บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 กาหยกจากราชวงค์หมิงเก่า

บทที่ 5 กาหยกจากราชวงค์หมิงเก่า

เมื่อไล่โจวเฟยเฟยไปแล้วจางหมี่ก็เดินดูของรอบๆ ร้านอีกครั้งตอนนี้เธอได้ทราบแล้วว่า หากว่าชิ้นไหนเป็นหยกหรือของเก่าที่เป็นของจริง รอบของชิ้นนั้นจะมีพลังสีต่างๆ เปล่งออกมา ไม่ว่าจะเป็นสีเขียว สีม่วงหรือแม้แต่สีแดงซึ่งเป็นการบอกว่าหยกแต่ละชนิดนั้นคือหยกอะไรด้วย ส่วนของเก่านั้นก็จะมีแสงสีขาวนวลเปล่งออกมา จางหมี่ดีใจมาก แบบนี้ก็ดีเลย ขณะที่กำลังมองดูสีสันของหยกแต่ละชนิดอยู่นั้นเอง เสียงแหลมรบกวนประสาทก็ดังขึ้นมาอีกแล้ว แถมมาดังใกล้เธออีกด้วยแบบนี้คือไม่ได้ว่าใครแต่ว่าจางหมี่นั้นเอง เด็กสาวถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะหันหลังไปมองกลุ่มคนโรคจิตเหล่านี้แบบจริงจัง

“หยกแค่ชิ้นเดียวคนจนยังไม่มีปัญญาซื้อ เธอทำได้แค่มองดูเท่านั้น น่าสงสารจริงๆ” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น

“จริงด้วย แค่หยกชิ้นเดียว ทั้งชีวิตของเธอคงไม่มีปัญญาซื้อหรอก!” ผู้หญิงอีกคนเห็นด้วย

จางหมี่หมดคำพูดอะไรก็ตามที่คนจนทำดูเหมือนจะผิดไปหมดเลยใช่ไหมป้าๆ ทั้งหลาย แต่พวกเขาแน่ใจได้อย่างไรว่าทั้งชีวิตเธอไม่สามารถซื้อของเหล่านี้ได้? ตอนนี้เธอจนก็จริงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะจนตลอดไปนี่

จางหมี่หลับตาลงอีกครั้งก่อนจะลืมตาและหันไปมองผู้หญิงที่เพิ่งพูดเมื่อสักครู่ พวกเธออายุราวๆ สี่สิบปี รูปร่างหน้าตาดี ทั้งคู่อยู่ในชุดหรูหรา โดยเฉพาะคนทางขวา มีแหวนสามวงสวมอยู่บนนิ้วมือทั้งสอง ทั้งเพชร ทอง และหยกประโคมมาแบบจัดเต็มเลยทีเดียว พวกเธอน่าจะได้ยินที่โจวเฟยเฟยคุยกับเธอจึงได้มองมาที่จางหมี่อย่างดูถูกและพูดจากระแหนะกระแหนแบบนี้ จางหมี่มองดูพวกเธอครู่หนึ่งก่อนจะหลับตาและเปลี่ยนการมองให้เป็นการใช้ตาทิพย์และจ้องไปที่กำไลทองและกำไลหยกถูกสวมอยู่ที่ข้อมือทั้งสองข้างของสองคนที่ว่าเธอ ก่อนที่จางหมี่ยิ้มที่มุมปากด้วยความเย้ยหยัน..

จางหมี่ที่มองไปที่พวกเธอและเพ่งมองไปที่สร้อยและหยกที่พวกเธอสวมใส่ สักพักก็หัวเราะขึ้นมาใบหน้าของผู้หญิงสองคนเปลี่ยนไปเล็กน้อยด้วยความโกรธ

“เธอหัวเราะอะไรไม่ทราบ?”

พวกเธอกระชากน้ำเสียงใส่เหมือนไม่ใช่คนที่มีการศึกษาพูดจากัน

“ฮาฮาฮา!!! ฉันแค่ขำนะพวกคุณนี้แปลกดีนะไหนบอกว่าตัวเองรวยมากไง แต่ทำไมยังใส่กำไลหยกปลอมและของราคาถูกพวกนั้นด้วยล่ะ?ขนาดว่าฉันจนฉันยังไม่กล้าใส่เลย แต่พวกคุณใส่กันมาเต็มตัวเลย..ฮาฮาฮา!!! ”

จางหมี่ตอบเสียงดังลั่นเช่นกัน ใช่แล้ว!! หลังจากที่เธอใช้สายตาแห่งเทพที่ได้พลังจากหยกที่เธอจับเมื่อสักครู่มองไปที่ กำไลหยกที่อยู่บนข้อมือและลำคอของแก๊งป้าๆ ที่ชอบดูถูกคนอื่นนั้นล้วนเป็นของปลอม!!!เธอไม่รู้ว่าพวกป้าๆ ไม่รู้ว่าตัวเองใส่หยกปลอมอยู่ หรือว่ารู้แต่ก็ยังใส่ แต่เธอจะให้พวกเขารังแกอยู่ฝ่ายเดียวได้อย่างไร เธอคือคุณหนูอันดับที่หนึ่งแห่งสำนักปราณเซียนสวรรค์เชียวนะ เมื่ออยากทำให้เธอขายหน้าพวกป้าก็ต้องขายหน้าด้วยจริงมั้ย

“แกว่าอะไรนะนังเด็กบ้า?!!!”

แก๊งป้าๆ ใบหน้าร้อนเผาขึ้นมาและพวกเธอเริ่มหงุดหงิดและรู้สึกขายหน้า เครื่องประดับนี้มาจากสามีของเธอเองเขารวยมาก แล้วมันจะเป็นของปลอมได้ยังไง! และคนที่อยู่ตรงหน้าเธอเป็นเพียงเด็กสาวยากจน เธอจะไปรู้เรื่องอะไร!!

“หุบปากของแกซะ แกอิจฉาฉันล่ะสิ”

แก๊งป้าๆ พากันกรีดร้องขึ้นมาจะไม่ให้ร้องได้อย่างไรพวกเธอเสียหน้านะที่นังเด็กคนนี่พูดแบบนี้

“จริงหรือปลอมพวกป้าให้ทางร้านพิสูจน์พวกเครื่องประดับของพวกป้าก็ได้นี่ ที่นี่ย่อมต้องมีผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้ว”

พูดเสร็จก็เดินหันหลังออกจากร้านไป เธอไม่ว่างมาเสียเวลาที่นี่กับเรื่องไร้สาระหรอกนะ เธอต้องหาเงินอย่างเร่งด่วน เธอรีบ!!!

ผู้หญิงคนนั้นวางท่าทันที ทำตัวเหมือนเป็นผู้สูงศักดิ์ตัวจริงแต่ในใจก็เหมือนมีเมล็ดแห่งความสงสัยงอกขึ้นมาแล้ว เธอก้มดูกำไลข้อมือหยกในข้อมือตัวเองอีกครั้ง อย่างไรก็ตามคำพูดของจางหมี่ยังวนเวียนอยู่ในความคิด และเธอก็ต้องการพิสูจน์มันด้วยตัวเอง จางหมี่ไม่มีเวลามาสนใจพวกเธออีก ตอนนี้ดวงตาของเธอน่าจะมีพลังบางแล้ว เธอรีบไปหาเงินจะดีกว่ามาเสียเวลาคุยกับพวกป้าๆ ทัศนคติแย่พวกนี้ เมื่อออกมาจากร้านเธอก็ตรงไปที่ตลาดขายของเก่าทันที ตอนนี้เธอไม่อยากจะเสียเวลาอีกอย่างเธอก็รีบกลับบ้านด้วย ถึงอย่างไรเธอก็เพิ่งจะฟื้นขึ้นมา และจางหมี่รู้ว่าร่างนี้นั้นอ่อนแอมาเพียงใด เพราะเธอเดินเพียงไม่นานก็เหนื่อยเสียแล้ว ถ้าหากว่าเธอต้องการที่จะดูแลครอบครัวของเธอ เธอจะต้องรีบทำให้ร่างนี้แข็งแรงให้เร็วที่สุด

เธอเดินมองตามร้านรวงที่เรียงรายอยู่ข้างทางไปเรื่อยๆ บ้างก็เป็นร้านเล็กบ้างก็เป็นร้านใหญ่ตกแต่งดูดีขณะที่จางหมี่ตัดสินใจเดินออกจากตลาดขายของเก่า สายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับของสิ่งหนึ่ง มันเป็นกาน้ำเล็กๆ พร้อมถ้วยที่เป็นชุดของมันเอง 2 ใบ ที่ถูกวางกระจายกัน จางหมี่เหมือนจะถูกดูดเข้าไปหามัน เธอเดินเข้าไปที่ร้านแห่งนี้ทันที จางหมี่หลับตาและเพ่งสมาธิไปที่กาน้อยทันทีสิ่งที่จางหมี่เห็นแสงคือสีขาวจางๆ ที่ลอยขึ้นมาจากมัน แม้ว่าแสงสีขาวนั้นจะไม่ขาวจัดนั้นแต่ก็นับได้ว่ามีพลังของมันอยู่ หากมีพลังมันจะต้องเป็นของแท้แน่นอน จางหมี่ดีใจที่ในที่สุดก็ได้อะไรติดมือบางเธอเดินไปหยิบมันขึ้นมาแล้วยกขึ้นมองด้านซ้ายและด้านขวา และมองไปที่กองของเก่าเหล่านี้อีก และเธอก็เห็นถ้วยที่เป็นชุดของมันอยู่สองใบ ใบหนึ่งมีรอยบิ่นเล็กน้อย

จางหมี่หยิบมากองๆ รวมกันเอาไว้เหมือนมันไม่มีราคาค่างวดอะไร แล้วเอ่ยถามเถ้าแก่ทันที

“เถ้าแก่คะกาเก่ากองนี้ราคาเท่าไหร่คะ?”

เถ้าแก่ร้านเห็นเด็กสาวชี้ไปที่กาเก่าๆ ใบเล็กและชุดถ้วยของมัน ที่เขาได้มาเมื่อไม่นานโดยคนที่นำมาขายก็บอกว่าเป็นสมบัติของตระกูลตกทอดกันมาหลายชั่วอายุคนเช่นเดิม เขารับซึ่งเอาไว้ในราคาไม่กี่หยวน เพราะดูยังไงมันก็เป็นของปลอม

“สี่สิบหยวนห้ามต่อราคานะ!!!"

เสียงของเถ้าแก่พูดกันไว้ก่อนทันที

“หนูอยากได้เอาไปเป็นของขวัญให้เพื่อน แต่หนูมีเงินไม่เยอะเถ้าแก่ลดให้ได้หรือเปล่าคะ?”

เธอพยายามทำให้เสียงน่าสงสารซึ่งค่อนข้างทำได้ยากเหมือนกัน เพราะปรกติเธอไม่เคยจะข้อรองใคร อยู่ที่สำนักปราณเซียนสวรรค์ ทุกคนล้วนต้องเอาใจเธอและท่านพ่อทั้งนั้น แต่ตอนนี้สถานการณ์มันบังคับจำเป็นต้องทำแล้ว เถ้าแก่มองไปที่เด็กสาวที่สวมเสื้อผ้าเก่าๆ ก็นึกสงสารอย่างไรเขาก็ได้มาด้วยเงินไม่กี่หยวนเท่านั้นในที่สุดเขาก็พยักหน้า

“ลดได้มากสุด 30 หยวน ไม่ต้องต่ออีกแล้วนะ ถ้าซื้อไม่ได้ก็ไม่ต้องซื้อ!!!”

เหมือนจะไม่มีเยื่อใย และใจร้ายแต่เถ้าแก่ก็ยังลดให้เธอ จางหมี่ทำสีหน้าดีใจและเธอเอ่ยขอบคุณเถ้าแก่หลายครั้ง เธอหยิบเงินออกมาสามสิบหยวนยื่นให้เถ้าแก่ เขามองรับเงิน30หยวนนั้นมาและห่อกาชุดนั้นให้เธอทันที

จางหมี่รับของมาแล้วเดินดูรอบๆ ร้านอีกครั้ง แต่ไม่มีอะไรที่น่าสนใจในร้านนี้อีกเลย เธอจึงเดินออกมาและหาร้านที่จะพิสูจน์ของเก่าที่ได้มาชิ้นนี้ทันที ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีอยู่คู่กันกับตลาดขายของเก่าทุกแห่ง จางหมี่เดินไปไม่ถึง 10 นาทีเธอก็เห็นร้านที่มีคนกำลังพิสูจน์ของเก่าอยู่

ในตลาดขายของเก่ามีงานแสดงสินค้าประจำเดือน มีคนแวะเวียนเข้ามาประมูลจำนวนมาก ในวันปกติผู้คนมาเพื่อทำการประมูล แต่ราคาที่ได้ไม่สูงมากนัก เนื่องจากนักประมูลมีไม่เยอะ

เมื่อเธอมาถึงร้านมีคนอยู่ในร้านแล้วเขากำลังพิสูจน์ว่าของเก่าของเขาเป็นของแท้หรือไม่มีผู้ชมยืนอยู่รอบๆ บางคนมาเพื่อความสนุกในขณะที่บางคนมาเพื่อมารอดูผลพิสูจน์ หากมันเป็นของแท้ พวกเขาจะได้ประมูลมัน

เหล่านักพิสูจน์ของเก่าต่างมีประสบการณ์มากมาย และร้านนี้ก็มีกฎของพวกเขาเอง ถ้าเป็นของปลอมก็ไม่ต้องจ่ายอะไร แต่ถ้าเป็นของจริงต้องจ่ายค่าบริการ หากต้องการขายไปพร้อมกัน ค่าบริการก็จะสูงตาม กฎนี้เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป จางหมี่เดินไปยังโต๊ะพิสูจน์ของเก่า มีนักพิสูจน์ของเก่ากำลังประเมินดูโถใบหนึ่งอยู่ มันดูเหมือนของโบราณของแท้

จางหมี่มองดูโถใบนั้นก่อนจะลองใช้ตาทิพย์เพ่งดู เธอไม่เห็นหมอกสีขาวออกมาจากโถ… มันเป็นของปลอม

“ปลอม!!”

นักพิสูจน์ของโบราณใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการดูก่อนจะเอ่ยออกมา

“อะไรนะ ของปลอมงั้นเหรอ?”

เสียงผู้ชายดังขึ้นท่ามกลางความวุ่นวาย ใบหน้าของชายผู้นั้นแสดงถึงความตกใจ

“เป็นไปไม่ได้! จะเป็นของปลอมได้ยังไง!”

“คุณกำลังสงสัยความสามารถผมงั้นหรือ?”

นักพิสูจน์ของโบราณเอ่ยขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ

“ไม่…ไม่…คือมันเป็นมรดกตกทอดจากคุณปู่มายังพ่อของผมแล้วก็ผมอีกที ผมรับไม่ได้ที่รู้ว่ามันเป็นของปลอม”

ผู้คนที่อยู่ในห้องนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า

“น้องชาย ถึงแม้มันจะเป็นของมรดกตกทอด... มันก็เป็นของปลอมได้”

“บางทีปู่ของนายอาจจะดูพลาดไป มันเป็นเรื่องธรรมดา” เสียงกระหึ่มเซ็งแซ่ดังขึ้น

ใบหน้าของชายหนุ่มแสดงความผิดหวังอีกครั้ง เขาจำใจเอาของมรดกตกทอดมาขายถ้าเป็นของแท้ เขาก็สามารถทำกำไรจากมันได้แต่ปรากฏว่าเป็นของปลอมจากนั้นก็มีเสียงบอกว่าปลอมดังขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่มีใครสนใจเท่าไหร่ เพราะเจ้าของก็ไม่ได้ให้ความสนใจของเก่าของตัวเองมากนัก

“สวัสดีค่ะ เถ้าแก่ดูชุดกานี้ให้ฉันด้วยค่ะว่าเป็นของจริงหรือเปล่า?” ถึงตาจางหมี่แล้ว เธอยื่นกำไลที่เพิ่งซื้อให้นักพิสูจน์ของโบราณดูทันที

“ดูท่าเด็กสาวคนนี้กำลังร้อนเงิน ดูก็รู้ว่าปลอม!” เสียงที่หนึ่งมาแล้ว!!

“นี้คงถูกหลอกขายมาอีกคนแน่เลย สงสารน้องจัง” เสียงที่สองตามมาติดๆ

จากนั้นก็มีอีกหลายเสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นอีกครั้งเกี่ยวกับกาน้อยที่พวกเขาฟันธงว่าเป็นของปลอมแน่นอน… แต่จางหมี่หาได้สนใจเสียงนกกาเหล่านี้รอดูเถอะเธอคิดกับตัวเอง แม้ว่านักพิสูจน์ของเก่าก็คิดว่ามันเป็นของปลอม แต่เขาก็ยังต้องทำหน้าที่ของเขาเมื่อเขาหยิบกาใบน้อยที่เต็มไปด้วยฝุ่นขึ้นมาดู ถึงมันจะถูกทำความสะอาดบางแล้วแต่ก็ยังมีฝุ่นผงติดอยู่มาก เขาทำความสะอาดมันอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาทำความสะอาดคราบเปื้อนด้วยผ้า สีที่แท้จริงของกาน้อยก็ปรากฏขึ้น

มันเป็นสีขาวขุ่นและมีลวดลายปรากฏอยู่ สีและลายเมื่อทำความสะอาดก็สามารถที่จะเห็นชัดขึ้นมา เขาเห็นความประณีตในการวาดภาพเล็กๆ ลงในการใบนั้น ชายชราให้ความสนใจขึ้นมาทันทีเขารีบหยิบถ้วยที่เป็นชุดออกมาวางเรียงกัน ปรากฏว่ารูปจากกาและถ้วย2 ใบนั้นเนื้อหาต่อเนื่องกันจริงๆ ด้วย เขารีบทำความสะอาดใหม่ทั้งหมดทันทีตอนนี้เขาก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว ศีรษะของเขาแทบจะซุกลงในกาน้อยแล้ว ทำให้คนที่ยืนดูอยู่เริ่มมีอาการอยากรู้ขึ้นมาทันที พวกเขาทันไม่ไหวที่จะรอจึงได้ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสนอกสนใจ

“เกิดอะไรขึ้น!!! ของจริงหรือ ดูลายพวกนั้นเหมือนจะต่อกันนะ" เสียงที่หนึ่งมาอีกแล้ว

“เร็ว!!!….บอกพวกเรามาว่าเป็นของจริงหรือเปล่า” เสียงที่สองเร่งเร้ามาอีก…ก็มันอยากรู้..

นักพิสูจน์ของเก่ายังคงเงียบ ตั้งใจกับงานตรงหน้าจนในที่สุดเวลาผ่านไป 45 นาทีเขาก็เงยศีรษะขึ้นก่อนนะเอ่ยออกมาว่า

"มันคือชิ้นส่วนกระเบื้องลายครามช่วงต้นราชวงศ์หมิง!!!!” เขาพูดขึ้นมาและยังคงตรวจดูอย่างละเอียดต่อไป

“อะไรนะ?” เสียงที่หนึ่งมาอีกแล้ว!!!

“จริงเหรอ?” เสียงที่สองที่น่าจะเป็นเพื่อนกันแน่นอนเพราะมันตามมาตลอดและตามมาติดๆ เลย….

ทุกคนดูตกใจพวกเขาต่างก็เพ่งมองไปที่กาน้อยที่กำลังถูกยกขึ้นมาเพื่อตรวจเช็คโดยชายชรานักพิสูจน์ของเก่าผู้ชำนาญ …กระเบื้องลายครามจากราชวงศ์หมิงนั้นถือเป็นยุคที่เก่าเกือบจะ700 ปีทีเดียวถ้าเป็นของแท้ละก็!!!! ถ้าอย่างนั้นมันก็เป็นของแท้แน่จริงรึนี่!!!!

ทันใดนั้นทุกคนมองมาที่เด็กสาวที่สวมเสื้อผ้าเก่าๆ ปอนๆ และมองจางหมี่ด้วยความอิจฉา แต่จางหมี่ก็ยังทำท่าทางสบายๆ ซึ่งทำให้ทุกคนอดคิดไม่ได้ว่า…หรือเด็กสาวผู้นี้จะรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นของแท้..

ใช่แล้ว!!! เธอรู้ว่ามันเป็นของแท้ แต่เธอไม่รู้ที่มาของมันดังนั้นเธอจึงได้เอามาให้ผู้ชำนาญการ พิสูจน์อย่างไรเล่า

“มันเป็นชุดกาหยกสลักจากราชวงค์หมิง ฝีมือการสลักนั้นถือว่าประณีตงดงามมากจริงๆ นังหนู ลวดลายยังคงเด่นชัดมาก เจ้าเก็บได้ของดีเข้าแล้วนะ"

ชายแก่คนพิสูจน์ของเก่าเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและดีใจกับเด็กสาวด้วย..

“นังหนู เธอได้ของชิ้นนี้มาจากร้านไหน ฉันจะไปบาง?” เจ้าของเสียงที่หนึ่งถามที่มาทันที และมีเพื่อนหลายคนของเขาต่างพากันพยักหน้าอยากรู้ว่าเธอเก็บของดีได้มาจากที่ไหนกัน

“ฉันซื้อมาจากร้านค้าธรรมดาทั่วไปค่ะ” จางหมี่เอ่ยตอบเบาๆ ไม่ได้ให้ความหวังใดๆ เลยจริงๆ

“อะไรนะ? เธอได้มันมาด้วยความบังเอิญเหรอเนี่ย ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้!” เสียงของทุกคนต่างเห็นพ้องด้วย

“สาวน้อย ถ้าอย่างนั้นขายให้ลุงได้ไหม? ลุงให้หนูสองหมื่นหยวนเลย”

ชายวัยกลางคนในชุดสูทที่ยืนดูอยู่พักใหญ่เอ่ยถามขึ้นโดยไม่ลังเลทันที

“สองหมื่นหยวน? ยังจะกล้าพูดนะตาเฒ่าเฉิน!!! ฉันให้เธอห้าหมื่นหยวนเลยสาวน้อย! มา มาขายให้ฉันดีกว่า” ชายอีกคนที่น่าจะรู้จักกันพูดแซะเพื่อนของเขาขึ้นมา

“แปดหมื่นหยวน” ชายอีกคนเสนอขึ้นมาที่อยู่ในกลุ่มเอ่ยราคาขึ้นบ้าง

“ผมให้เก้าหมื่นหยวน” ตาเฒ่าเฺฉินเห็นว่าตอนนี้มีหลายคนเสนอราคาสู้ เขาไม่ยอมหรอกเขาสู้บ้าง….

“หยุด!!!! ทุกคนหยุดผมให้หนึ่งแสนห้าหมื่นหยวน มีใครจะสู้ผมอีกไหม??”

เสียงที่ก้าวเข้ามาพร้อมราคากดข่มเพื่อนๆที่เสนอก่อนหน้านี้เสียมิด….หลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงเสนอราคาออกมาอีกเลย….

จางหมี่ยิ้มเต็มใบหน้าทันที นี่เธอยังไม่ทันได้จับกาน้อยของเธออีกครั้งเสียด้วยซ้ำของก็ถูกคนประมูลไปซะแล้ว!!!!

*****น้องโชคดีมาก คนแย่งซื้อกันใหญ่****

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel