บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 หัวหน้าโจรไบยาตี เซอิด

ราตรีพร่างพรายด้วยประกายดาวเต็มท้องฟ้า ทะเลทรายที่ปกติเงียบสงัดกลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะครื้นเครงและเสียงชนแก้วในงานเลี้ยงระหว่างกลุ่มโจรไบยาดีและคณะบรรณาการจากเซฮารานที่มีทหารจากการ์ซิดเป็นผู้คุ้มกัน กระทั่งดวงจันทร์เสี้ยวที่ขอบฟ้าก็ยังส่งยิ้มมาราวกับอยากจะมาร่วมวงด้วย

ตำแหน่งประธานของงานเลี้ยงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหัวหน้าโจรหนุ่มรูปงามนามเซอิดกับเจ้าหญิงโฉมงามแห่งเซฮาราน ฝ่ายชายกำลังมองฝ่ายหญิงด้วยดวงตาเยิ้มปรือตามดีกรีและปริมาณเหล้าที่ดื่มเข้าไปจนลูกน้องโจรพากันส่ายหน้า ตอนแรกที่หัวหน้าพวกตนเรียกให้นำเหล้าชั้นดีที่เพิ่งจะปล้นได้เมื่อสามวันก่อนออกมากินกัน พวกลูกสมุนทั้งหลายก็เดาได้ไม่ยากว่าคงจะงัดกลเม็ดมอมเหล้าสาวงามออกมาใช้ แต่ใครจะคิดว่าหัวหน้าผู้ได้ชื่อว่าคอทองแดงที่สุดในกลุ่มโจรกับเจ้าหญิงผู้ดูอรชรอ้อนแอ้นคนนั้นดวลเหล้ากันมาครึ่งค่อนคืนก็ยังไม่มีท่าทีว่าฝ่ายไหนจะเพลี่ยงพล้ำ คราวนี้เซอิดเจอคู่ปรับที่สมส้ำสมเนื้อกันเสียแล้ว

"หัวหน้า เหล้าจะหมดแล้ว ข้าว่าแผนมอมเหล้าหญิงงามนี้ท่าทางจะไม่ได้ผล ว่าที่นายหญิงดูท่าจะคอแข็งสุดๆ เปลี่ยนแผนเหอะ" จาลละผู้เป็นลูกสมุนมือซ้ายกระซิบกระซาบขัดจังหวะจนโดนลูกถีบกระเด็นไปไกล

"เหล้าหมด พวกมึงก็ไปปล้นมาอีกสิวะ" เสียงเกือบจะอ้อแอ้ออกคำสั่ง

"แต่แถวนี้มันไม่มีขบวนสินค้าที่ไหนเดินทางผ่านนี่นาลูกพี่" จาลละท้วงเสียงอ่อย

ลาพิสหัวเราะขำกับท่าทางหงอๆ ของลูกน้องคนสนิทของ 'เพื่อนใหม่' ของหล่อน

"ที่บ้านข้ามีสำนวนที่ว่า ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา พวกเราพอแค่นี้เถอะเซอิด วันนี้ข้าสนุกมาก แต่พวกทหารของอุลลาต้องพักผ่อนบ้าง แค่นี้ท่านก็ทำเอาพวกข้าต้องเดินทางล่าช้าไปอีกวันแล้ว พวกเขาจะโดนเจ้านายดุเสียเปล่าๆ เอาไว้พบกันคราวหน้าให้ข้าเป็นฝ่ายเลี้ยงเหล้าท่านบ้างก็แล้วกัน" ลาพิสขยิบตาให้จอมโจรหนุ่ม มือซ้ายตีมือของอีกฝ่ายที่เลื้อยมาทำท่าจะโอบไหล่หล่อน ส่วนมือขวาจิ้มปลาดิบเข้าปาก อืม...ปลาคูวี่สีเงินนี่ช่างสมกับเป็นราชาแห่งปลาจริงๆ รสชาติหาใดเปรียบโดยแท้ เห็นทีก่อนกลับโลกหล่อนคงต้องหาวิธีเอาปลาพันธุ์นี้กลับไปด้วยซะแล้ว

เซอิดมองใบหน้าลาพิสที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับรสชาติของปลาดิบจนตาปรอย

"เจ้าไม่เปลี่ยนใจมาเป็นผู้หญิงของข้าหรือลาพิส" เสียงห้าวถามแหบพร่า มือใหญ่คว้ามือนุ่มนิ่มมากุมไว้

"เสียใจที่รัก ที่นี่ไม่ใช่ที่ของข้า" หล่อนแกล้งยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูอีกฝ่าย เล่นเอาโจรหนุ่มใจแกว่งไปชั่วขณะ แต่แล้วหล่อนก็หัวเราะชั่วร้ายบิดมืออีกฝ่ายไปไขว้หลังอย่างรวดเร็วจนเขาร้องจ๊าก

"ข้าบอกกี่ครั้งแล้วเซอิด ว่าข้าไม่ชอบโดนแต๊ะอั๋ง หากท่านยังคิดจะเป็นสหายกับข้าอยู่ก็โปรดท่องจำให้ขึ้นใจไว้ด้วย" หญิงสาวทรมานจอมโจรจนพอใจจึงปล่อยมือใหญ่ให้เป็นอิสระ กลับมานั่งกันปลาดิบของตนเองด้วยท่าทางสุขใจราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

เซอิดสะบัดแขนหน้ามุ่ย "แล้วที่ไหนเป็นที่ของเจ้ากัน ที่พระราชวังการ์ซิดอันโอ่โถงใหญ่โตแต่เหมือนอยู่ในคุกนั่นน่ะเหรอ" เขาถลึงตาถามด้วยเสียงเคืองๆ

"ฮะๆ ๆ ไม่ใช่หรอก ข้ามาจากสถานที่อันไกลโพ้น และข้ายังต้องกลับไปยังที่ๆ ข้าจากมาโดยเร็วที่สุด ท่านไม่เข้าใจหรอกว่าข้าหมายความว่าอย่างไร เอาเป็นว่าข้ากำลังอยู่ในระหว่างเดินทางพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศอยู่ก็แล้วกัน ถ้าเบื่อเมื่อไหร่ข้าก็จะกลับบ้าน" ลาพิสจิ้มปลาดิบชิ้นสุดท้ายเข้าปาก ลุกขึ้นยืนปิดปากหาวด้วยท่าทางเกียจคร้านแต่แสนเซ็กซี่ที่มักเป็นไปโดยไม่รู้ตัว

"ใช่ ข้าไม่เข้าใจหรอก แต่ข้าต้องทำให้เจ้าเปลี่ยนใจมาเป็นผู้หญิงของข้าให้ได้"

"คงอยากหน่อยนะ พยายามเข้าล่ะ" ลิพิสยิ้มขำก่อนจะเดินหายเข้าไปในกระโจมที่พวกทหารกางไว้ให้ใหม่หลังจากรู้ว่ายังไงคืนนี้ก็คงไม่ได้ออกเดินทางตามกำหนดแน่แล้ว

โจรหนุ่มผิวปากหวือ เอนตัวนอนหงายเอามือรองท้ายทอยมองท้องฟ้าที่มีดวงดาวพร่างพราย เขาไม่คิดว่าจะเอาชนะใจหญิงสาวแสนสวยในกระโจมได้โดยง่ายหรอก อะไรที่มันได้มาง่ายๆ มันก็ไม่ท้าทายน่ะสิ อีกอย่าง เขาไม่เชื่อหรอกว่านางจะเป็นเจ้าหญิงจริงๆ ผู้หญิงคนนี้มีกลิ่นอายโจรเช่นเดียวกับพวกเขา แค่เพียงนางปรายสายตาเย็นเยียบใส่ลูกน้องของเขา พวกมันก็กลัวกันหัวหดยิ่งกว่ากลัวเขาเสียอีก ใครจะไปเชื่อว่าเจ้าหญิงคนหนึ่งตายไปแล้วฟื้นขึ้นมาจะกลายเป็นนางโจรไปได้ แต่สายของเขาที่แฝงตัวเข้าไปดูพิธีชุบชีวิตเจ้าหญิงแห่งเซฮารานกลับยืนยันอย่างเชื่อมั่นว่านางตายแล้วฟื้นจริงแท้แน่นอน

เซอิดถอนหายใจ แรกเริ่มเดิมทีเขาตั้งใจว่าแค่อยากจะยลโฉมผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าตายแล้วฟื้นดูสักหน่อย ถ้านางสวยก็อาจจะจับไปขาย ไม่ก็เอามาให้พวกลูกน้องเล่นสนุกกันชั่วคราว แต่พอมาเจอตัวจริงกลับเป็นเขาเองที่ถูกหล่อนจับมาเล่นสนุกแทน หัวใจที่เคยมีอิสระดั่งนกทะเลทราย บัดนี้กลับรู้สึกหนักอึ้งจนไม่อาจจะโบยบินโลดแล่นไปตามกระแสลมแห่งทะเลทรายอีกต่อไป เขาไม่เคยถูกใจผู้หญิงคนไหนจนอยากเอามาร่วมชีวิตแบบนี้มาก่อน เห็นทีคราวนี้ไม่ว่านางจะเป็นเจ้าหญิงหรือนางโจร เขาก็คงตัดใจจากนางยากเสียแล้ว....

