บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 งานเลี้ยงฉลอง

เวลาเย็นย่ำ หน้าประตูวังหลวงมีรถม้าจากหลากสกุลพากันทยอยเข้าเทียบ บรรดาขุนนางและฮูหยินต่างแต่งตัวมาเพียบพร้อม คุณหนูคุณชายทั้งหลายแม้จะมีเวลากระชั้นชิดแต่ก็สามารถรังสรรค์ความงามของตนเองออกมาได้อย่างดีเยี่ยมจนลานกว้างหน้าวังหลวงคล้ายกับสวนบุปผาของเหล่านางสวรรค์ก็ไม่ปาน

รถม้าของแม่ทัพอู๋ซานนั้นเป็นรถม้าคันใหญ่ที่สามารถนั่งได้ถึงแปดคน แผ่นไม้กระดานทำจากไม้หายากที่มักจะใช้เฉพาะเหล่าเชื้อพระวงศ์ กระนั้นเขาก็ไม่ได้สั่งให้ช่างฝีมือปิดทองลงไปเหมือนบรรดาญาติคนอื่น ๆ เพียงแต่ให้สลักลวดลายลงไปในเนื้อไม้เสียเลย พวกขุนนางมักจะนินทาเขาลับหลังว่ามีของดีแต่ไม่โอ้อวดแต่แม่ทัพอู๋ซานกลับคิดว่าดีแล้ว เขาไม่ต้องการโอ้อวดแต่ก็ไม่ต้องการให้ใครมองว่าตนเองเป็นพยัคฆ์หมอบจนสามารถเหยียบหัวได้ง่าย ๆ เช่นกัน

ซ่งฮูหยินลงจากรถม้าด้วยความช่วยเหลือของบุตรชาย นางยกยิ้มก่อนจะหันไปด้านใน “ลี่เอ๋อร์ ลงมาเถอะ”

หากคุณหนูพวกนั้นเมื่อครู่เรียกได้ว่างดงาม ตอนนี้พวกนางก็ไม่งดงามเสียแล้ว เพราะเซี่ยลี่เจินนั้นเป็นพญาหงส์ในหมู่หงส์อย่างแท้จริง

นางมีใบหน้ารูปไข่ที่เกลี้ยงเกลาไร้รอยแผลเป็นและไร้ฝ้าใฝใดๆ เรียวคิ้วของนางนั้นแม้จะไม่ใช่เรียวคิ้วโก่งอย่างคุณหนูพวกนั้นแต่ก็เป็นเรียวคิ้วอ่อนหวานที่รับกับใบหน้าได้เป็นอย่างดี ดวงตาดอกท้อสีดำขลับคู่นั้นของนางก็ช่างอ่อนหวานเสียจนทำเอาผู้คนเคลิบเคลิ้มหลงใหลอย่างยากจะถอนตัว ทั้งจมูกโด่งรั้นสีอ่อนและริมฝีปากอวบอิ่มที่เพียงแย้มยิ้มก็ราวกับจะปลิดหัวใจบุรุษให้ดับดิ้นอยู่แทบเท้านาง

เซี่ยลี่เจินในชุดตัวในสีเปลือกไข่สวมทับด้วยเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อนไล่สลับเข้มปักดิ้นเงินลายมัจฉามงคล เรือนผมสีดำสนิทรวบขึ้นเป็นทรงเมฆาคล้อยปักด้วยปิ่นหยกขาวเนื้อดีแกะสลักดอกโบตั๋นนั้นพาเอาคนนึกถึงคำบรรยายของไซซีขึ้นมาลาง ๆ หากจะพูดถึงเซี่ยลี่เจินในวันนี้ว่ามีความงามดุจดั่งมัจฉาจมวารีก็คงไม่เกินจริงนัก

เซี่ยลี่เจินอมยิ้มน้อย ๆ เดินตามครอบครัวเข้าไปภายในงาน ท่านแม่ทัพอู๋ซานทิ้งลูกชายคนที่สามไว้กับภรรยาและลูกสาวในขณะที่เขาพาลูกสี่ไปนั่งข้างฮ่องเต้ด้วยกัน งานเลี้ยงจอหงวนคนใหม่จะว่าสำคัญก็สำคัญ จะว่าไม่สำคัญก็ไม่สำคัญเพราะไม่ต้องรอให้ฮ่องเต้เสด็จ งานเลี้ยงก็ดำเนินไปแล้ว

เซี่ยลี่เจินนั่งกินขนมชิ้นเล็กอยู่กับมารดา กระทั่งยามซวี (19.00 – 20.59) เรียวคิ้วงามนั่นก็พลันขมวดเบา ๆ นางวางตะเกียบลง เอนกายไปหามารดาที่นั่งอยู่ด้านข้าง “ท่านแม่ ลูกขอไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะเจ้าคะ”

ซ่งฮูหยินพยักหน้ารับ เซี่ยลี่เจินถึงลุกออกไปจากงานพร้อมกับนางกำนัลของวังหลวง นางเดินมาถึงห้องแยกสำหรับแขกงานเลี้ยง เข้าไปปลดเบาและจัดแจงตนเองเสร็จเรียบร้อยก็ออกมาจากห้องนั้น นางกำนัลที่คอยนำทางหันมาหาอย่างลุกลี้ลุกลน

นางมองเซี่ยลี่เจินอย่างเกรง ๆ “องค์หญิงเพคะ หากหม่อมฉันจะขอไปเข้าห้องน้ำสักครู่จะได้ไหมเพคะ”

เซี่ยลี่เจินเป็นคนจิตใจดี นางพยักหน้ารับ “ไปเถอะ”

“ขอบพระทัยเพคะองค์หญิง หม่อมฉันจะรีบกลับมาเพคะ”

เซี่ยลี่เจินรอไปได้สักพักก็เริ่มรู้สึกคลื่นไส้ แต่แถวนี้ไม่มีน้ำชาให้นางดื่มล้างปากจึงตั้งใจจะเดินกลับไปที่งานเลี้ยง ทว่าภายใต้แสงไฟสลัวที่ประดับห่างกันทำเอานางไม่ค่อยมั่นใจนัก เซี่ยลี่เจินเดินวกไปวนมาก็ยังไม่เจองานเลี้ยง นางถอนหายใจ ตั้งใจจะเดินไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเห็นใครสักคนเดินผ่านมา ถึงตอนนั้นค่อยให้คนนั้นพานางกลับงานเลี้ยงก็ใช้ได้แล้ว

เซี่ยลี่เจินเดินอยู่ภายในวังหลวงอย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง ในตอนนั้นเองที่สายตานางเหลือบไปเห็นชายคนหนึ่งที่สวมใส่เสื้อผ้าเก่า สีซีด ซึ่งไม่เหมาะกับงานเลี้ยงในวังหลวงนี้แม้แต่น้อย ในมือถือถาดอาหารบางอย่างอยู่ เซี่ยลี่เจินยกยิ้มดีใจ พลางคิดว่าอาจจะเป็นบ่าวจากจวนขุนนางจวนใดจวนหนึ่งละมั้ง นางเดินไปใกล้แล้วเรียกตัวเขาไว้

“เจ้าน่ะ เจ้านั่นแหละ” นางรอกระทั่งชายคนนั้นหันหน้ามา

“ช่วยนำทางข้ากลับไปงานเลี้ยงได้หรือไม่”

ชายคนนั้นมองนางอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค้อมหัวลง “องค์หญิงเดินมาไกลแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ต้องเดินกลับไปแล้วเลี้ยวซ้ายจากนั้นเดินข้ามสะพานแล้วค่อยเลี้ยวเข้าประตูหัวกิเลนพ่ะย่ะค่ะ”

ทว่าเซี่ยลี่เจินกลับงุนงงกับคำบอกทางพวกนั้น นางกล่าว

“เจ้าไปเรียกสาวใช้มาให้ข้าแล้วกัน”

