3.อย่าสัมผัสข้า
อาเมเลียตัดสินใจรวบรวมความกล้า เพื่อไปขอท่านแกรนด์ดยุคให้ท่านมาเป็นคู่เต้นรำในเพลงแรก เพราะว่านี่คืองานพิธีบรรลุนิติภาวะของเธอ และเธอจะต้องเป็นคนเปิดฟลอร์เต้นรำในคืนนี้ แต่เขากลับนั่งคุยกับท่านพ่อแบบที่ไม่สนใจเธอเลย
แต่เธอบอกแล้วไงว่าเธอไม่คิดถอยในเรื่องนี้ เพราะอย่างนั้นอาเมเลียจึงยื่นมือไปจับมือของท่านแกรนด์ดยุคแล้วออกแรงดึงให้เขาลุกขึ้นเดินตามเธอมายังฟลอร์เต้นรำ
“ทำไมเลดี้ถึงได้มาขอข้าให้เป็นคู่เต้นรำของเจ้าล่ะครับ”
ดะ..ดูแววตาที่แสนรังเกียจนั่นสิ เขาฝืนใจในการยื่นมือมาเพื่อสัมผัสลงไปบนร่างกายของเธอ ถึงแม้ว่าเขาจะดูไม่เต็มใจเอามากๆ แต่ท่านแกรนด์ดยุคก็ยังรักษาหน้าตาของเธอเอาไว้
อาเมเลียจุดยิ้มขึ้นมาด้วยความเจ้าเล่ห์
“เพราะว่าในสายตาของข้าแล้วท่านแกรนด์ดยุคคือบุรุษที่ยิ่งใหญ่และคู่ควรยังไงล่ะคะ ในพิธีบรรลุนิติภาวะของข้า ข้าอยากจะทำอะไรที่ไม่เคยลองทำมาก่อนบ้าง นั่นคือการทำตามเสียงหัวใจของตัวเอง”
คอนราดเบือนหน้าหนีในทันที เขาไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง และไม่อยากจะคิดถึงเรื่องที่เหมาะสมกับบุตรีของท่านเคาน์แลนโซ ที่เลดี้อาเมเลียทำเช่นนี้เพราะว่านางกำลังแสดงความนับถือเขาต่างหาก
เมื่อเสียงเพลงจบลงอาเมเลียก็ย่อตัวลงเพื่อทำความเคารพท่านแกรนด์ดยุค
“ขอบคุณนะคะท่านคอนราด”
คอนราดขมวดคิ้วในทันทีที่เธอเรียกชื่อของเขา
“ข้าเรียกชื่อของท่านไม่ได้อย่างนั้นหรือคะ? ขออภัยด้วยหากว่าข้าทำตัวไม่เหมาะสม”
คอนราดพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
“ทางที่ดีเลดี้เรียกข้าด้วยยศจะดีกว่านะครับ หรือไม่ก็เรียกด้วยชื่อของตระกูล”
ดูกำแพงที่สูงชันนี่สิ มันทั้งหนาและมองไม่เห็นยอดกำแพงเลยทีเดียว!
“ค่ะ..ข้ายินดีที่จะทำตามที่ท่านต้องการทุกอย่างเลยค่ะท่านคอนราด”
เมื่อกล่าวจบอาเมเลียก็ส่งยิ้มที่ผลิบานราวกับกลีบดอกไม้ให้แก่แกรนด์ดยุค เขามองหน้าเธออีกครั้งก่อนจะเป็นฝ่ายเดินจากไป และผู้ที่เดินเข้ามาหาเธอในวันนี้คือเมลวิน สหายวัยเด็กอีกคนของเธอที่ครั้งหนึ่งเธอเคยแต่งงานกับเขา..
“อาเมล มาเต้นรำด้วยกันหน่อยสิ”
เพราะว่าย้อนเวลากลับมายังจุดเดิมสินะ เมลวินถึงได้คิดว่าเธอและเขายังคงสนิทสนมกันอยู่
“ข้าเจ็บขาน่ะ ว่าจะพักสักหน่อย เจ้าไปตามหาสตรีผู้งดงามเพื่อเต้นรำกับนางไปก่อนได้เลยเมลวิน เดี๋ยวข้ามานะ”
อาเมเลียเลือกที่จะปลีกตัวออกมาจากตรงนั้นถึงแม้ว่าในงานนี้เธอจะเป็นตัวเอกของงานก็ตามที เพราะว่างานนี้ไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไรเลยนะสิ เธออยู่ในงานพิธีบรรลุนิติภาวะนี้มาสี่ครั้งแล้วนะ และในทุกครั้งนี่คือจุดเริ่มต้นในการที่เธอจะเลือกบุรุษสักคนมาแต่งงานด้วย
“เมล..”
พี่อาริรีบวิ่งเข้ามาหาเธอในทันที
“เจ้าใจกล้ามากกว่าที่พี่คิดเอาไว้อีกนะให้ตายเถอะ เจ้าไม่กลัวท่านแกรนด์ดยุคหรืออย่างไรกัน?”
อาเมเลียเดินเข้าไปในสวนก่อนจะนั่งลงบนพื้นหญ้าข้างๆ พี่สาวของเธอ
“ไม่เลย ข้ารู้ว่าท่านแกรนด์ดยุคนั้นเป็นคนใจดี พี่อย่าลืมสิว่าข้ากับบาสเตียนเป็นเพื่อนกันนะ”
อาริยกมือขึ้นมาลูบผมน้องสาวเบาๆ
“ไม่ว่าผลมันจะเป็นอย่างไร ก็ไม่เป็นไรหรอกนะเมล ในบางทีพี่ก็คิดว่าการตายก็ไม่ได้เลวร้ายมากซะทีเดียวหากว่ามันจบลงน่ะนะ แต่ชีวิตของเราทั้งคู่กลับไม่ยอมจบลง หรือว่าเราจะช่างหัวคำสาปพวกนั้นแล้วแต่งงานใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับชายที่เรารักดีล่ะ”
เราทั้งคู่ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย พี่อาเรียลที่เสียไปก็เหมือนกัน แล้วทำไมพวกเราจะต้องมาถูกคำสาปร้ายควบคุมชีวิตด้วยก็ไม่รู้
“ข้าแต่งงานแบบที่พี่ว่ามาแล้วค่ะ แต่งงานกับคนที่ดูเหมือนจะเป็นคนดี แต่งงานกับชายที่ข้ารัก และแต่งงานกับชายที่รักข้า ทุกอย่างที่อยากทำข้าทำมาจนเกือบหมดแล้ว จนตอนนี้ข้าคิดว่ามันน่าเบื่อมากเหลือเกิน พี่เหลือเวลาอีกสองปีและข้าจะปกป้องพี่เอาไว้เอง”
อาริเอนศีรษะไปพิงไหล่ของน้องสาว
“พี่เองก็ทำมาแล้ว แต่งงานกับคนที่รัก และแต่งงานกับคนที่น่าจะเป็นสายเลือดของลาซาลาซ ทำทุกวิถีทางเพื่อยับยั้งการตายของตัวเอง แต่เมล..ต่อให้พี่ตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรหรอกนะ เจ้าไม่ต้องกังวลกับเรื่องของพี่มากมายขนาดนั้น เจ้าตั้งใจแต่งงานกับท่านแกรนด์ดยุคให้ได้เพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ต้องตายในชีวิตนี้..ส่วนเรื่องเวลาสองปีที่เหลือของพี่เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลเลยเพราะว่าพี่จะใช้มันให้มีความสุขมากที่สุด..”
ความรู้สึกภายในใจรวดร้าวทรมานคล้ายกำลังถูกเข็มนับพันทิ่มแทง รสชาติชีวิตทำไมมันขมเสียยิ่งกว่ารสชาติของสุราที่ดื่มอีกนะ
“เราจะไม่เป็นไร อย่างน้อยในครั้งนี้เราก็รู้แล้วว่าใครกันแน่คือสายเลือดของลาซาลาซ”
อาเมเลียส่งยิ้มให้พี่สาวของเธอ
“เช่นนั้นพี่กลับเข้าไปในงานก่อนนะ หากเจ้าจัดการกับดวงตาที่เปรอะเปื้อนนี้เสร็จแล้ว ก็รีบตามพี่เข้าไปด้านในด้วยล่ะ”
อาเมเลียหัวเราะเบาๆ ก่อนที่เธอจะใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดรอบดวงตาเพื่อเช็ดคราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนอยู่บนนั้น เธอเงยหน้าขึ้นมามองท้องฟ้าเพื่อขับไล่หยาดน้ำตาที่เอ่อล้นออกมา
“อะ..อึ่ก!!”
มีเสียงฝีเท้าที่กำลังวิ่งตรงมายังด้านหลังพุ่มไม้ที่เธอนั่งอยู่ ก่อนที่อาเมเลียจะได้ยินกระอักเลือดดังขึ้นมา
เธอลุกขึ้นในทันทีก่อนจะปัดเศษหญ้าออกจากชายกระโปรง เธอลอบมองลอดช่องของใบไม้เพื่อมองดูว่าชายผู้นั้นเป็นใครกันแน่
กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายออกมาตามสายลม อาเมเลียยกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเองเอาไว้เมื่อเธอมองเห็นท่านแกรนด์ดยุคที่กำลังอาเจียนออกมาเป็นเลือด
เธอเดินออกมาจากสถานที่หลบซ่อนโดยไม่รู้ตัวก่อนจะรีบก้าวเท้ายาวๆ เพื่อเดินเข้าไปหาเขา
“ท่านแกรนด์ดยุค”
เขาตกใจมากพอสมควรกับเสียงเรียกนั้น ในยามนี้คอนราดกำลังเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดที่แสนสาหัส เขายกมือขึ้นมาห้ามปรามเพื่อไม่ให้เลดี้อาเมเลียเดินเข้ามาหาเขา
“อย่าสัมผัสข้านะ!!”
มือของอาเมเลียพลันยกแข็งค้างอยู่บนอากาศ เธอแค่จะช่วยเหลือเขา ไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีหรือว่าอะไรทั้งนั้น แล้วทำไมจะต้องรังเกียจกันถึงเพียงนั้นด้วยล่ะ
“ข้าแค่จะช่วยท่าน..ให้ข้าช่วยประคองท่านไปหาหมอนะคะ”
เขาเบี่ยงตัวเพื่อหลบหนีเธอในทันที
“ไม่มีใครช่วยข้าได้ทั้งนั้น ไม่มีเรื่องอะไรที่เลดี้จะต้องเป็นกังวลด้วยครับ ท่านไปจากที่ซะเถอะ ทำเหมือนกับว่าเราไม่ได้มาพบเจอกันที่นี่”
อะไรของเขา..ท่าทางเย็นชาและเต็มไปด้วยความรังเกียจเช่นนั้น..คิดจะตั้งกำแพงใส่กันไปถึงไหน!