ตอนที่ 2 กูรักมึง
“เดินดี ๆ ดิมึง กูหนัก” เอ็ดพร้อมพยุงคนขี้เมาที่ตัวของมันแทบจะแตกต่างจากฉันเข้ามาในบ้าน
“เฮ้ย” ฉันร้องเสียงหลง เมื่อจู่ ๆ ช้างพลายมันทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงที่พื้นกลางบ้าน ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้วที่มันจะเป็นผลทำให้ฉันล้มทับร่างของมัน ตัวของฉันเล็กแค่เพียงนิดแบกมาไกลได้ขนาดนี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว
เราทั้งคู่กำลังสบตากัน
อยากจูบจัง ฉันอยากจะครอบครองเป็นเจ้าของผู้ชายคนนี้เหลือเกิน
อยากจะเดินเคียงคู่ในฐานะของ…คนรัก
แต่อยากมากแค่ไหนก็ต้องหักห้ามใจทุกครั้ง เพราะเราคือเพื่อนกัน ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ…ช้างมีแฟน
ริมฝีปากของเราทั้งคู่แนบชิด ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา ใกล้ชิดที่สุดคือการเดินกอดคอ แต่ว่าตอนนี้เรากำลังจูบกัน ฉันจูบกับคนที่มีแฟนอยู่แล้ว พอนึกขึ้นได้ว่าช้างมีเจ้าของ ฉันก็รีบลุกขึ้น “ดะ... เดินยังไงของมึงเนี่ย”
ปากของเราสัมผัสกัน ในหัวฉันท่องจำแต่คำนี้
หัวใจของฉันมันเต้นแรงมาก ถี่มาก ๆ ด้วย
มัวแต่ตื่นเต้น ดีใจ เขินอาย หลายความรู้สึก ทำอะไรไม่ถูก หันไปอีกรอบไอ้เพื่อนตัวยักษ์ก็สลบไปแล้ว
“ให้ตายเถอะ กูต้องลากใช่ไหม” พึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าหน่ายเซ็ง ครั้นจะทิ้งมันเอาไว้กลางบ้านก็กระไรอยู่ จะให้แบกก็คงจะไม่ไหว ผลสรุปสุดท้ายฉันจึงจับสองขาของมันขึ้นแล้วพยายามออกแรงลาก
“โอ๊ย ไม่เอาแล้วนอนตรงนี้ไปเถอะมึง” ลากมาได้เพียงนิดก็หยุดเพราะช้างพลายมันหนักสมกับชื่อของมัน
ฉันจึงตัดสินใจให้มันนอนอยู่กลางบ้านซะให้จบ ๆ
โดยที่ฉันเดินไปหยิบผ้าห่มและหมอนมาให้น่าจะดีกว่าลากคนเมา
หมับ
ฉันกำลังจะหมุนตัวกลับเพื่อที่จะเข้าห้องของตัวเองหลังจากที่เอาหมอนมารองหัวพร้อมห่มผ้าผืนหนาให้คนเมา ทว่ามือใหญ่คว้าที่ข้อมือของฉัน พร้อมกับกระตุกแขนจนร่างฉันล้มลงนอนทาบทับที่อกแกร่งของมัน ประจวบเหมาะกับใบหน้าของฉันแนบชิดกับใบหน้าหล่อพอดี
“นอนกลางบ้านเป็นเพื่อนกูเลย” ช้างพลายพูดขณะที่ฉันยังคงอยู่ในท่าเดิม
ช้างมันจะได้ยินเสียงหัวใจของฉันในตอนนี้ไหมนะ
ช้างมันจะรู้บ้างไหมว่าฉันตื่นเต้นขนาดไหน
“นะ... นอนอะไร เพื่อนกันจะนอนด้วยกันได้ไง แบบนี้มันไม่ดี” พูดด้วยน้ำเสียงอึกอัก ฉันไม่รู้ว่าช้างมันคิดไหม แต่สำหรับฉันนั้นคิดไปไกลแล้ว
“มันส์ดี” ช้างพลายมันว่าพร้อมพลิกร่างของฉันให้นอนใต้ร่างของมัน ตอนนี้ช้างมันคร่อมอยู่บนตัวฉัน
“มะ มันอะไร ละ...แล้วมึงจะทำอะไร อื้อ...” ยังไม่ทันได้สืบสาวราวเรื่อง กลีบปากหนาประกบที่กลีบปากของฉัน ใบลิ้นสอดแทรกเข้ามาในช่องปาก ช้างพลายวนลิ้นไปมาในปากของฉันอย่างช่ำชอง
ส่วนฉันที่ยังซิง ไม่เคยแม้กระทั่งมีแฟน จึงตวัดลิ้นพันแบบสะเปะสะปะ
แต่เดี๋ยวนะ
ที่ทำอยู่มันไม่ถูกต้อง ฉันกำลังจะเกินกับผู้ชายที่เป็นเพื่อนสนิท ตรงนี้ไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นหลักคือเขามีแฟนแล้วนะอ้อย แกต้องหักห้ามใจสิ ถึงจะรักเขามากแค่ไหนก็ห้ามทำอะไรแบบนั้นกับคนมีเจ้าของ
ตุบ ตุบ ตุบ
“อื้อ” ฉันใช้กำปั้นเล็ก ๆ ทุบที่หน้าอกแกร่งแรง ๆ แต่เหมือนคนตัวใหญ่จะไม่รู้สึกสักนิด ช้างพลายมันยังคงดูดดัน เล้า เลียที่ปากของฉันอย่างเมามันส์ ฉันจึงนิ่ง เลิกขัดขืน ปล่อยให้น้ำตาของความเสียใจไหลออกมา
เผื่อว่าการนิ่งของฉันจะเรียกสติของมันได้บ้าง
ซึ่งได้ผล ช้างพลายถอนจูบออกและยื่นมือใหญ่มาเช็ดน้ำตาที่แก้มฉัน
“ร้องไห้ทำไม” สายตาช้างจับจ้องที่ใบหน้าของฉัน
“แล้วมึงกำลังทำอะไรล่ะ” ฉันถามกลับทั้งที่มันยังคงคร่อมฉันอยู่
“ก็ กู...รักมึง”
“...” ถึงกับอึ้งเมื่อช้างมันบอกว่ารักฉัน
จะใช่เหรอ คนอย่างมันไม่เคยแสดงออกสักครั้งว่ารักฉัน แล้วจะเป็นไปได้ยังไง
“กูรักมึง” ช้างย้ำอีกรอบ
“มึงเมา มึงเพ้อ” ฉันหาข้ออ้าง แม้เสี้ยวหนึ่งของใจจะดีใจมากมายเหลือเกินที่เขาบอกว่ารักฉัน แต่อีกเสี้ยวก็ยังไม่เข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่าง
คำว่ารักของผู้ชายคนนี้เชื่อได้จริงเหรอ
“กูรักมึงจริง ๆ นะ” ช้างพูดขณะที่ซบหน้าลงซอกคอของฉัน ฉันได้กลิ่นเหล้าขณะที่เขาหายใจรดต้นคอฉัน ความรู้สึกตอนที่เขาเป่ารดต้นคอทำฉันขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“อย่ามาโกหกกู ในเมื่อมึงยังมีแฟน” ถ้ารักฉัน แต่มีแฟน มันก็เหมือนฉันเป็นชู้ใช่ไหมล่ะ
“กูกำลังจะเลิกกันไง กูรักมึงนะ” ช้างพลายเริ่มไซ้ที่ต้นคอของฉัน ความวาบหวามที่ฉันเพิ่งจะเคยพานพบทำเอาขนตามร่างกายของฉันลุกไปทั้งตัว
คำว่ารักของเขาเชื่อได้ไหม ก็ไม่รู้
แต่ที่รู้ ๆ ฉันอยากจะเป็นของเขาหลังจากที่เขาบอกว่าจะเลิกกับแฟน