจพี่มีตัวเลือกหรือยังล่ะ? ให้ศิษย์น้องเล็กคนนี้ช่วยดูให้เอาไหม” เฉินปู้ฝานล้อเลียน

“มีแล้ว!” ถานไถฮ่าวเยว่พูดอย่างเคร่งขรึม

“ใครกัน?”

“นาย!”

“...” เฉินปู้ฝานพ่ายแพ้อย่างราบคาบ "ผมถามจริงจังนะครับ"

“ฉันก็ตอบจริงจังเหมือนกัน”

“…”

ทั้งสองคนเดินไปขึ้นรถ เฉินปู้ฝานเสนอตัวรับหน้าที่เป็นคนขับ

“ศิษย์น้องเล็ก ในช่วงนี้นายก็ระวังตัวไว้ด้วยล่ะ ฉันเกรงว่าเย่อู๋เต้าอาจจะวางแผนเล่นงานนาย”

“พี่กลัวว่าเขาจะวางแผนเล่นงานผม ยังใช้ผมเป็นโล่กันคนอีกเหรอ ผมยังเป็นศิษย์น้องเล็กที่พี่รักเอ็นดูมากที่สุดอยู่หรือเปล่า”

เฉินปู้ฝานกลอกตา

“ใครบอกว่านายเป็นโล่ ถ้าฉันพูดความจริงล่ะ”

“…”

เชื่อกับผีสิ!

“คิกคิกคิก!” ถานไถฮ่าวเยว่ปิดปากแล้วยิ้มหวาน “กะอีแค่ตระกูลเย่ ด้วยความสามารถของศิษย์น้องเล็กไม่มีทางเสียเปรียบอยู่แล้ว”

“ศิษย์พี่ใหญ่ พี่ประเมินผมสูงเกินไปหรือเปล่า?”

“ประเมินนายสูงเกินไปไหมฉันรู้ดีแก่ใจที่สุด ถ้านายไม่สามารถรับมือกับตระกูลเย่ได้ อาจารย์แม่ได้ทุบตีนายจนตายอย่างแน่นอน”

“…”

นี่เป็นเรื่องจริง เขาเป็นศิษย์ของจอมปราบคู่หมอบู๊ และก็เป็นลูกศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดอีกด้วย ถ้าเขาไม่สามารถรับมือกับตระกูลเย่ธรรมดาๆ ได้ มิสู้กลับไปเลี้ยงหมูที่ภูเขาแต่เนิ่นๆ จะดีกว่า

อาจารย์แม่ทั้งสามคาดหวังในตัวเฉินปู้ฝานไว้สูงมาก กระทั่งปรารถนาให้เขาเป็นคลื่นลูกหลังที่ทรงพลังและแข็งแกร่งยิ่งกว่าคลื่นลูกแรก หวังว่าวันหนึ่งเขาจะก้าวข้ามอาจารย์ของตัวเองไป

“อ้อ จริงสิ เสี่ยวฝาน ศิษย์น้องหญิงอีกสามคนดูเหมือนจะรู้แล้วว่านายได้ลงมาจากภูเขาแล้ว พวกเธอบอกว่าไม่ว่ายังไงก็จะมาเยี่ยมนายที่เมืองซูให้ได้” ถานไถฮ่าวเยว่พูดพลางก็เปิดกล่องอาหารที่เฉินปู้ฝานนำมา

เธอหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบลูกชิ้นปลาเข้าปากแล้วเคี้ยวช้าๆ

“พวกเธอบอกหรือเปล่าครับว่าจะมาเมื่อไหร่?”

“ทำไม? มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่เป็นเพื่อนนายยังไม่พออีกเหรอ?” ถานไถฮ่าวเยว่แกล้งทำเป็นอิจฉา

“ผมแค่ถามเฉยๆ”

“เชอะ ฉันจะดึงนายเข้าห้องแชททีหลัง แล้วค่อยมาคุยกัน”

“โอเคๆ” เฉินปู้ฝานยิ้ม

พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน จึงมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเป็นเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน

ไม่ได้เจอหน้ากันมาสี่ปีเต็ม บอกว่าไม่คิดถึงพวกเธอเลยก็คงเป็นเรื่องโกหก

หลังกลับถึงบ้าน หวังโต้วโต้วก็กินอิ่ม ถือโอกาสอาบน้ำจนเสร็จเรียบร้อย

ผมหางม้าทั้งสองข้างถูกสยายออก และหน้าม้าก็ถูกปล่อยลงมาปิดคิ้วเรียว ดวงตากลมโต ทำให้องคาพยพทั้งหน้าของเธอดูน่ารัก เข้ากับรูปร่างเล็กนั่น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากอาบน้ำเสร็จและเธอก็สวมเพียงเสื้อยืดยาว ๆ ตัวเดียว เผยให้เห็นขาที่เรียบเนียนและสวยงามทั้งสองข้าง

พอมองแบบนี้ ทำให้ดูเหมือนส่วนล่างไม่ได้สวมใส่อะไรเลย

เธอคาบอมยิ้มอยู่ในปาก แก้มข้างหนึ่งป่องออกมา

“พี่คะ พวกเรากลับมาแล้ว” หวังโต้วโต้วกำลังนอนเล่นเกมอยู่บนโซฟา ก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว จากนั้นก็มีเสียงทักทายดังส่งมา

“โต้วโต้ว ทำไมยังไม่ไปนอนอีกล่ะ?”

“นี่เพิ่งจะกี่โมงกัน ถ้าไม่ถึงเที่ยงคืนฉันนอนไม่หลับหรอกนะ”

ดูเหมือนว่าคนหนุ่มสาวในปัจจุบันส่วนใหญ่จะมีนิสัยชอบนอนดึก

ยิ่งกับหวังโต้วโต้วยิ่งเป็นเรื่องปกติ บางครั้งเธออดนอนเล่นเกมตลอดทั้งคืนเลยก็มี

“พี่คะ พี่กินข้าวที่พี่ปู้ฝานเอามาให้แล้วหรือยัง?”

“กินมาระหว่างทางแล้ว” ถานไถฮ่าวเยว่กินมาตลอดทางจนหมด

ปกติความอยากอาหารของเธอจะน้อยมาก แต่วันนี้เธอกลับกินมันจนหมดอย่างหาได้ยาก

ถ้าจะให้พูดโดยสรุป ก็คงต้องบอกว่ารสมือของเฉินปู้ฝานนั้นยอดเยี่ยม

“โต้วโต้ว กับข้าวบนโต๊ะล่ะอยู่ที่ไหน?” เฉินปู้ฝานถาม

“กินไปหมดแล้ว”

“กินทั้งหมดเลยเหรอ?”

“อื้ม”

“…”

นักกินตัวยงจริงๆ มื้อเย็นที่เฉินปู้ฝานทำนั้นเพียงพอให้คนสามคนกินจนอิ่มได้เลย

ยัยเด็กนี่ กินข้าวในปริมาณสองคน แต่ทำไมไม่มีวี่แววว่าจะสูงขึ้นเลย?

คงไม่ใช่ว่าสารอาหารทั้งหมดไปรวมอยู่ที่หน้าอกแล้วใช่ไหม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel