ตอนที่ 4
เสียงของดอกแก้วบอกความผิดหวังในตัวของผู้ชายตรงหน้า
“อย่าพูดมาก... บอกความจริงมาก็เท่านั้น... ฉันต้องการแค่ความจริง ว่าที่หายไปนานเพราะเธอไปเอากับมันมาใช่ไหม?”
เสียงถามคาดคั้นจะเอาคำตอบ
“เปล่า... แก้วแค่ไปกินข้าว แล้วก็คุยกันนิดหน่อย บังเอิญเพื่อนแก้วกำลังเจอปัญหา ต้องการคำปรึกษาค่ะ”
ดอกแก้วไม่ใช่คนชอบโกหก แต่ก็ไม่คิดว่าคนพาลที่นั่งจ้องราวจะกินเลือดกินเนื้ออยู่ตรงหน้านี้ จะเชื่อในสิ่งที่หล่อนบอก
“ให้คำปรึกษากันบนเตียงสินะ”
ชาติพยัคฆ์ยังไม่เปลี่ยนความคิด
“เปล่าค่ะ... เราคุยกันที่ร้านอาหารค่ะ”
“อะไรนะ... นี่เธอใช้เวลากินข้าวนานถึงสามชั่วโมงเชียวหรือ?... พระเจ้าช่วยกล้วยทอด”
ชาติพยัคฆ์ไหวไหล่ยียวน เขาไม่มีทางเชื่อว่าแค่คุยกัน เพราะเขาเข้ามานั่งอยู่ในห้องของหญิงสาวตั้งแต่ตอนที่ป้าอิ่มบอกว่าหล่อนออกไปกับเพื่อนชาย เขามองดูนาฬิกาอยู่ตลอดเวลาด้วยความกระวนกระวายใจ จึงรู้ว่าตัวเองนั่งรออยู่นานแค่ไหนแล้ว
“แล้วทำไมไม่รับโทรศัพท์”
“แบตหมดค่ะ... ”
ดอกแก้วไม่ได้โกหก
“แหม... มุกนี้ใช้กันจัง... ไม่แบตหมดก็ปิดเสียงไว้”
ชาติพยัคฆ์ไม่เชื่อ เขาคิดว่ารู้ทันหล่อน
“แสดงว่ามุกนี้อาเสือก็เคยใช้บ่อยสิคะ”
หล่อนอดเถียงไม่ได้
“แน่ะ... เถียงอีก ตัวเองผิดแล้วยังทำปากดี อย่างนี้ต้องลงโทษ ประเดี๋ยวจะจัดหนักให้อ่วมไปเลย”
ชาติพยัคฆ์มองดอกแก้วด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจนหญิงสาวเห็นประกายความหื่นในแววตาของเขา
“แก้วไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะ คุณอาออกไปเถอะค่ะ... ดึกแล้ว แก้วจะอาบน้ำ คำพูดหยาบคายเมื่อครู่แก้วจะคิดเสียว่าคุณอาเมา ตอนนี้ดึกมากแล้วนะคะ... แก้วอยากอาบน้ำเต็มที”
หล่อนเสียงอ่อนลง เพราะคิดว่าอาจทำให้อาเสือยอมออกไปจากห้อง
“จะรีบไปล้างคราบคาวที่มันติดอยู่ตามซอกขาใช่ไหมล่ะ”
ชาติพยัคฆ์คว้าแก้วเหล้าขึ้นกรอกลงคอ กระดกรวดเดียวหมดแก้ว
“เลิกหยาบคายกับแก้วเสียทีเถอะนะคะ... อย่าทำให้แก้วต้องรู้สึกผิดหวังในตัวของคุณอามากไปกว่านี้”
ดอกแก้วรู้สึกโกรธ
“แทงใจดำใช่ไหมล่ะ... โกรธใช่ไหม ที่อารู้ทันว่าเธอเพิ่งไปโดนไอ้หนุ่มที่ขับมินิออสตินคนนั้นแทงมาละสิ”
ชาติพยัคฆ์สาดน้ำเสียงใส่หญิงสาวไม่ยั้ง ยิ่งนึกถึงไอ้หนุ่มหน้าแต๋วจนนั้นยิ่งรู้สึกคันไม้คันมือ ถ้าเจอหน้ากันอีกครั้งจะตบให้หัวทิ่มเลยคอยดู
“หยาบคายที่สุด... แก้วบรรลุนิติภาวะแล้วนะคะอาเสือ... ไม่ว่าแก้วจะไปเอากับใครคุณอาก็ไม่มีสิทธิ์มาห้ามมาหวงไม่ให้แก้วคบเพื่อนชาย”
“เนรคุณ... ถ้าฉันไม่ฉุดเธอออกมาจากสลัมเธอก็คงไม่มีโอกาสมายืนเถียงฉันฉอดๆ แบบนี้... ”
ดอกแก้วสะอึก
คำว่า ‘เนรคุณ’ กระแทกใจหล่อนอย่างแรง แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าอาเสือที่หล่อนสุดรักสุดบูชาตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้านั้นกำลังคิดอะไรกับหล่อน
“อาเสือทวงบุญคุณใช่ไหมคะ”
ดอกแก้วถามไม่อ้อม
“ใช่... บุญคุณต้องตอบแทน ความแค้นต้องชำระ... คำนี้เธอเคยได้ยินไหม”
“ก็ได้ค่ะ... อาเสืออยากให้แก้วตอบแทนอะไรล่ะคะ?”
หล่อนใช้คำถามเพื่อหยั่งลึกถึงจิตใจเขา
“ก็ลองใช้สมองหน่อยสิ... คิดดูสิ... ฉันส่งเสียเลี้ยงดูเธอมาจนเป็นสาวขนาดนี้เพราะอะไรล่ะ? ถ้าไม่ใช่เพราะอยากเลี้ยงต้อยเอาไว้บำเรอสวาท”
ไม่เพียงแค่น้ำเสียงที่ทำให้ดอกแก้วรู้ว่าอาเสือคิดอย่างไรกับหล่อน? เพราะว่าสายตาของเขาที่แลสำรวจเรือนร่างรัดรึงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะมาหยุดจับจ้องที่ทรวงอกอวบใหญ่นั้นยืนยันได้อย่างชัดแจ้งว่าเขาปรารถนาสิ่งใดในตัวหล่อน
“ฉันจะลงโทษเธอ... ฉันต้องการสิ่งตอบแทน วันนี้เธอต้องตอบแทนฉัน”
ชาติพยัคฆ์หยัดร่างขึ้นจากเก้าอี้
“ไม่นะคะ... อาเสือไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับแก้ว... ถ้าอาเสือรังแกแก้ว สาบานว่าแก้วจะไม่อยู่กับอาเสือแล้ว แก้วจะหนีไปอยู่ที่อื่น”
“ก็คอยดู... ว่าฉันจะยอมให้เธอหนีหรือเปล่า”
ชาติพยัคฆ์คว้าเชือกที่เตรียมเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าดอกแก้วออกไปกับเพื่อนชาย
“มานี่นังตัวดี... ”
เขารวบร่างของหล่อนขึ้นอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขน พาไปวางลงบนเตียงนอน มัดมือทั้งสองข้างล็อคเอาไว้กับราวเหล็กหัวเตียง
“ฮื่อๆ... อาเสือบ้า อาเสือใจร้าย มัดมือแก้วทำไม ปล่อยแก้วนะ”