5.เสียสติไปแล้วหรือไง
อาเมเลียก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ ในมือของเธอถือตะกร้าผลไม้เอาไว้เธอตั้งใจว่าจะนำผลไม้พวกนี้มาเยี่ยมเขาที่กำลังป่วย แต่ดูแล้วเขาไม่ได้ป่วยหรือว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนเลย เพราะอย่างนั้นหากว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นไม่มีอะไรผิดพลาด
เรื่องที่เขาไม่เคยมีคนรักหรือว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์กับสตรีมาก่อน มันอาจจะมาจากคำสาปที่เหมือนกันกับเธอก็เป็นได้
“เลดี้อาเมเลีย”
น้ำเสียงของเขานั้นต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าเขากำลังรำคาญเธอ แต่อาเมเลียไม่สนใจอยู่แล้วเธอยังคงเดินเข้าไปหาเขาก่อนจะชูมือขึ้นมาให้เขาดู
“วันนี้ข้าสวมถุงมือค่ะ แค่นี้เพียงพอให้ข้าได้ถามคำถามของท่านไหม”
คราแรกเธอขู่เขาและในยามนี้กลับต้องมาออดอ้อนเพื่อให้เขาเห็นใจเธอ
“ท่านแกรนด์ดยุคไม่สามารถถูกตัวของสตรีได้ใช่ไหมคะ ที่ท่านอาเจียนเป็นเลือดเมื่อวานเพราะว่าท่านเต้นรำกับข้าและในรอบสองที่ท่านสลบไปมันเป็นเพราะว่าข้ากอดท่านใช่ไหม..”
เขาหรี่ตามองหน้าเธอ
“เรื่องนั้นมันคือเรื่องส่วนตัวของข้า เลดี้จะรู้หรือไม่ ล้วนแล้วแต่ไม่มีประโยชน์อะไรทั้งนั้น”
เอาอีกแล้ว ไอ้กำแพงที่สูงชันนี่มันยังไงกันนะ
“มีประโยชน์สิคะ เพราะว่าข้าจะช่วยหาท่านรักษาท่านแกรนด์ดยุคเอง”
รักษา? มันไม่มีหนทางรักษามาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะว่านี่คือคำสาบานที่เขายินดียอมรับมา
“ข้าไม่ต้องการ..ข้าคิดว่าข้าพูดไปชัดเจนแล้วนะครับ ว่าสิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่นี้มันไร้ประโยชน์ ไม่ว่าสิ่งที่ข้าเผชิญหน้าอยู่นี้มันคืออะไร แค่เลดี้ไม่แตะต้องร่างกายของข้า แค่นั้นข้าก็จะไม่เป็นไร หากจะช่วยก็ช่วยเริ่มต้นจากตัวของเจ้าเถอะนะ”
ความรู้สึกผิดแล่นปลาบมาตามกระดูกสันหลัง ถ้ามีทางเลือกเธอเองก็ไม่อยากจะทำแบบนี้นักหรอก
ไม่อยากมาวุ่นวายและทำให้เขาเจ็บปวดแต่เธอไม่อยากให้พี่อาริตาย..เพราะอย่างนั้นเธอถึงได้พยายามหาทางทำลายคำสาปบ้าๆ พวกนั้น
“ข้าบอกท่านแกรนด์ดยุคไปแล้วนี่คะว่าข้าจะทำตามใจตัวเอง เพราะอย่างนั้นการเข้าใกล้ท่านก็คือความต้องการของหัวใจข้า..ช่วยทำให้ความรักครั้งแรกของข้าเจ็บปวดกับความผิดหวังน้อยลงหน่อยได้ไหมคะ”
หากเป็นเขาจะต้องทำให้เธอไม่เจ็บปวดได้แน่ๆ เขาจะต้องทำให้เธอมีความสุขกับความรักครั้งใหม่นี้อย่างแน่นอน
คอนราดยกมือขึ้นมานวดขมับเบาๆ
“เลดี้อาเมเลีย เจ้าคือสตรีที่งดงามจนเหล่าบุรุษแทบจะละสายตาไปจากเจ้าไม่ได้ ส่วนข้าคือบุรุษที่อายุ 41 ปี ด้วยช่วงอายุที่แตกต่างกันมากขนาดนั้นมันไปด้วยกันไม่ได้หรอก เราจะมองโลกในคนละมุม และข้าไม่คิดจะมีภรรยาหรือว่าคนรัก เจ้าไปหาบาสเตียนซะเถอะ ข้าจะคิดซะว่าเรื่องที่เจ้ากล่าวออกมาเมื่อครู่มันไม่เคยเกิดขึ้น”
อาเมเลียยื่นมือทั้งสองข้างของตัวเองไปกุมมือของท่านแกรนด์ ดยุคเอาไว้ เธอจ้องมองใบหน้าที่ถึงแม้จะมีริ้วรอยตามกาลเวลา แต่ทว่าเขาก็ยังคงหล่อเหลาในแบบที่สตรีน้อยใหญ่พยายามปีนขึ้นเตียงของแกรนด์ดยุคไม่หยุดหย่อน จนที่นี่ต้องเพิ่มกำลังทหารเวรยามตอนกลางคืน
“ข้าชอบท่านแกรนด์ดยุคนะคะ อายุต่างกันแล้วไง เรื่องนั้นข้าไม่สนใจสักนิด ท่านเองก็ยังไม่เคยมีความรักมาก่อนเหมือนกัน อย่าริอาจมาสอนข้าเรื่องความรักเลยค่ะ วันนี้ข้าจะยินยอมลามือเพียงเท่านี้ วันพรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่ และวันต่อๆ ไปข้าก็จะมาอีก เพราะอย่างนั้นอย่าได้คิดที่จะหนีนะคะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของอาเมเลียมันทำให้ในหัวใจของคอนราดรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้นไปอีก
คนเช่นเขาไม่ควรรักใครหรือแม้กระทั่งจะแตะต้องสตรีใด เขาคือคนสารเลวที่พรากเวลาของสตรีผู้หนึ่งไปเกือบสิบปี เรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดนั้น มันเกิดขึ้นมาเพราะเขาเพียงผู้เดียว..ชีวิตที่เหลืออยู่ของคอนราด มีเอาไว้เพื่อสำนึกผิดเท่านั้น
“ลืมตาตื่นขึ้นมาซะบาสเตียน ตื่นมาในตอนที่ข้ายังพูดดีๆ”
บาสเตียนดึงผ้าห่มมาปกคลุมใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของเขา แล้วหลับต่อราวกับไม่สนใจเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธเคืองของอาเมเลียเลย
“บาสเตียน..เหมือนว่าในตอนนี้ข้ารู้สึกว่าอยากจะร้องไห้ออกมาเลย”
ดวงตาสีอำพันของบาสเตียนพลันเบิกกว้างขึ้นมาในทันที เขาลุกพรวดพราดขึ้นมาจากที่นอนก่อนจะมองดูใบหน้าของสหายรัก น้ำเสียงของเธออ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดและอาเมเลียในวันนี้ดูแปลกไป
“นี่อย่าบอกนะว่า เจ้าไปสารภาพรักกับเอ็ดมันด์แล้วไม่สำเร็จ ดูเหมือนว่าหมอนั่นจะโง่งมเกินไปแล้วที่เขาทอดทิ้งเจ้า..”
อาเมเลียยกมือขึ้นมาปิดปากของบาสเตียนเอาไว้ในทันที เธอพึ่งจะรู้สึกแย่กับท่าทางห่างเหินของท่านแกรนด์ดยุค แล้วนี่เขาจะพูดชื่อของชายที่เธอไม่อยากได้ยินชื่อขึ้นมาทำไมกัน
“อย่าพูดชื่อนั้นออกมานะ ข้าไม่อยากได้ยิน”
บาสเตียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นอาเมเลียหลงใหลในตัวของเอ็ดมันด์แทบบ้า และหมอนั่นเองก็ดูเหมือนว่าจะมีใจให้อาเมเลียด้วย แล้วทำไมในวันนี้ท่าทีของเธอถึงได้รังเกียจเอ็นมันด์ขนาดนั้นกันนะ
“นี่เจ้าเป็นอะไรไป ทะเลาะกับใครมางั้นเหรอ”
บอกได้ไหมว่าพึ่งทะเลาะกับพ่อของเขามา.. ถึงแม้ว่าบาสเตียนจะเป็นบุตรบุญธรรมของท่านคอนราดแต่ทั้งสองคนก็สนิทกันมากทีเดียว และท่านคอนราดก็รักและตามใจบาสเตียนเป็นอย่างมาก นั่นคือสาเหตุว่าทำไมเขาถึงทำตัวเหลวไหลได้มากขนาดนี้เพราะมีพ่อที่เป็นเจ้าเมืองคอยหนุนหลังยังไงล่ะ
“บาสเตียน ข้าช่วยเจ้าทำการบ้านส่งท่านอาจารย์ แถมเวลาที่ออกงานด้วยกัน เจ้าหมายตาสตรีผู้ใด ข้าก็ไปพูดคุยและพาสตรีผู้นั้นมาแนะนำให้เจ้ารู้จักตลอดเลย เพราะอย่างนั้นในยามนี้ข้ากำลังมีเรื่องทุกข์ใจอย่างหนักไม่รู้ว่าเจ้าจะสามารถช่วยเหลือข้าได้หรือไม่..ไม่สิไม่ใช่แบบนั้น เจ้าจะต้องช่วยข้าเข้าใจไหม!! บาสเตียน เจ้าต้องช่วยแบบที่ไม่สามารถกล่าวปฏิเสธออกมา ไม่อย่างนั้นข้าจะบอกท่านอาจารย์ให้หมดว่าที่ผ่านมาเจ้าใช้ให้ข้าทำการบ้านให้”
“ขะ..เข้าใจแล้วอาเมเลีย ข้ายินดีช่วยเหลือเจ้าทุกอย่างเลย เพราะอย่างนั้นไม่ต้องเอาเรื่องที่น่ากลัวมากขนาดนั้นมาขู่กันก็ได้”
คนที่บาสเตียนหวาดกลัวมากกว่าท่านพ่อก็คือท่านอาจารย์นี่แหละ
“ว่ามาสิ เจ้าต้องการให้ข้าช่วยทำอะไร ไปตกหลุมรักใครมาอีกรึไง”
อาเมเลียดีดนิ้วเสียงดังเปาะ เธอลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างเพื่อมองทอดสายตาออกไปด้านนอกซึ่งเป็นสนามฝึกของอัศวิน
“ใช่แล้วบาสเตียนข้ากำลังมีความรัก”
“เอาอีกแล้วอาเมเลีย คราวนี้หัวใจดวงน้อยๆ ของเจ้าถูกบุรุษหน้าละอ่อนคนไหนกุมเอาไว้อีกล่ะ”
“...พ่อของเจ้าบาสเตียน”
“อ่าใช่ พ่อของข้าอยู่ที่ด้านล่าง...”
“ข้าชอบพ่อของเจ้า! เจ้าจะต้องช่วยให้ข้าและท่านดยุคได้แต่งงานกัน”
.....นี่อาเมเลีย เสียสติไปแล้วรึไง?