3 กูขอนะ
“กูขอนะ” ช้างพลายเอ่ยปากขอ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วไม่น่าจะพูดประโยคนี้ ฉันอยากจะถามเหลือเกินว่ามาขออะไรตอนนี้ ในเมื่อเสื้อผ้าของเราทั้งคู่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้น ซึ่งก็หมายความว่าไม่ต้องขอแล้วเถอะ
เพราะสิ่งที่ฉันแสดงออกไปคือ ‘ยินยอม’
ยินยอมง่าย ๆ เพราะ ‘ความรัก’
ยินยอมง่าย ๆ แค่ได้ยินคำว่า...รัก
ยอมง่าย ๆ เพราะเขาบอกว่ากำลังจะเลิกกับแฟน
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นฉันถึงได้มั่นใจนักว่าสิ่งที่ช้างมันพูดมาทั้งหมดคือความจริง
ว่าไปแล้วผู้ชายมีไอ้ตรงนั้นใหญ่โตแบบนี้ทุกคนไหมนะ หรือมีแค่เขาเพียงคนเดียวที่แบกลูกชายทรงโตไปไหนมาไหนได้ด้วยท่าทางสบาย ๆ สัมผัสแรกที่ส่วนสำคัญของช้างพลายแทรกเข้ามาในกายของฉันคือความเจ็บปวด เขาค่อย ๆ ดันเข้ามาช้า ๆ เสมือนกำลังทำความคุ้นเคยกับความคับแคบ ความเจ็บค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่าน
นี่สินะที่เขาเรียกกันว่า ‘เซ็กซ์’
กลางบ้านมีบทเพลงรักถูกขับขานโดยช้างพลาย ซึ่งมีฉันเสริมแทรกเสียงดนตรีประกอบไปพลาง ๆ
ที่ฉันยอมเพราะเขาบอกว่ากำลังจะเลิกกับแฟน
หรือบางทีที่ฉันเชื่อคำพูดของเขาเนื่องจากประสบการณ์ความเป็นเพื่อนของเรา เขาไม่เคยพูดโกหกฉันสักครั้ง อาจจะข้อนี้หรือเปล่า หรือเพราะฉันลุ่มหลง อยากครอบครองเป็นคนรักของเขา ฉันถึงยินยอมให้เขาได้เชยชม
อารมณ์ชั่ววูบทำให้เหตุการณ์เตลิด
เสียงครางของเราทั้งสองยังคงดังอยู่กลางบ้านท่ามกลางความมืดมิด สัมผัสทุกอณูขุมขนทำฉันเสียว ร่างกายของฉันตอบรับเขาเป็นอย่างดี กิจกรรมรักอันเร่าร้อนเสร็จสมเมื่อฟ้าใกล้สาง สองแขนแกร่งอุ้มฉันขึ้นและพาเดินมาที่ห้องนอนของฉัน เขาวางฉันไว้บนเตียงจากนั้นก็ล้มตัวนอนเคียงข้างกาย
ความสัมพันธ์ที่แปรเปลี่ยน ทำให้ฉันรู้สึกเขินแปลก ๆ
“กลับบ้านนะ” ฉันยืนอ่านโพสต์อิทที่ถูกเขียนโดยเพื่อนสนิทคนที่เปิดบริสุทธิ์ฉัน คือว่าช่วงสายฉันตื่นมาก็ไม่เจอเขาแล้ว
“ดีเหมือนกัน เพราะกูก็ไม่รู้จะสู้หน้ามึงยังไง” พึมพำกับตัวเองเบา ๆ ไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะทำหน้ายังไงเวลาเจอหน้ากัน
ตั้งสติครู่ใหญ่ฉันก็ทำงานบ้าน อาบน้ำแต่งตัว กินข้าวอะไรเรียบร้อย มานั่งจดจ่ออยู่หน้าทีวีที่เปิดเสียงไว้เบา ๆ คือฉันแทบจะไม่ต้องไปเรียนแล้ว เนื่องจากเคลียร์งานที่จะส่งอาจารย์เสร็จหมด เหลือแค่รอเวลาจบเท่านั้น
ฉันเปิดโน้ตบุ๊คคู่ใจ เข้าเว็บตรวจเช็คงานว่ายอดขายเป็นเช่นไร และสิ่งที่โชว์หลาบนหน้าจอโน้ตบุ๊คทำให้ฉันยิ้มอย่างมีความสุข เพราะมียอดที่ถูกซื้อโดยนักอ่าน
ฉันคือนักเขียน
เขียนนิยายรักโรแมนติก หวานแหวว
เขียนนิยายรักทั้งที่ชีวิตจริงของฉันไม่เคยมีความรักเช่นนั้นสักครั้ง
เริ่มแรกของการหยิบจับปากกาคือการเพ้อฝันก่อนหลับตานอน
การนอนคนเดียวตั้งแต่ย่าเสียมันยากต่อการหลับใหล
ฉันจึงนึกคิดจินตนาการไปต่าง ๆ นานา ถ้ามีแฟนจะดูแลปรนนิบัติเขาอะไรยังไง
มันคือการคิดต่อเนื่องทุกคืนก่อนหลับตานอน
จนกระทั่งหลงรักตัวตนที่ฉันเพ้อถึง
เมื่อไม่มีที่ระบายความรู้สึก ฉันจึงหยิบจับปากกาและกระดาษมาขีดเขียนร้อยเรียงเป็นคำพูด ทำอยู่แบบนั้นทุกวัน จนกลายเป็นความเคยชิน
รู้สึกตัวอีกครั้ง กระดาษที่ถูกเขียนก็มีมากมาย และเมื่อฉันย้อนกลับมาอ่าน ความรู้สึกที่อยากจะให้ผู้คนได้รับรู้ถึงความรักที่ฉันจินตนาการก็เกิดขึ้น
ฉันจึงสมัครเป็นสมาชิกที่เว็บขายนิยายชื่อดังแห่งหนึ่ง เริ่มคัดลอกต้นฉบับทุกอย่างลงไป ยื่นเรื่องผ่านเว็บ ไม่นานทางเว็บตอบกลับมาอนุมัติให้เรื่องราวที่ฉันเขียนสามารถเผยแพร่สู่สายตาของนักอ่านที่รักในนิยาย
และนี่คือจุดเริ่มต้นชีวิตนักเขียนอิสระที่รักในนิยายรักโรแมนติก ผู้คนที่อ่านรู้จักฉันจากนามปากกา××× ฉันเลือกที่จะไม่เปิดเผยหน้าตาต่อสังคม และไม่เคยบอกเล่าเรื่องนี้ให้กลุ่มเพื่อนสนิทได้รับรู้
ในที่สุดฉันก็เข้าใจว่าสิ่งที่ฉันชอบคือการเขียนนิยาย
ไลน์ ไลน์ (ช้างพลาย)
เสียงข้อความแอพพลิเคชั่นแจ้งเตือน ฉันจึงละสายตาจากจอโน้ตบุ๊คมาหยิบโทรศัพท์มือถือเปิดอ่าน
(ช้างพลาย: คืนนี้จะไปค้างด้วยนะ)
(อ้อยหวาน: ค้างทำไม)
(ช้างพลาย: ผัวเมียก็ต้องค้างด้วยกันดิ)
อ่านแล้วกดออกจากแอพพลิเคชั่นไลน์ทันที รู้สึกใจเต้นแรงกับประโยคสุดท้ายที่ได้อ่าน ฉันรู้สึกมีความสุขจัง ความรู้สึกแบบนี้แปลว่าความรักของฉันกำลังเบ่งบานสินะ
อ่า ในที่สุดฉันก็จะมีประสบการณ์ด้านความรักที่สวยหรูอย่างที่ฉันเคยวาดฝันไว้