ชายคนนั้นยิ่งค้อมศีรษะต่ำกว่าเดิม “ขอประทานอภัยองค์หญิง แต่กระหม่อมไม่รู้จักสาวใช้ของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”

เซี่ยลี่เจินนิ่งอึ้งไป กระนั้นนางก็ไม่ยอมแพ้ “เจ้าไปเรียกสาวใช้หรือนางกำนัลสักคนมาให้ข้าก็ได้” นางไม่อาจกลับเข้างานไปพร้อมกับบ่าวชายได้จริง ๆ ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าท่านแม่จะตำหนิกิริยาไม่งามนี้ของนางกี่วันกี่คืนกัน

“ถ้าอย่างนั้นกระหม่อมคงต้องขอให้องค์หญิงยืนรอสักประเดี๋ยวพ่ะย่ะค่ะ” เขาชูถาดขึ้นมาให้นางเห็น “กระหม่อมต้องเอาถาดอาหารนี้ไปคืนให้ห้องครัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

“อ้อ เจ้าจะไปในครัวรึ” นางเดินเข้ามาใกล้ทันที

“ข้าไปด้วยแล้วกัน ข้าต้องการชาอุ่น ๆ ดื่มพอดี”

บ่าวชายไม่ได้ตอบรับในทันทีถึงแม้จะเป็นคำขององค์หญิง เขาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าให้นางและเดินนำไปเงียบ ๆ เซี่ยลี่เจินขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจนัก แต่ก็คิดว่าเพราะบ่าวคนนี้มักจะทำงานอยู่โรงครัวเลยไม่รู้ธรรมเนียมไปบ้าง ถึงนางจะไม่ใช่องค์หญิงที่ประสูติจากฮ่องเต้แต่ก็เป็นองค์หญิงที่เซี่ยเฉินแต่งตั้งด้วยตนเอง หากเป็นองค์หญิงองค์ชายคนอื่นเจ้าบ่าวไร้มารยาทนี่คงได้หัวหลุดจากบ่าไปแล้ว

ที่หน้าโรงครัวมีทั้งพ่อครัวและสาวใช้นางกำนัลเดินเข้าเดินออกให้วุ่นวายไปหมด นางเดินหลบไปด้านข้างพยายามไม่ขวางทางใคร สายตาก็มองตามแผ่นหลังของบ่าวชายคนนั้นที่หายลับเข้าไปก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับพ่อครัวใหญ่ที่เหงื่อแตกพลั่กทันทีที่ได้ยินนามของผู้มาเยือน

“กระหม่อมทำความเคารพองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ” พ่อครัวรีบคุกเข่าผายมือไปอีกทาง “เชิญองค์หญิงเสด็จห้องข้างเถิดพ่ะย่ะค่ะ ตรงนี้อากาศอบอ้าวเกรงว่าจะไม่ดีต่อพระวรกาย”

เซี่ยลี่เจินพยักหน้ารับ เดินตามพ่อครัวใหญ่เข้าห้องข้างไป นางนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ใหม่เอี่ยมพร้อมกับฟังประโยคประจบประแจงของพ่อครัวไปด้วย

พ่อครัวร่างใหญ่ถูมือเข้าด้วยกัน “หากองค์หญิงประสงค์สิ่งใดรับสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีทั้งหมูแดง หมูสวรรค์หรืออาหารจานอื่นที่องค์หญิงประสงค์ กระหม่อมจะรีบไปทำให้เดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”

พ่อครัวใหญ่พยายามอย่างยิ่งที่จะเอาใจองค์หญิงจนไม่ทันได้สังเกตสีหน้าผะอืดผะอมของเซี่ยลี่เจิน ชายที่นำทางองค์หญิงมาที่ห้องครัวซึ่งยืนอยู่ด้านหลังพ่อครัวเหลือบมองนางก่อนจะเอ่ย

“ท่านพ่อครัวใหญ่ ตัวข้าน้อยรู้สึกว่าองค์หญิงอาจจะไม่สบายท้อง อย่างไรท่านเตรียมน้ำแกงผักอุ่น ๆ ก็คงพอแล้วขอรับ” 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel