บทที่ 7 ทำไมเลขศูนย์มันเยอะจัง
บทที่ 7 ทำไมเลขศูนย์มันเยอะจัง
จางหมี่จะไม่ลืมความช่วยเหลือของครอบครัวป้าถงแน่นอน! เธอจะช่วยให้พวกเขามีชีวิตที่ดีเมื่อเธอกลายเป็นเศรษฐีในวันข้างหน้าไปด้วยกันกับเธอและแม่! คิดได้อย่างนั้นจางหมี่จึงเปิดปากพูดขึ้นทันทีว่า
“แม่คะ คุณป้า คุณลุง หนูสัญญาว่าหนูจะทำให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีมากขึ้นเมื่อหนูประสบความสำเร็จในอนาคตค่ะ”
ทุกคนถูกจางหมี่ทำให้ประหลาดใจไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่พวกเขารู้สึกมีความสุขที่จางหมี่ใส่ใจพวกเขา และจางหมี่เพิ่งจะเติบโต อนาคตข้างหน้าจึงยังไม่แน่นอน
“ดี!! พวกเราจะรอจนกว่าวันนั้นจะมาถึงนะจ๊ะหมี่หมี่ พวกเราเชื่อว่าหนูจะต้องประสบความสำเร็จแน่นอน” จางเจินเอ่ยให้กำลังใจอย่างรวดเร็ว พลางยิ้มแล้วลูบผมของลูกสาวเธอ
“จริง พวกเราทั้งหมดเชื่อหนู” ป้าถงก็ตามทันที เธอให้กำลังใจหลานสาวต่อจากน้องสาวของเธอ
ลุงและป้าให้กำลังใจหลานสาวของพวกเขา พวกเขายิ้มและเริ่มทานอาหารที่ช่วยกันเตรียมเอาไว้
“ทำไมถึงได้ซื้อของมาเยอะนักละลูก”
ป้าถงนั้นรู้ถึงสภาพการเงินของน้องสาวและหลานสาวดีที่สุด ดังนั้นเมื่อเห็นอาหารสดมากมายที่อยู่ในตู้เย็นตอนที่เธอมาถึงก็ถามน้องสาวรอบหนึ่งแล้ว จางเจินนั้นไม่รู้ว่าจางหมี่เอาเงินจากที่ไหนมาซื้อของสดเหล่านี้
“วันนี้หนูไปที่ตลาดขายของเก่าเลยได้โชคมานิดหน่อยค่ะป้าถง” จางหมี่กล่าวขึ้นมาเธอต้องการที่จะทำให้ครอบครัวของป้าถง ที่เป็นห่วงเธอกับแม่สบายใจว่าพวกเขายังพอมีเงินใช้จ่ายอยู่จึงได้เอ่ยบอกเล่าไป (140,000 หยวนเอง)
“จริงหรือคะพี่ หมี่หมี่ หนูก็ชอบไปเดินดูนะคะ แต่ไม่เคยได้อะไรดีๆ เลยส่วนใหญ่ที่เห็นมีแต่ของปลอมทั้งนั้น มีคนบอกว่าถ้าไปตลาดของเก่าที่เมืองหลี่ฮวาที่เป็นตลาดของเก่าขนาดใหญ่อาจจะมีโอกาสได้โชคบาง แต่หนูยังไม่เคยไปเพราะมันอยู่อีกฟากของเมืองเราเลย”
จางซินอี้พูดขึ้นมาขณะที่คีบกุ้งตัวใหญ่เอามาแกะและวางใส่จานให้จางหมี่ จางหมี่มองการกระทำที่เป็นไปโดยธรรมชาติของลูกพี่ลูกน้องที่แกะกุ้งให้เธอ และสักพักลุงเจียงป้าถงก็วางเนื้อปลา เนื้อปู จนจานของเธอล้นออกมา เธอหันไปมองหน้าแม่ของเธอ เธอเห็นดวงตาของแม่แดงเรื่อขึ้นมา และมองไปที่ครอบครัวของป้าถงเหมือนจะขอบคุณ เพราะพวกเขาต่างรักพวกเธอเหมือนกับว่าพวกเธอเป็นครอบครัวเดียวกันกับพวกเขา
ดวงตาของจางเจินเริ่มคลอไปด้วยน้ำตา สายตาของเธอจับจ้องไปที่จานอาหารตรงหน้า กุ้งตัวใหญ่ เนื้อปลา และเนื้อปู ล้วนเป็นอาหารชั้นเลิศที่พวกเธอไม่ได้กินมานานแล้ว
ความรู้สึกตื้นตันใจและอบอุ่นไหล่บ่าเข้ามาในใจ เธอหันไปมองหน้าลูกสาวของเธอ มองเห็นรอยยิ้มและความสุขบนใบหน้าของจางหมี่ จางเจินหันไปมองหน้าพี่สาวของเธอ ครอบครัวของป้าถงอยู่เคียงข้างเธอเสมอมา คอยช่วยเหลือเธอมาตลอดทั้งๆ ที่พวกเขาก็ไม่ได้สบายนัก เธอรู้สึกขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง น้ำตาแห่งความซาบซึ้งไหลรินอาบแก้ม
"ขอบคุณค่ะ"
จางเจินเอ่ยคำขอบคุณออกมาด้วยเสียงสั่นเครือป้าถงยิ้มและเอื้อมมือมาจับมือของน้องสาวของเธอและเอ่ยว่า
"ไม่เป็นไรนะเจินเจินพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ต้องคอยช่วยเหลือกันเสมอ"
จางถงปลอบน้องสาวของเธอ เธอรู้ว่าระหว่างที่จางหมี่เข้าโรงพยาบาลนั้นน้องสาวเครียดและหวาดกลัวแค่ไหน เธอถึงขนาดเอ่ยออกมาว่า ถ้าลูกสาวของเธอตาย เธอก็จะฆ่าตัวตายตามไปด้วย ทำแบบนี้พวกเธอสองแม่ลูกจะได้ไปอยู่ด้วยกันอีกครั้ง เมื่อคิดถึงคำพูดนี้ของน้องสาวจางถงก็รู้สึกเศร้าใจทุกครั้ง แต่เธอจะไม่มีวันให้น้องของเธอทำแแบบนั้นหรอก
จางซินอี้วางตะเกียบลงและย้ายมานั่งข้าง ๆ จางเจินและจับมือของน้าเอาไว้
"จริงนะคะคุณน้า พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน มีอะไรก็บอกกันได้เสมอ"
จางเจินกุมมือของป้าถงและหลานสาวเอาไว้แน่น น้ำตาแห่งความสุขไหลรินไม่หยุด เธอมองไปรอบ ๆ โต๊ะ มองเห็นรอยยิ้มของทุกคน ความอบอุ่นของครอบครัวโอบล้อมเธอไว้ในวินาทีนั้น จางเจินรู้ดีว่าเธอไม่ได้สูญเสียอะไรไป เธอยังมีครอบครัว ยังมีคนที่รักเธออยู่เธอจะไม่มีวันลืมความเมตตาและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของครอบครัวพี่สาวและเธอจะไม่มีวันลืมความทรงจำและความช่วยเหลือนี้ตลอดไป
“คุณป้าคะ วันนี้ฉันได้โชคจากร้านขายของเก่าเยอะพอสมควร ฉันรู้ว่าคุณป้าให้เงินแม่มาตลอด ดังนั้นโชคดีของฉันวันนี้ ฉันอยากจะแบ่งปันกับคุณป้าคุณลุงด้วยค่ะ อย่าปฏิเสธเลยนะคะ”
จางหมี่พูดขึ้นมา แม่ของเธอหันหน้ามามอง เพราะจางเจินก็ไม่รู้ว่าวันนี้เธอได้เงินมาเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะมากจะน้อยถ้าลูกสาวต้องการที่จะให้เธอย่อมเห็นด้วยอยู่แล้ว ยิ่งเป็นครอบครัวของพี่สาวที่แสนดีกลับครอบครัวของเธอแบบนี้เธอไม่คิดจะห้ามเลย
“จะทำอย่างนั้นได้อย่างไรละลูกตอนนี้ครอบครัวของหนูต้องการใช้เงิน อาการของหนูก็ยังไม่หายดีเลยนะ เก็บเอาไว้ใช้เถอะ” ลุงเจียงเป็นคนเอ่ยปฎิเสธออกมา
“นั้นสิลูก หนูเก็บเอาไว้เถอะนะ เอาไว้ไปโรงเรียนก็ได้ ป้ากับลุงไม่ได้เดือดร้อนอะไร”
ป้าถงกล่าวซ้ำและยังปฏิเสธที่จะรับเงินกับเธอ จางหมี่หันหน้าไปมองแม่ของเธอเหมือนจะขอร้องให้ช่วยพูด
“พี่เขย พี่ถงรับไปเถอะค่ะ หลานตั้งใจที่จะให้จริงๆ”
จางเจินนั้นรู้นิสัยของลูกสาวดี ถ้าเธอต้องการจะให้ เธอจะหาทางจนได้ และกับครอบครัวของพี่สาวจางเจินไม่หวงเลยแม้แต่น้อย
“เฮ้อ..พวกเธอแม่ลูกนี่อะไรกันนะ”
จางถงต้องยอมรับเงินในที่สุดและยังบอกว่าให้โอนให้เธอแค่ 200 หยวนพอ เธอไม่รู้ว่าหลานสาวได้เงินมาเท่าไหร่ แต่ดูจากการซื้อของมากมายๆ หลานสาวน่าจะได้มาเยอะอยู่พอสมควร เมื่อจางหมี่ได้เลขบัญชีธนาคารสำหรับโอนเงิน เธอยังไม่ทำการโอนตอนนั้น แต่รอจนพวกลุงป้ากลับบ้านไปถึงได้โอนเงินเข้าบัญชีของป้าถงไป เมื่อจางถงกลับถึงได้เธอได้ยินเสียงเตือนเงินเข้าจากโทรศัพท์ เธอเดินไปและเปิดดูไปด้วย
" บัญชี xxxxx5214… 30,000 ยอดคงเหลือ 33,150 หยวน” เมื่อเห็นยอดเงินลางๆ จางถงจึงเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ว่า
“ดีที่โอนมาให้แค่ 300 หยวนนะ….เอ๊ะ….ไม่ใช่ 300 หยวนนี่น่า!!!”
เพราะแสงระหว่างทางที่เดินไม่ค่อยมี เธอจึงมองไม่ชัดนึกว่าหลานสาวโอนเงินมาให้เพียง 300 หยวน แต่พอดูอีกที่ ปรากฏว่าเลขศูนย์มันเพิ่มขึ้นมาอีก 3 ตัว เธอหันไปมองลูกสาวเสี่ยวซินซินที่เดินอยู่ข้างจึงได้บอกลูกสาวว่า
“เสี่ยวซินซินมาดูให้แม่หน่อยสิว่าพี่จางหมี่ของลูกโอนเงินมาเท่าไหร่กันแน่ ทำไมเลขศูนย์มันเยอะจัง”
เธอเอ่ยเสียงตื่นเต้นและเรียกให้ลูกสาวมาดูโทรศัพท์ของเธอ เจียงซินอี้รับโทรศัพท์จากมือแม่มาและก้มลงดูตัวเลขก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเสียง
“แม่… แม่คะ พี่จางหมี่โอนเงินเข้าบัญชีของแม่ 30,000หยวนค่ะ ไม่ใช่300 หยวน!!!” เจียงซินอี้พูดขึ้นมาเสียงดัง
“ที่มันมีเลขศูนย์เยอะเพราะว่ามันคือ สามหมื่นหยวนค่ะแม่”
เธอยังพูดต่อเพื่อย้ำว่าเงินที่ได้รับมานั้นคือ 3 หมื่นหยวนจริง
“อะไรนะ!!! ทำไมเจ้าเด็กน้อยจางหมี่ถึงได้โอนมามากมายแบบนี้ละ หรือว่าหลานโอนเงินผิดกันคุณ?”
เจียงหลีถามขึ้นมา เพราะเขาก็ตกใจเหมือนกันตอนที่เห็นเลขศูนย์ยาวแบบนั้น
“ฉันก็คิดว่าโอนผิดค่ะ เดียวฉันโทรหาหลานก่อนนะคะ จะได้ขอเลขบัญชีเพื่อโอนเงินคืนเธอไป”
จางถงนั้นคิดว่าหลานของเธอโอนเงินผิดจริงๆ ถึงได้จะโทรหาเพื่อโอนเงินกลับ
“ไม่ผิดหรอกค่ะคุณป้าหนูโอนเงินให้คุณป้า 3 หมื่นหยวนจริงๆ”
จางหมี่ที่ได้รับโทรศัพท์จากป้าถง เอ่ยขึ้นมาเสียงใส จางเจินที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ตกใจเหมือนกันที่ลูกสาวโอนเงินให้ป้ามากถึง 3 หมื่นหยวน
“จะให้ป้ารับเงินมากมายแบบนี้ได้อย่างไรกันลูก ไม่ได้!!ไม่ได้!! รีบส่งเลขบัญชีธนาคารมาป้าจะโอนเงินกลับไป” จางถงไม่ยอมรับท่าเดียว
“คุณป้ารับไว้เธอค่ะ อีกไม่ถึงเดือนก็จะต้องจ่ายค่าเทอมให้น้องเสี่ยวซินซินแล้วนะคะ ไม่ต้องคิดมากค่ะ ที่หนูยังมีอีกเยอะ คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ หนูบอกแล้วอย่างไรละ ว่าจะทำให้พวกเรามีชีวิตที่สุขสบายให้ได้ คุณป้าก็เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลยก็แล้วกันนะคะ หนูจะวางสายแล้วนะคะ หนูง่วงนอน สวัสดีค่ะ”
จางหมี่รีบวางสายโทรศัพท์ก่อนที่ป้าของเธอจะเริ่มปฏิเสธเงินก้อนนั้นอีก
“ลูกให้เงินป้าถงไป 3 หมื่นหยวนหรือลูก”
จางเจินถามลูกสาว เพราะตอนที่จางหมี่โอนเงินเธอไม่ได้เห็นตัวเลขด้วยเลยไม่รู้
“ใช่ค่ะแม่หนูให้ป้าถงไป 3 หมื่น เพราะอีกไม่ถึงเดือนก็ต้องจ่ายค่าเทอมน้องเสี่ยวซินซินแล้วค่ะ ส่วนแม่ หนูโอนเข้าบัญชีให้แม่แล้ว หนึ่งแสนหยวนนะคะ แม่ยังไม่ได้ดูโทรศัพท์หรือคะ”
เธอถามจางเจิน เพราะตอนที่ตอนที่โอนไปให้ป้านั้นเธอได้โอนเข้า บัญชีธนาคารของแม่เธอด้วยเลย
“ยะ…ยังจ๊ะ…อะไรนะ ลูกโอนเงินให้แม่หนึ่งแสนเลยหรือ นี้ลูกขายของเก่าได้มาเท่าไหร่กัน ทำไมถึงได้มีเงินมากมายมหาศาลขนาดนี้” จางเจินถามลูกสาวเสียงสั่น
“หนูขายชุดกาหยกของเก่าสมัยราชวงศ์หมิง ได้เงินมา 150,000 หยวนค่ะแม่” เธอบอกแม่ตามความจริง
ที่เธอเก็บเงินเอาไว้เพียง 2 หมื่นหยวนนั้นเพราะว่า อีกสองวันเธอจะไปตลาดของเก่าหลี่ฮวาที่เจียงซินอี้บอก เธอคิดว่าที่นั้นเธอน่าจะได้โชคอะไรบ้าง เสี่ยวซินยังบอกเธออีกว่าไม่ไกลจากที่นั้นยังมีตลาดที่ขายหินดิบที่เขาเรียกกันว่า ตลาดพนันหินหยก…จางหมี่ยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงการพนันหินหยกที่เธอกำลังจะไปเสี่ยงดู…
****ปะ! ไปดูตลาดนั้นกันเผื่อจะมีหยกจักรพรรดิเหลืออยู่บ้าง ****