บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 เงิน 150,000 หยวน... จุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่

บทที่ 6 เงิน 150,000 หยวน... จุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่

จางหมี่ก้าวเท้าออกจากประตูตลาดขายของเก่า ใบหน้าของเธอระบายไปด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ เงินก้อนแรกจำนวน 150,000 หยวนที่ได้มาในวันนี้ แม้จะไม่ใช่มหาศาลเมื่อเทียบกับอดีตที่เคยเป็นคุณหนูผู้มั่งคั่ง แต่สำหรับชีวิตในปัจจุบัน มันคือฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยต่อลมหายใจ และเพียงพอสำหรับการดำรงชีวิตในช่วงระหว่างที่รอให้ร่างกายและพลังของเธอกำลังฟื้นฟู

จางหมี่ตระหนักดีว่าร่างกายของเธอในตอนนี้ยังอ่อนแอมาก เธอจำเป็นต้องพักฟื้นอีกสักระยะ จนกว่าจะสามารถฝึกลมปราณให้กลับมาแข็งแกร่งดังเช่นตอนที่อยู่สำนักปราณเซียนสวรรค์ เมื่อถึงเวลานั้น... เธอก็จะพร้อมเผชิญหน้ากับทุกอุปสรรคในโลกใบนี้ได้อย่างมั่นใจและมั่นคง

เมื่อได้รับการโอนเงินจากชายที่ซื้อกาหยกโบราณไปเรียบร้อยแล้ว จางหมี่ก็เดินกลับออกมาจากตลาด ขณะที่กำลังเดินผ่านร้านค้าที่เรียงรายอยู่ตลอดทาง สายตาของเธอเหลือบไปเห็นร้านขายของชำเล็กๆ เก่าๆ ที่อยู่ไม่ไกลนัก

สายตาของเธอพาดผ่านบางอย่างที่วางทิ้งๆ ขว้างๆ ไว้ในกองมุมร้าน ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัวเหมือนจะไม่ค่อยแน่ใจว่าสิ่งที่เธอเห็นนั้นเป็นของจริง จางหมี่จึงเปลี่ยนเส้นทางมุ่งหน้าเข้าไปยังร้านนั้นทันที

ภายในร้านมีสินค้าเบ็ดเตล็ดมากมายเรียงรายอยู่บนชั้นวางอย่างไม่เป็นระเบียบนัก จางหมี่เดินสำรวจไปรอบๆ สายตาของเธอจับจ้องไปที่กองสมุนไพรแห้งกรังที่กองสุมเอาไว้อยู่ตรงมุมอับ ซึ่งเธอเห็นเพียงบางส่วนของมันโผล่ออกมาเท่านั้น แต่มันกลับดูคุ้นตาเหลือเกิน

เมื่อเดินเข้ามาใกล้ จางหมี่ก็แอบเปิดใช้งาน 'ดวงตาเทพ' อีกครั้ง ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีพลังเหลือไม่มาก แต่ก็ยังพอจะมองเห็นแสงและเงาของมันได้

"เห็ดหลินจือสีทองอย่างนั้นรึ!!!"

จางหมี่อุทานในใจด้วยความตื่นเต้น ด้วยพลังของหยกที่ทำให้ตาของเธอยังคงมีพลังเหลืออยู่ จึงทำให้รู้ว่าเห็ดหลินจือแห้งที่วางอยู่ในมุมของร้านที่ไม่มีใครสนใจนั้น... คือของจริง! มันคือเห็ดหลินจือสีทองระดับตำนาน!

จางหมี่หยิบเห็ดหลินจือแห้งสีทองขึ้นมาพิจารณา

เห็ดหลินจือคือสมุนไพรอมตะซึ่งถือเป็นหนึ่งใน "ราชาแห่งสมุนไพร" มีคุณสมบัติทางยาที่หลากหลายมาก นอกจากมันจะช่วยฟื้นฟูร่างกาย เพิ่มพลังจิต และเร่งการฝึกฝนแล้ว ชนิดสีทองนี้ยังมีสรรพคุณในการเสริมสร้างพลังปราณและเพิ่มพลังภายในอย่างมหาศาล นอกจากนี้ยังมีตำนานเล่าขานว่าเห็ดหลินจือสามารถช่วยให้ผู้คนบรรลุถึงความเป็นอมตะได้ด้วย

จางหมี่จ้องมองเห็ดหลินจือแห้งสีทองในมืออย่างตั้งใจ เธอรู้สึกถึงพลังงานอันอบอุ่นแผ่ออกมาจากตัวเห็ดราวกับว่ามันมีชีวิต เธอรู้เรื่องราวของสมุนไพรชนิดนี้ดีว่าเป็นของวิเศษที่หาได้ยากยิ่ง ยิ่งเป็นเห็ดหลินจือแดงแห้งแบบนี้คุณสมบัติยิ่งมากขึ้นไปอีก

จางหมี่ดีใจจนเนื้อเต้น เธอตัดสินใจทันทีว่าจะซื้อเห็ดหลินจือแห้งสีทองดอกนี้กลับไปต้มเพื่อเป็นยาบำรุงร่างกายให้พร้อมสำหรับการฝึกลมปราณในอนาคต

“คุณยายคะ ฉันอยากจะซื้อเห็ดหลินจือดอกนี้ค่ะ”

เธอเอ่ยกับเถ้าแก่เจ้าของร้าน ซึ่งเป็นหญิงชราท่าทางใจดีคนหนึ่ง

แม่เฒ่าเงยหน้าขึ้นมองเห็ดในมือของแม่หนูคนนี้ นางนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง... นางจำได้ว่าซื้อเห็ดดอกนี้มาจากชนบทเมื่อ 2–3 ปีก่อน เพราะมีคนบอกว่าเป็นเห็ดหลินจือแห้งที่มีอายุหลายร้อยปี แต่พอเธอเอามาวางขาย กลับขายไม่ได้เลย มีแต่คนบอกเธอว่ามันคือของปลอมและนางถูกหลอกแล้ว จนนานวันเข้า เห็ดหลินจือแดงแห้งดอกนี้ก็ถูกเลื่อนไปอยู่ที่มุมร้านและถูกลืมเลือนไป จนกระทั่งวันนี้ที่มีเด็กน้อยคนนี้อยากจะซื้อ

“แม่หนู... ยายไม่อยากจะเอาเปรียบเธอนะ” หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงปรานีและจริงใจ

“เห็ดดอกนี้เป็นเห็ดหลินจือปลอมนะลูก มีคนมาหลอกขายให้ยายอีกที ยายไม่อยากจะหลอกขายต่อเธอว่าเป็นของจริง...เธอจะซื้อแน่รึ?”

คุณยายเจ้าของร้านเมื่อเห็นเด็กน้อยที่สวมเสื้อผ้าเก่าๆ ก็รู้ทันทีว่าเธอคงจะมีเงินไม่มากนัก นางจึงไม่อยากจะให้เด็กคนนี้เสียเงินไปเปล่าๆ นางเห็นเด็กคนนี้อยากจะซื้อด้วยความไม่รู้ นางรู้สึกสงสารจึงได้บอกความจริงไป

จางหมี่มองหน้าคุณยายด้วยความแปลกใจ เพราะปกติร้านขายของพวกนี้ไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าจะจริงหรือปลอม ขอแค่ขายได้กำไรเป็นพอ แต่คุณยายท่านนี้กลับเป็นคนที่ซื่อตรงอย่างน่าเหลือเชื่อ

“ฉันจะซื้อค่ะคุณยาย” จางหมี่ยืนยันหนักแน่น “คุณยายจะขายเท่าไหร่คะ?”

“โธ่... แม่หนู” ยายถอนหายใจ “ยายซื้อมาตั้ง 500 หยวนเลยทีเดียวนะตอนนั้น แต่ถ้าหนูอยากจะซื้อจริงๆ ยายจะขายให้หนูแค่ 200 หยวนก็แล้วกัน ถือว่าช่วยยายระบายของ เพราะมันอยู่ที่นี่นานแล้ว”

จางหมี่ส่ายหน้าช้าๆ พร้อมรอยยิ้มบางๆ

“ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย หนูจะจ่ายให้คุณยาย 500 หยวน ตามราคาที่คุณยายซื้อมาค่ะ หนูไม่อยากให้คุณยายขาดทุน”

จางหมี่บอกออกไปอย่างจริงใจ สำหรับเธอแล้ว หลินจือแดงแห้งสีทองดอกนี้ แม้แต่ในตอนที่เธออยู่สำนักปราณเซียนสวรรค์ ราคาที่ซื้อขายกันอยู่ที่ดอกละ 5,000 ตำลึงทองเลยทีเดียว! พอมาอยู่ที่ยุคนี้ ผู้คนคงจะไม่รู้คุณสมบัติที่แท้จริงของมันและคิดว่ามันเป็นของปลอม จึงได้ขายกันในราคาถูกแสนถูกเช่นนี้ การจ่าย 500 หยวนให้ยายแลกกับของวิเศษชิ้นนี้ ถือว่าเธอก็ยังกำไรมหาศาล

“หา? หนูจะจ่ายเต็มราคาเหรอ?” ยายทำหน้าตกใจ

“ใจดีจริงๆ แม่คุณ... ได้!! ได้!!! งั้นยายแถม 'ก้อนหินดำๆ' ก้อนนั้นให้แม่หนูไปด้วยเลยก็แล้วกัน มันเป็นของเจ้าของเดิมของร้านนี้ทิ้งไว้ก่อนที่ยายจะมาเช่า ยายให้คนดูแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นก้อนหินอะไร แต่รูปทรงมันสวยมากเหมือนไข่ใบใหญ่ๆ เลย หนูเอาไปประดับบ้านเล่นนะลูก”

นางพูดพลางก้มลงหยิบ ‘ก้อนหิน’ สีดำขนาดเท่าลูกฟุตบอลที่วางทับกระดาษอยู่ แล้วใส่ถุงพลาสติกส่งให้กับจางหมี่พร้อมกับเห็ดหลินจือ

จางหมี่รับถุงมาอุ้มลูกหินก้อนนั้นเอาไว้ เธอพยายามจะเพ่งมองดู แต่ด้วยพลังที่อ่อนลงทำให้มองไม่ออกว่าด้านในคืออะไร

'ไม่เป็นไร เอาไปประดับบ้านก็ได้ สวยดี' เธอคิดในใจ อย่างน้อยวันนี้เธอก็เก็บของดีได้มาเยอะเหมือนกัน

เมื่อออกจากร้าน เธอก็รีบเดินทางกลับบ้าน ก่อนถึงบ้านของเธอจะมีตลาดสดอยู่ จางหมี่แวะตลาดแล้วซื้ออาหารสดจำพวก เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผัก และเครื่องปรุงไปหลายอย่าง หมดเงินไปอีก 500 หยวน วันนี้เธอตั้งใจจะให้แม่ทำอาหารให้เต็มโต๊ะเลย และแน่นอนว่าเธอได้โทรบอกให้แม่ชวนป้าถงพาครอบครัวมาทานข้าวด้วยกันแล้ว

เมื่อจางหมี่กลับถึงที่บ้าน แม่ของเธอไม่อยู่ ก่อนหน้าที่จะถึงบ้านเธอได้โทรบอกแม่แล้ว ตอนนี้แม่คงจะไปบ้านป้าถงและยังไม่กลับมา

จางหมี่จึงใช้โอกาสนี้รีบจัดการแบ่งเห็ดหลินจือแห้งสีทองออกมาครึ่งหนึ่ง แล้วนำไปต้มเป็นยาทันที เพียงไม่นานกลิ่นหอมของสมุนไพรเข้มข้นก็คละคลุ้งไปทั่วห้องครัวและห้องโถง

เมื่อได้น้ำยาจากเห็ดหลินจือสีทองมา จางหมี่ก็ยกดื่มรวดเดียวจนหมด

ความร้อนวูบวาบแล่นพล่านไปทั่วท้องน้อย จางหมี่รีบนั่งขัดสมาธิลงบนพื้นห้องนอน หลับตาลง หายใจเข้าลึกๆ จางหมี่ตั้งจิตมั่น เธอเริ่มโคจรพลังปราณเซียนสวรรค์ของตัวเอง พลางอธิษฐานจิตขอให้พลังของเธอฟื้นฟูกลับมาโดยเร็ว

'ข้าต้องแข็งแกร่ง... หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล เต็มไปด้วยอันตรายและอุปสรรคมากมาย ตอนนี้ข้ามีแม่และครอบครัวที่ต้องปกป้อง ข้าต้องเก่งและแกร่งให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง!'

เพียงไม่นาน เมื่อจางหมี่เริ่มโคจรพลัง เส้นแสงสีทองและสีเงินก็เริ่มแผ่ออกมาวิ่งวนรอบๆ ตัวเธอทันที...

จางหมี่รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย พลังงานบางอย่างไหลเวียนไปทั่วเส้นลมปราณราวกับมีชีวิต เธอรู้สึกว่าร่างกายที่เคยอ่อนแอกำลังแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ พลังภายในเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ร่างกายของเธอร้อนผ่าวราวกับมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ภายใน พลังปราณที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเธอค่อยๆ ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล...

เย็นวันนั้น

เมื่อแม่ของเธอกลับมาถึงบ้าน จางหมี่ก็ดูดซับพลังจากเห็ดหลินจือและฟื้นฟูร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอต้มเห็ดหลินจือเพียงครึ่งดอกเท่านั้น ที่เหลือเธอคิดจะเก็บเอาไว้ต้มให้แม่และครอบครัวของป้าเธอดื่มเพื่อบำรุงร่างกายในวันหลัง

เวลาล่วงเลยไปเกือบหกโมงเย็น จางเจินและป้าถงต่างช่วยกันจัดเตรียมอาหารเย็นอยู่ในครัว กลิ่นหอมฉุยลอยออกมาเตะจมูก วันนี้ครอบครัวป้าจางถงต่างมารวมตัวกันที่นี่เพื่อทานอาหาร และตั้งใจมาเยี่ยมเธอที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลด้วย ซึ่งวันนี้ครอบครัวของป้าถงมากันครบทุกคน ทั้ง ลุงเจียงหลี สามีของป้าถง และ เจียงซินอี้ ลูกพี่ลูกน้องของเธอ

“หมี่หมี่! วันนี้ทำไมหนูถึงได้ออกไปข้างนอกแล้วล่ะลูก? หนูเพิ่งจะออกมาจากโรงพยาบาลแท้ๆ นะ”

ทันทีที่จางหมี่เดินออกมาจากห้องนอน ลุงเจียงหลีและป้าจางถงก็เอ่ยทักทายเธอทันทีด้วยน้ำเสียงดุๆ แต่แฝงไปด้วยความห่วงใย พวกเขามาถึงสักพักแล้วและรู้จากจางเจินว่าจางหมี่นอนพักอยู่ด้านในห้องเพราะเพิ่งจะกลับมาจากข้างนอก พวกเขาจึงไม่กล้ารบกวน รอจนกระทั่งทำอาหารเสร็จจึงได้กะว่าจะไปเรียก

“คุณป้า คุณลุง ซินซิน สวัสดีค่ะ” จางหมี่ยกมือไหว้ด้วยรอยยิ้มสดใส “ดีใจที่ได้เจอทุกคนอีกครั้งค่ะ หนูดีขึ้นมากแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณคุณลุงคุณป้ามากนะคะที่เป็นห่วง”

เธอเอ่ยทักทายตอบพวกเขาก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร

“พี่สาว พี่ดีขึ้นหรือยังคะ?” ซินอี้ลูกสาวของป้าถงทักทายจางหมี่อย่างร่าเริง

“พี่ดีขึ้นมากแล้วจ้ะ เห็นไหมแผลก็แห้งสนิทแล้ว ขอบใจนะซินซิน” จางหมี่ตอบพลางยิ้มให้เจียงซินอี้อย่างเอ็นดู

จางหมี่ลอบมองลุงเจียงหลี ชายวัยสี่สิบห้าที่ดูแก่เกินกว่าอายุจริงไปหลายปี ริ้วรอยลึกบนใบหน้าของเขาเกิดจากการตรากตรำทำงานหนักในโรงงานเหล็ก เป็นเครื่องหมายของความเหนื่อยล้าที่สะสมมาอย่างยาวนานเพื่อครอบครัว

แม้เขาจะทำงานหนัก แต่ด้วยความขยันขันแข็ง ลุงเจียงหลีก็หาเลี้ยงครอบครัวได้พอสมควร เมื่อรวมกับเงินเดือนของป้าจางถง ครอบครัวนี้จึงมีชีวิตที่ดีกว่าครอบครัวของจางหมี่และแม่เล็กน้อย เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็มีสองแรงช่วยกันทำงาน

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีรายได้ประจำ แต่ครอบครัวของลุงเจียงหลีก็ยังคงต้องประหยัดมัธยัสถ์อย่างมาก เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน พวกเขาไม่มีกำลังเพียงพอที่จะซื้อบ้านเป็นของตัวเอง แม้ว่าจะอาศัยอยู่ในเขตชานเมืองของเมืองเฟิงก็ตาม ที่นี่ยังมีราคาที่สูงเกินเอื้อมสำหรับพวกเขา ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงเลือกที่จะเช่าห้องเล็กๆ ใกล้กับโรงงานเหล็กที่ลุงเจียงหลีทำงาน เพื่อประหยัดค่าเดินทาง

ครอบครัวของลุงเจียงหลีแยกย้ายกันไปหมดแล้วหลังจากที่พ่อแม่ของเขาเสียชีวิต ตอนแรกเขาอาศัยอยู่ที่ปักกิ่ง แต่ค่าครองชีพที่สูงลิ่วทำให้เขาต้องย้ายมาที่เมืองเฟิง และที่นั่นเองที่เขาได้พบรักกับจางถง

การแต่งงานของทั้งสองไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ครอบครัวตระกูลจางไม่พอใจที่จางถง ซึ่งเป็นหญิงสาวที่สวยสะพรั่งในตอนนั้น กลับไปแต่งงานกับคนงานธรรมดาจนๆ อย่างลุงเจียงหลี แต่ก็ไม่อาจขัดขวางได้มากนัก เพราะตามประเพณี จางถงต้องแต่งงานออกไปอยู่ดี

สองสามีภรรยาทำงานอย่างขยันขันแข็ง พวกเขาเก็บหอมรอมริบเงินได้ก้อนหนึ่ง วางแผนอย่างดิบดีว่าจะนำเงินนี้ไปจ่ายค่าเทอมให้เจียงซินอี้ลูกสาวสุดที่รัก

แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น... เมื่อจางหมี่ประสบอุบัติเหตุและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

ในตอนนั้น... ไม่มีสมาชิกคนใดในครอบครัวตระกูลจางโผล่หน้ามาเยี่ยมจางหมี่เลยสักคนเดียว

มีเพียงป้าถงและลุงเจียงหลีเท่านั้นที่รีบรุดมาที่โรงพยาบาล ป้าจางถงตัดสินใจแคะกระปุกเงินเก็บก้อนสุดท้ายที่จะเอาไว้จ่ายค่าเทอมลูกสาว นำมาให้แม่ของจางหมี่โดยไม่ลังเล พร้อมบอกว่า

'เจินเจิน.. เอาเงินนี้ไปรักษาหมี่หมี่ก่อน ชีวิตคนสำคัญกว่าเงินทอง เงินพวกเราหาใหม่ได้ แต่หลานสาวคนนี้มีคนเดียว'

คำพูดและการกระทำในวันนั้น จางหมี่จดจำได้จากความทรงจำของร่างเดิม มันฝังแน่นอยู่ในใจ

จางหมี่มองลุงเจียงหลีและป้าจางถงที่กำลังตักอาหารให้กันด้วยความรู้สึกซาบซึ้งจนจุกอก แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนที่ร่ำรวยหรือมีฐานะดี แต่ความรัก ความห่วงใย และน้ำใจที่พวกเขามีให้เธอกับแม่นั้น... มากมายยิ่งกว่าทองคำกองเท่าภูเขา

จางหมี่นับน้ำใจของพวกเขาไว้ในใจอย่างแน่นหนา

'ลุงเจียงหลี... ป้าถง... ซินซิน... รอหนูก่อนนะ วันใดที่หนูตั้งตัวได้ หนูจะตอบแทนพวกท่านอย่างเต็มที่ จะให้พวกท่านได้สุขสบาย เพื่อทดแทนสิ่งที่พวกท่านมอบให้หนูในยามที่หนูต้องการที่สุด'

“เอ้า! กินเยอะๆ สิหลานรัก มัวแต่นั่งจ้องหน้าลุงทำไม หรือเห็นว่าลุงแก่แล้วไม่อยากจะกินข้าวด้วยแล้วรึ ฮาฮาฮา” ลุงเจียงหลีพูดเสร็จก็หัวเราะพลางคีบกุ้งตัวโตใส่จานให้จางหมี่

“วันนี้ลาภปากจริงๆ มีแต่ของดีๆ ทั้งนั้น”

“ขอบคุณค่ะลุง... ทุกคนก็ทานเยอะๆ นะคะ วันนี้หนูเลี้ยงเอง!”

“ฮ่าๆๆ ตัวแค่นี้จะมาเลี้ยงผู้ใหญ่ เก็บเงินไว้ซื้อขนมเถอะเราน่ะ” ลุงเจียงหลีหัวเราะร่าอย่างมีความสุข โดยหารู้ไม่ว่าหลานสาวคนนี้... เพิ่งจะหาเงินได้มากกว่าเงินเดือนทั้งปีของเขาเสียอีก!

****

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel