๑ ความเย็นชาจากสามี (๑)
๑
ความเย็นชาจากสามี
การแต่งงานเสร็จสิ้นเมื่อส่งตัวบ่าวสาว ปาลิตาค่อยลุกจากพื้นแล้วเหลือบสายตามองชายคู่ชีวิต ที่ได้จรดปากกาเซ็นใบทะเบียนสมรสเมื่อช่วงบ่าย เปลี่ยนนามสกุลจากยุติวิชญ์เป็นวัฒนารุ่งเรือง ตระกูลค้าขายอันดับต้นของประเทศ มีธุรกิจในเครือมหาศาล
และยิ่งการดองสองตระกูลที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน เป็นข่าวใหญ่โตในวงสังคม เพราะฝ่ายหญิงคือลูกสาวเพียงคนเดียวของรองนายกรัฐมนตรี ส่วนฝ่ายเป็นลูกชายคนโตของบริษัทขนาดใหญ่
“พี่ช้างจะอาบน้ำก่อนไหมคะ หรือว่า..” ร่างสูงใหญ่ในชุดเจ้าบ่าวลุกยืนพลางถอดเสื้อสูทออก ใบหน้าหล่อเรียบสนิทไม่บ่งบอกอารมณ์
เลือกจะเดินไปทางประตูห้องแทนการตอบคำถามของปาลิตา ไม่มีแม้แต่หางตาจะเหลือบมองมาที่ร่างแบบบาง
“พี่ช้างจะไปไหนคะ” ก้าวตามแล้วเกาะแขนเขาเพื่อเป็นการรั้งไว้
“ปล่อย” นอกจากสายตาคมที่จ้องอย่างเอาเรื่อง น้ำเสียงก็เข้มจนเธอจำต้องปล่อยเขาให้เป็นอิสระ ไม่กล้าถามอะไรอีก
“ขอโทษค่ะ” ตอบกลับเสียงอ่อน
“ถึงเราจะแต่งงานเป็นสามีภรรยากันทางนิตินัย แต่ฉันไม่ยินดีจะร่วมหอกับเธอ ห้องนี้ฉันยกให้เธออยู่คนเดียว ส่วนฉันจะไปอยู่อีกห้อง” ปลดมือเล็กออกจากแขน แล้วเอื้อมไปเปิดประตูแต่เธอก็ยังไม่ยอมปล่อย รั้งเขาไว้ด้วยคำพูดเว้าวอน
“พี่ช้างจะให้ไหมอยู่ห้องนี้คนเดียวเหรอคะ” น้ำเสียงสั่นเครือ แววตาหวาดหวั่นไม่อยากให้เขาออกจากห้อง เพราะรู้ดีว่าเพียงเขาก้าวออกไป ก็คงไม่มีวันกลับเข้ามาห้องหออีก
และมันไม่เป็นการดีในการแต่งงาน ที่บ่าวสาวอยู่คนละห้อง จะว่าเธองมงายก็ไม่ผิดนัก แต่ปาลิตาค่อนข้างเชื่อเรื่องประเพณีเก่าแก่ แต่งงานกันก็ควรอยู่ห้องเดียวกันทั้งคืน
ไม่อย่างนั้นชีวิตรักคงไม่ราบรื่น
“เมื่อกี้ฉันก็พูดไปแล้ว ต้องให้ย้ำอีกกี่รอบ” ถอนหายใจหนักแล้วหันมามองคนที่ไม่ยอมปล่อยเขาไปสักที แค่แต่งงานก็จำใจเกินทน ทั้งยังต้องมองหน้าน้องสาวฝาแฝดของคนรักที่ตายจาก เขาต้องกลั้นใจมากแค่ไหนเธอคงไม่รู้
“ไหมไม่อยากอยู่คนเดียว พี่ช้างอยู่กับไหมไม่ได้เหรอคะ” อ้อนหวังให้เขาเปลี่ยนใจแต่คนอย่างอาชาไนยไม่มีทางยอมทำตามคำขอของผู้หญิงที่ตนไม่ได้รัก การแต่งงานครั้งนี้ก็เพื่อเอื้อประโยชน์ของสองตระกูลเท่านั้น
กลายเป็นที่กล่าวขวัญอย่างแพร่หลายเมื่อฝ่ายชายยอมแต่งงานกับน้องสาวของแฟนเก่าที่ล่วงลับ ทุกคนดูออกว่ามันไม่ใช่ความรัก แต่ก็คือผลประโยชน์ที่เอื้อให้แก่ครอบครัวทั้งสอง การเป็นทองแผ่นเดียวกันโดยไม่สนใจความรู้สึกของบ่าวสาว
งานแต่งที่เจ้าสาวยิ้มกว้างและกอดแขนเจ้าบ่าวเอาไว้แน่น ขณะที่ฝ่ายชายหน้านิ่งเรียบติดเย็นชาจนไม่มีใครกล้าทัก มองปราดเดียวก็ทราบว่าจำใจจัดงานแต่ง ไม่มีแววตารักใคร่สักนิด
ในงานไม่มีพิธีรีตองมากนัก นอกจากท่านรองนายกรัฐมนตรีบิดาของฝ่ายเจ้าสาว และประธานเครือวัฒนากรุ๊ปบิดาของฝ่ายเจ้าบ่าวขึ้นกล่าวอวยพรแสนสั้น ที่เหลือเป็นการประชาสัมพันธ์ถึงธุรกิจในอนาคตที่กำลังสร้าง
ช่างน่าขบขันเสียเหลือเกิน
“ฟังนะปอไหม ฉันไม่เคยยินดีจะแต่งงานกับเธอ ฉันไม่ได้รักแม้แต่เศษเสี้ยวของหัวใจถึงเธอจะหน้าเหมือนป่านมากแค่ไหนก็ตาม” เอ่ยถึงคนที่ล่วงลับไปแล้วอย่างปาลิน คนรักที่เขายังลืมเธอไม่ได้ และคะนึงหาสุดหัวใจ
“แต่ไหมรักพี่ช้าง” บอกรักอย่างหน้าไม่อาย เธอเทหมดหน้าตักเพื่อเขา เปิดเปลือยความรู้สึกเพื่อให้ชายหนุ่มได้ทราบ
น้ำตาคลอเต็มเบ้ายามที่แววตาเย็นชาส่งมา รู้ว่าเขาไม่รักแต่เธอก็ยังดันทุรังจะรั้งชายหนุ่มไว้ข้างกาย ไม่สนใจว่าผู้คนภายนอกจะมองอย่างไร เมื่อโอกาสมาอยู่ตรงหน้า คุณฉันท์ทัตบิดาของฝ่ายชายให้คนมาทาบทาม
มีหรือที่คนซึ่งรักปักใจเพียงแต่เขามาโดยตลอดจะไม่ยอมตกลง ถึงบิดามารดาจะทัดทานแต่เธอก็อยากลองดูสักครั้ง การรักใครสักคนสุดหัวใจมันจะเจ็บแค่ไหนกันเชียว
แล้ววันนี้ปาลิตาก็ได้รู้แล้ว...ว่ามันเจ็บจนหายใจไม่ออก
เพียงแค่สูดลมเข้าไปก็จุกเสียดไปทั่วโพรงอก แสบร้อนที่ดวงตากลั่นออกมาเป็นน้ำที่ไหลเปื้อนใบหน้า ริมฝีปากสั่นไม่อาจห้ามได้ ความทุกข์จากการได้ครอบครองกาย แต่ไม่ได้ครองใจมันเป็นเช่นนี้เอง
เธอรักเขาฝ่ายเดียวมาตลอดหลายปี ยังไม่เจ็บเท่าโดนตอกหน้าวันนี้เลย
“ถ้างั้นมันก็คือรักข้างเดียว ได้แต่งงานกับฉันตามความต้องการแล้วไม่ใช่เหรอ เชิญเธอกอดใบทะเบียนสมรสให้สมใจ จะกอดกี่วันกี่คืนก็ได้ตามใจเธอเลย” เปิดประตูออกจากห้องหอแล้วไปพักยังห้องฝั่งตรงข้ามที่เป็นเพียงห้องรับแขก
คนที่เตรียมงานมาตลอดสามเดือนถึงกับทรุดลงบนพื้น เธอปล่อยน้ำตาให้ไหลอยู่อย่างนั้นโดยไม่ยกมือขึ้นเช็ด คำอวยพรคืนเข้าหอไม่มีความหมายเมื่อสามีอันเป็นที่รักหนีไปนอนห้องอื่น
“พี่ช้าง” สิ่งเดียวที่ทำได้คือมองรูปแต่งงานซึ่งติดอยู่ฝาผนัง เจ้าบ่าวหน้านิ่งกับเจ้าสาวที่ยิ้มแย้ม ความรู้สึกมันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
“ถ้าเจ้าสาวเป็นพี่ป่าน พี่ช้างคงมีความสุขมากกว่านี้ใช่ไหมคะ” รำพันกับตัวเอง เธอถามในสิ่งที่หัวใจทราบดี
ปาลิตาไม่เคยอิจฉาพี่สาวเท่านี้มาก่อน เธอคงเป็นน้องสาวที่เลวมากสินะ แอบรักคนที่เคยเป็นแฟนเก่าของพี่ ทั้งยังแต่งงานกับเขาโดยไม่สนใจความรู้สึกของอาชาไนยสักนิด
“ไหมเห็นแก่ตัวมากไหมพี่ป่าน แต่ไหมรักพี่ช้างจริงๆ นะ ไหมรักพี่ช้าง” สะอื้นไห้ยามนึกถึงแฝดพี่ผู้ล่วงลับไปแล้ว ชันเข่าขึ้นกอดแล้วซบหน้าลง ปล่อยน้ำตาให้ไหลอยู่อย่างนั้น ไม่กลัวว่ามันจะเปื้อนน้ำตา เพราะถึงชุดจะเปื้อนเธอก็ไม่สนใจ อย่างไรก็สั่งตัดพิเศษไม่ได้หยิบยืมทางร้าน
งานแต่งลูกชายคนโตของตระกูลวัฒนารุ่งเรืองทั้งที มีหรือจะจัดแบบอัตคัด หมดไปหลายล้านเพื่อเนรมิตห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม เป็นงานแต่งที่จะถูกกล่าวขานไปอีกแสนนาน ทั้งยังรวบรวมบรรดานักธุรกิจทั่วฟ้าเมืองไทย รวมถึงตระกูลผู้ดีและเหล่าไฮโซเอาไว้ด้วยกัน เป็นงานใหญ่แห่งปีไม่แพ้งานแต่งของดารา
แต่สุดท้ายแล้วเจ้าสาวกลับต้องมานั่งกอดเข่าร้องไห้ในห้องหอเพียงลำพัง เตียงกว้างที่มีกลีบกุหลาบโปรยเป็นรูปหัวใจก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม
เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ ทำให้เธอตื่นเช้าจึงเลือกอาบน้ำผลัดเสื้อผ้าแล้วลงมาข้างล่าง มองนาฬิกาแขวนพบว่าเพิ่งหกโมงเช้า ฟ้ายังไม่ทันสางด้วยซ้ำ
บ้านหลังใหญ่มีทั้งหมดสามชั้นแสนกว้างขวาง ตามความต้องการของคุณฉันท์ทัต วัฒนารุ่งเรืองผู้มั่งคั่ง เขาซื้อเรือนหอหลังนี้ให้ลูกชายและลูกสะใภ้ เพราะอาชาไนยขอมานานว่าอยากแยกตัวออกจากบ้านใหญ่ที่มีทั้งหมดสี่ครอบครัวอยู่ในรั้วเดียวกัน
ไม่มีความเป็นส่วนตัวทำอะไรก็รู้กันหมด ตอนเช้าก็ต้องมานั่งรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตา ถึงจะแยกโต๊ะแต่เขาก็ได้นั่งกับเหล่าผู้บริหารระดับสูงของบริษัท คุยแต่เรื่องธุรกิจจนไม่อยากอาหาร
อาชาไนยเป็นวิศวกรรับช่วงต่องานด้านรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของวัฒนากรุ๊ป ตำแหน่งของเขาคือหนึ่งในกรรมการบริหาร แต่ก็ไม่ได้นั่งเก้าอี้ใหญ่โตอย่างประธานหรือรองประธาน เพราะบิดายังไม่ไว้ใจเท่าไหร่
ทว่าก็เป็นถึงหัวหน้าโครงการยักษ์ใหญ่หลายโครงการ คุมงานมาแล้วกว่าห้าสิบโครงการและมีชื่อเสียงในแวดวงก่อสร้างพอสมควร เป็นหน้าเป็นตาให้ครอบครัวถึงจะไม่ได้จบสายบริหารเหมือนคนอื่น
“คุณไหมตื่นเช้าจังเลยค่ะ” เข้ามาในครัวก็เห็นแม่บ้านสองคนที่กำลังเตรียมอาหารเช้า คนของบ้านใหญ่ถูกเกณฑ์ให้มารับใช้บ้านของอาชาไนยทั้งหมดห้าคนรวมถึงคนสวนและคนรถ
เวลาตั้งโต๊ะต้องเป๊ะและรู้เมนูที่คุณผู้ชายชอบ จึงเตรียมกาแฟและอาหารฝรั่งอย่างไข่ดาว แฮม ไส้กรอก ขนมปังและไข่ข้นเอาไว้
“ไหมว่าจะทำอาหารเช้าให้พี่ช้างน่ะค่ะ ว่าแต่หน้าบ้านเรามีพระมาบิณฑบาตไหมคะ” เธอเพิ่งย้ายมาบ้านหลังนี้เป็นวันแรก ก่อนหน้านี้ก็แค่มาดูและเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ ลืมถามเรื่องนี้ไปเสียสนิท
ตั้งแต่พี่สาวจากไปหล่อนก็ตื่นเช้ามาทำบุญตลอด ของทั้งหมดจะเป็นมารดาที่เตรียมไว้ให้ เธอมีหน้าที่แค่ลงมาใส่บาตรและกรวดน้ำถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
วันนี้เป็นวันแรกของการเริ่มต้นชีวิตคู่ ถึงการเข้าหอจะล่มไม่เป็นท่าแต่เธอก็ยังอยากให้การแต่งงานครั้งนี้อยู่รอด การพึ่งพระก็ถือเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจอีกทางหนึ่ง
“ไม่มีค่ะ ต้องเป็นหน้าตลาดทางเข้าหมู่บ้าน พระท่านมาประมาณหกโมงครึ่งค่ะ คุณไหมอยากใส่บาตรเหรอคะ” แม่บ้านอายุรุ่นราวคราวเดียวกันถามเสียงใส เธอมาทำงานให้ครอบครัววัฒนารุ่งเรืองไม่ถึงปี แต่ก็ฉลาดเฉลียวและชอบสังเกตสิ่งรอบข้าง แถมยังคุยเก่งเหมือนนกแก้วนกขุนทองอีกต่างหาก
“ใช่ค่ะ ถ้าไปตอนนี้น่าจะทัน” เหลือเวลาอีกไม่มาก ถ้าออกจากหมู่บ้านไปถึงหน้าปากซอยก็ใช้เวลาไม่ถึงห้านาที
“แต่ยังไม่ได้เตรียมของเลยนะคะ” มองซ้ายขวาอย่างกังวล แล้วสบตากับแม่บ้านอีกคนที่กำลังทำไข่ข้นให้คุณผู้ชาย
“ไปซื้อที่ตลาดก็ได้ค่ะ พี่แป้งไปเป็นเพื่อนไหมหน่อยนะ” คนถูกขอร้องตกใจ นึกว่าปาลิตาจะชวนสามีไปด้วยเสียอีก
“อ้าว คุณไหมไม่ชวนคุณช้างไปด้วยเหรอคะ” เธอเพิ่งนึกได้ว่าควรชวนเขาไปใส่บาตร แต่ก็ชะงักเพราะกลัวโดนชายหนุ่มปฏิเสธ
เมื่อคืนก็ถูกตอกกลับซะหน้าหงาย ถ้าไปรบกวนเขาแต่เช้าจะโดนอะไรอีกไหมนะ นึกอย่างกังวลแต่ก็ตัดสินใจขึ้นไปหาอาชาไนย