เย็นวันรุ่งขึ้นอุลลาก็ทำการส่งข่าวถึงผู้บังคับบัญชาไปกับนกฮุกฮรูถึงสาเหตุของความล่าช้าในการเกินทาง เขาแจ้งว่าได้เกิดการต่อสู้ปะทะกับกลุ่มโจรไบยาตี มีทหารเสียชีวิตแปดคน บาดเจ็บอีกเกือบสิบคน แต่เขาไม่อาจบอกรายละเอียดได้หมด เพราะคงไม่มีใครเชื่อว่าหลังจากนั้น เจ้าหญิงรัชทายาทแห่งเซฮารานจะกลายเป็นสหายกับกลุ่มโจรไบยาตีไปเสียแล้ว และตอนนี้นางก็กลายเป็นที่เคารพบูชาของทหารทั้งกองอีกด้วย ไม่ว่าใคร หลังจากที่เห็นฝีมือต่อสู้ที่น่ากลัวของนางก็พากันหวาดผวาจนยอมสยบแทบเท้าหล่อนไปหมด นี่ถ้าไม่มีเจ้าหญิงผู้เก่งกาจพระองค์นี้ ทหารและนางกำนัลในขบวนนี้คงจะจบชีวิตในมือโจรไปแล้ว และความจริงอันนี้เองที่ทำให้พวกเขาซาบซึ้งบุญคุณนางอย่างยิ่ง ตอนนี้ไม่ว่านางจะสั่งอะไรทุกคนก็พร้อมจะทำตามอย่างเต็มอกเต็มใจ

วันนี้ลาพิสสั่งให้ทหารจัดการกับศพของคนที่ตาย ส่วนคนที่บาดเจ็บก็ให้หมอชราเพียงหนึ่งเดียวในคณะทำการรักษา คนพวกนี้อึดใช่ย่อย ขนาดบาดเจ็บกันอยู่ก็ยังยืนกรานจะออกเดินทางกันต่อโดยไม่ยอมพักอีกสักสองสามวัน มันน่าชวนมาเข้าแก๊งมาเฟียของหล่อนจริงๆ

ความจริงออกเดินทางกันต่อก็ดีนะ เพราะหล่อนชักจะเบื่อโอเอซิสเล็กๆ นี่เต็มทีแล้ว จุดหมายต่อไปน่าจะเป็นเมืองใหญ่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของที่นี่ บ้านเมืองกับผู้คนที่มิตินี้จะเป็นยังไงบ้างน้า

อุลลาได้รับข่าวแจ้งกลับมาว่าจะมีกองกำลังเสริมรออยู่ที่เมืองที่พวกเขากำลังจะมุ่งหน้าไป เซอิดเลยทำเป็นใจดีว่าจะยกขบวนโจรตามไปคอยคุ้มกันจนกว่าจะใกล้ถึงเมืองข้างหน้า ทั้งๆ ที่พวกโจรไบยาตีเป็นโจรเพียงกลุ่มเดียวที่หาญกล้ามาต่อกรกับทหารการ์ซิดแท้ๆ อุลลาฟังข้ออ้างในการขอตามมาแล้วถึงกับส่ายหน้าเอือมระอา แต่เห็นเจ้าหญิงแห่งเซฮารานไม่ว่าอะไรก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม

ลาพิสรู้สึกตื่นเต้นสนุกสนานกับการขี่ตัวกีเซลเป็นครั้งแรกยิ่งนัก พวกมันตัวสูงพอๆ กับวัว นิสัยคล้ายม้า แต่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนหมาป่าขนฟูที่มีเขากวางอยู่บนหัว การขี่กีเซลของพวกโจรจะไม่ใช้อานรองนั่งต่างจากพวกทหาร ขนของกีเซลก็มีหลายสีเหมือนสีของหมาป่า กีเซลของเซอิดเป็นสีดำ หน้าโหดสมเป็นกีเซลของหัวหน้าโจร ส่วนตัวที่หล่อนกำลังหัดขี่เป็นกีเซลขนสีเทาธรรมดา หน้าตาก็แสนจะบ้องแบ๊ว ไม่ค่อยถูกใจหล่อนเท่าไหร่ แต่หัดขี่ใหม่ๆ เซอิดบอกว่าให้ขี่ตัวเชื่องๆ ไปก่อน ขี่คล่องเมื่อไหร่เขาจะหาตัวใหม่ที่ถูกใจหล่อนมาให้

เสียงหวานกังวานใสหัวเราะด้วยความสนุกเมื่อได้ควบกีเซลวิ่งเต็มเหยียดไปบนผืนทราย หล่อนเคยเป็นถึงแช้มป์ขี่ม้าผาดโผนตัวแทนโรงเรียนมัธยมอาร์เธมิสที่ชนะการแข่งขันมาแล้วทั่วโลก แต่ขี่หมา เอ๊ยกีเซลเนี่ย เพิ่งเคยขี่เป็นครั้งแรก รู้สึกว่ากีเซลจะหักเลี้ยวได้คล่องแคล่วและนิ่มนวลกว่าม้า แต่ก็ขี่ยากกว่าด้วย มันเหมาะจะเป็นพาหนะในการสู้รบจริงๆ

พอใกล้เขตเมือง กลุ่มโจรไบยาตีก็แยกตัวจากไป ก่อนไปเซอิดโยนแหวนให้ลาพิสวงหนึ่ง มันแกะจากหินสีดำมันวาว ตรงหัวแหวนแกะสลักเป็นรูปปีกนกฝังหินสีน้ำเงินอันเป็นสัญลักษณ์ของโจรไบยาตี เขาบอกให้หล่อนพกติดตัวไว้ จะทำให้ปลอดภัยจากโจรทั้งปวง และถ้าหล่อนเปลี่ยนใจอยากจะเป็นนายหญิงแห่งโจรเมื่อไหร่ก็ให้สวมมันไว้ที่นิ้วโป้งข้างขวา เขาจะมารับภายในสามวัน

ลาพิสรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่ได้ยินมาก เพราะนั่นแสดงว่าเซอิดจะต้องมีสายโจรอยู่ทุกที่จริงๆ ถึงกล้าบอกว่าจะมารับได้ภายในสามวันหลังจากหล่อนสวมแหวน

หลังจากพวกของเซอิดจากไปไม่นาน แสงแรกแห่งวันก็สว่างเรืองรองจับขอบฟ้า และขบวนบรรณาการจากเซฮารานก็มาถึงกำแพงสูงใหญ่ยาวสุดลูกหูลูกตาคล้ายกำแพงเมืองจีน ต่างกันก็เพียงกำแพงแห่งนี้สร้างจากหินสีน้ำเงินสดตัดกับสีเหลืองซีดของทะเลทราย

"ยินดีต้อนรับสู่การ์ซิดพระเจ้าค่ะ" นายกองอุลลาตวัดตัวลงจากหลังกีเซลมาคุกเข่าอยู่ข้างกีเซลของลาพิส

"หลังกำแพงนี่คือเขตแดนของการ์ซิดสินะ" ลาพิสถามเรียบๆ นึกอยากเห็นอีกฟากของกำแพงว่าจะเป็นยังไง

"ความจริงเราเข้าเขตแดนของการ์ซิดตั้งนานแล้วพระเจ้าค่ะ แต่กำแพงนี้เป็นแนวป้องกันเมืองเควเซียซึ่งเป็นเมืองสำคัญทางการค้าของเราพระเจ้าค่ะ เชิญองค์หญิงเสด็จลงจากหลังกีเซล เมืองนี้ไม่อนุญาตให้มีการขี่กีเซลภายในเมือง"

"อ้าวแล้วเกวียนพวกนี้จะทำยังไง"

"เกวียนเข้าไปได้แต่ต้องวิ่งไปตามถนนของเกวียนเท่านั้นพระเจ้าค่ะ"

"องค์หญิงเพคะ สวมผ้าคลุมหน้าสักหน่อยเถิด เพื่อความปลอดภัยของพระองค์เองเพคะ" พระพี่เลี้ยงเนรานเดินถือผ้าสีดำผืนยาวมาให้

ลาพิสเพียงแต่พยักหน้า ผ้าผืนนั้นก็ถูกบรรจงพันรอบศีรษะหล่อนจนโผล่มาแต่ดวงตา คล้ายสาวอาหรับ ความที่ภูมิอากาศของที่นี่เหมือนกับทะเลทรายที่โลก ผู้คนก็เลยแต่งตัวคล้ายกันไปด้วย ดูอย่างพวกโจรไบยาตีสิ นอกจากจะแต่งตัวรุ่มร่ามแล้วยังพันหัวจนเห็นแต่ลูกตา เซอิดบอกว่าพวกเขาจะเปิดผ้าคลุมหน้าให้เฉพาะสหายที่ไว้ใจได้ดูเท่านั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel