บทที่ 8 การกลั่นแกล้งในหมู่สาวงาม
แอมเบอร์วิ่งมาจนถึงห้องโถงงานเลี้ยง ภายในงานผู้คนกำลังมุงรอบหญิงงามผู้เคราะห์ร้ายที่กำลังร้องกรี๊ดๆ ด้วยความปวดแสบปวดร้อน แอมเบอร์กวาดตามองไปรอบตัว เห็นออลูนถูกมัดกองอยู่กับพื้นใกล้ๆ ที่เกิดเหตุ มีทหารหลายนายยืนคุมเชิงอยู่
ไม่ไกลจากออลูนมีชายวัยกลางคนสามคนยืนหน้าเครียดกำลังปรึกษากันอยู่ว่าจะเอายังไงดี ป่านนี้แล้วหมอก็ยังมาไม่ถึง หากแม่นางลอว์โรนซึ่งเป็นสาวงามเพียงคนเดียวในรอบหลายสิบปีที่ได้รับตราประทับมังกรเสียโฉมไป พวกมังกรต้องโกรธจัดแน่ ตอนนี้ใบหน้าและผิวหนังบริเวณหน้าอกของหล่อนที่ถูกลวกกำลังแดงเห่อ
แอมเบอร์ก้าวเข้าไปทำความเคารพชายสามคนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในงานเลี้ยงแล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงค่อนข้างดัง
“นายท่าน ข้ามีวิธีรักษาบาดแผลของคนถูกน้ำร้อนลวก หารรักษาได้อย่างรวดเร็วรับรองว่าผู้ถูกลวกจะไม่มีแผลเป็นหลงเหลือเลย โปรดให้ข้าทำการรักษาแม่นางลอว์โรนด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
ทุกคนในงานหันมามองแอมเบอร์เป็นตาเดียวกัน ทั้งห้องเงียบกริบขึ้นมาทันที หนึ่งในสามของชายวัยกลางคนกวาดตามองแอมเบอร์แล้วพยักหน้าเป็นการอนุญาต เขาแต่งชุดสีน้ำเงินสด ผมยาวถึงกลางหลังมัดรวบไว้อย่างเรียบร้อย ใบหน้าสุขุมเยือกเย็นและให้ความรู้สึกสูงส่งกว่าคนรอบข้าง
“หากเจ้ามีวิธีก็รีบลงมือเถิด แต่จำไว้ด้วยว่าหากเกิดความผิดพลาดในการรักษา เจ้าจะต้องรับผิดชอบต่อความผิดนั้น” เขากล่าวกับแอมเบอร์ต่อหน้าผู้คนทั้งห้อง
หญิงสาวพยักหน้า “ข้ายินดีรับผิดชอบหารรักษาไม่ได้ แต่หากข้ารักษาได้ท่านต้องรับปากว่าจะไม่ลงโทษคนงานคนนั้น” หล่อนชี้นิ้วไปยังออลูนที่นั่งร้องไห้ตัวสั่นอยู่ด้านข้าง
“ได้ ข้ารับปาก” เขากล่าวตอบ
แอมเบอร์รีบเข้าไปดูหญิงสาวที่ถูกน้ำร้อนลวกทันที หล่อนสั่งให้กั้นม่านบังตาและห้ามไม่ให้ผู้คนเข้ามาด้านในม่าน ยกเว้นคนสนิทของแม่หญิงลอว์โรนเพียงคนเดียวเท่านั้น แอมเบอร์สั่งให้คนสนิทช่วยหล่อนถอดเสื้อผ้าของเจ้านายตนตรงส่วนที่โดนน้ำร้อนลวกออกให้หมด จากนั้นหญิงสาวก็เช็ดทำความสะอาดบาดแผลแล้วเอาเนยที่หยิบมาจากห้องครัวพอกบริเวณที่ถูกลวกไว้จนทั่ว
“นี่คือยาอะไรหรือท่านยาย” ลอว์โรนถามด้วยความประหลาดใจเมื่อความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนบรรเทาลงแทบจะทันทีหลังจากทาเนยลงไป
แอมเบอร์ส่งยิ้มให้ลอว์โรน “ไม่ใช่ยาวิเศษอะไรหรอกจ้ะแม่หญิงคนงาม ก็แค่เนยธรรมดาเท่านั้นแหละจ้ะ ข้าชอบทำครัวมาตั้งแต่เด็กจึงถูกไฟลวกอยู่บ่อยๆ แต่ที่บ้านข้ามีเคล็ดลับแก้แผลไฟลวกแบบง่ายๆ ก็คือทันทีที่โดนลวกให้เอาเนยหรือน้ำมันอะไรก็ได้ทาแผลไว้ ยิ่งชุ่มยิ่งดี รับรองนอกจากจะหายปวดแสบปวดร้อนแล้วยังไม่มีรอยแผลเป็นหลงเหลือไว้อีกแม้แต่น้อย แม่นางวางใจได้ ข้ารับรองแม่นางจะไม่เสียโฉมเด็ดขาด”
ลอว์โรนและสาวใช้คนสนิทมองแอมเบอร์ด้วยสายตาซาบซึ้งขอบคุณ แอมเบอร์ลอบมองหญิงสาวที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสองสาวที่สวยที่สุดในกลุ่มหญิงสาวที่เป็นตัวแทนของทั้งทวีป แม่หญิงลอว์โรนเป็นหญิงสาวอายุประมาณสิบแปดสิบเก้าปีที่มีใบหน้าสวยน่ารักราวกับตุ๊กตาบาร์บี้ ผมดำสนิทหยักศกยาวเป็นมัน รูปร่างของหล่อนผอมบางแต่กลับมีหน้าอกที่ค่อนข้างใหญ่สะดุดตา ผิวพรรณก็ขาวสะอาดเกลี้ยงเกลา ที่หลังมือของหล่อนมีรอยเกล็ดมังกรจางๆ รูปร่างคล้ายกับรอยที่ต้นคอของแอมเบอร์ ต่างกันแค่ว่าของแอมเบอร์เป็นสีฟ้าจางๆ แต่ของลอว์โรนเป็นสีน้ำตาลเข้ม
แอมเบอร์เอาผ้าชุบน้ำมันเนยพันไว้ทั่วบริเวณบาดแผลของลอว์โรน จากนั้นก็สั่งให้คนสนิทของหล่อนแต่งตัวให้เจ้านายได้
“หายปวดแสบปวดร้อนเมื่อไหร่ท่านค่อยเอาผ้าที่พันไว้ออกได้เจ้าค่ะ” แอมเบอร์กล่าวกับลอว์โรน
หญิงสาวพยักหน้า “ยายชื่ออะไรจ๊ะ ขอบใจที่มาช่วยรักษาข้านะ เดี๋ยวข้าหายแล้วจะให้คนส่งของขวัญแสดงความขอบคุณไปให้”
“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ยายแค่ต้องการจะช่วยแม่หนูออลูนคนงานที่ทำน้ำร้อนหกรดแม่หญิงน่ะเจ้าค่ะ หากไม่ว่าอะไรยายขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” แอมเบอร์กล่าวลาพร้อมกับก้มหัวทำความเคารพหญิงสาวและก้าวออกจากม่านไป
ท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ หล่อนรู้สึกได้ถึงสายตาประสงค์ร้ายคู่หนึ่งจึงหันไปมอง หญิงสาวสบเข้ากับดวงตาดำขลับเย้ายวนของสาวงามนางหนึ่งที่กำลังจ้องมายังหล่อนอย่างไม่ปิดบังความเกลียดชัง เจ้าของสายตาเป็นหญิงสาวร่างอวบอิ่ม ใบหน้ารูปไข่สวยหวานสะกดสายตาคน แต่เสียอย่างเดียวคือหล่อนมีทีท่าทีเย่อหยิ่งอวดดีและถือตัวอย่างยิ่ง จึงทำให้ความน่ารักน่าทะนุถนอมถูกลดทอนลงไปอย่างมาก
แอมเบอร์ไม่รู้ว่าทำไมหญิงสาวคนนั้นถึงมองมาอย่างเป็นอริ หล่อนไม่เคยรู้จักหรือไปทำอะไรให้สักหน่อย เมื่อสนใจไปก็เท่านั้น หญิงสาวจึงเลิกสนใจ เดินไปยืนตรงหน้าชายวัยกลางคนทั้งสาม
“ข้ารักษาเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ข้าพาแม่หนูคนงานคนนี้ไปได้รึยังเจ้าคะ” หญิงสาวถามชายวัยกลางคนทั้งสาม
“ยังไปไม่ได้ เจ้าและเด็กคนงานคนนี้ต้องอยู่รอจนกว่าท่านหมอจะมาถึง และหลังจากท่านหมอตรวจแม่หญิงลอว์โรนเรียบร้อยแล้ว หากท่านหมอรับรองเจ้ากับนางถึงจะไปได้” ชายชุดน้ำเงินกล่าว
แอมเบอร์พยักหน้า เข้าใจดีในความไม่ไว้ใจของอีกฝ่าย หล่อนเดินไปนั่งเงียบๆ ข้างๆ ออลูนเพื่อรอท่านหมอมาถึง
ประมาณครึ่งชั่วโมงถัดมาท่านหมอใหญ่ประจำเมืองก็เดินทางมาถึงพร้อมกับล่วมยาและผู้ช่วยอีกสองคน ชายวัยกลางคนทั้งสามรีบเชิญท่านหมอให้เข้าไปตรวจสาวงามหลังม่านทันที พักเดียวท่านหมอก็กลับออกมาพร้อมใบหน้าฉงนสนเท่ห์และเอ่ยถามกับชายทั้งสามคนด้วยความสงสัย
“ดูแล้วไม่เห็นแม่นางจะมีบาดแผลน้ำร้อนลวกเลยนี่ขอรับนายท่าน พวกท่านเข้าใจผิดไปรึเปล่าขอรับ”
ทุกคนในที่นั้นได้แต่อ้าปากค้างกับคำถามของท่านหมอใหญ่ จากนั้นสายตาเป็นคำถามทั้งหลายก็พุ่งตรงมายังแอมเบอร์ที่นั่งทำหน้ายิ้มแย้มอยู่ที่พื้น
“จะเป็นไปได้อย่างไรกันท่านหมอ พวกข้าเห็นเองกับตาเลยว่านางถูกน้ำที่กำลังเดือดจัดลวกเอาน่ะ” ชายวัยกลางคนในชุดสีเทาดำกล่าวท้วงขึ้น
“แต่ข้าไม่เห็นว่าแม่นางคนนี้มีอาการบาดเจ็บใดๆ เลยนี่ขอรับ หรือว่ามีหมอเทวดาที่ไหนมารักษาอาการให้นางก่อนหน้าข้ากัน ฮะๆ ๆ” ท่านหมอกล่าวติดตลก แต่ไม่มีใครตลกไปด้วยสักคน
“เอ่อ ถ้าพวกท่านไม่มีคนไข้อื่นอีกแล้ว ข้าก็ขอตัวกลับไปดูแลร้านหมอของข้าต่อก็แล้วกันนะขอรับ” ท่านหมอชราขอตัวกลับเมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไร
“ข้ากับเด็กคนนี้ก็ไปได้แล้วเช่นกันสินะเจ้าคะ” แอมเบอร์กล่าวออกมาบ้าง
ทุกคนในงานได้แต่มองหล่อนยิ้มจูงออลูนเดินออกจากงานไปด้วยความทึ่ง หรือว่ายายแก่คนนี้จะเป็นหมอเทวดาจริงๆ กันนะ...
พอออกมาพ้นงานเลี้ยงแอมเบอร์ก็แก้เชือกให้ออลูน ทันทีที่หญิงสาวหลุดออกจากพันธนาการหล่อนก็โผมากอดแอมเบอร์แล้วร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งใจ
“ฮือๆ ขอบคุณยายมากเลย ถ้ายายไม่มาช่วย ป่านนี้ข้าคงถูกลงโทษโบยจนตายไปแล้ว” ออลูนเช็ดน้ำตากับอกเสื้อแอมเบอร์
“เฮ้อ เจ้าก็อย่าขี้แยน่า ไหนเล่าให้ข้าฟังซิว่าทำอีท่าไหนถึงได้ซุ่มซ่ามหาเรื่องใส่ตัวได้ขนาดนี้น่ะ” แอมเบอร์ตบหลังหญิงสาวเบาๆ
“ฮึก ๆ ข้าไม่ได้ซุ่มซ่ามนะยาย ข้าโดนนังสองพี่น้องมูสกับมิลขัดขาต่างหาก ฮือ ๆ ๆ” ออลูนเล่าพลางสะอึกสะอื้น
แอมเบอร์ขมวดคิ้ว “นึกแล้วเชียวว่ายายสองพี่น้องนี่ไม่ใช่คนดี ต่อไปเจ้าก็ระวังให้มากล่ะ อย่าไปใกล้พวกนางอีก ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงซะจะได้ไม่เกิดปํญหา”
“ฮึกๆ แต่ข้าแค้นพวกนางจัง ถ้าไม่ได้แก้แค้นข้าคงนอนไม่หลับ พวกนางทำเอาข้าเกือบตายเชียวนะยาย” ออลูนบ่น
“ตามใจเจ้า ระวังจะพลาดท่าหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวอีกล่ะ คราวหน้าข้าอาจจะช่วยเจ้าไม่ได้แล้วนะแม่หนู” แอมเบอร์ทำหน้าย่น ออลูนเป็นคนซื่อๆ จะไปสู้รบตบมือกับสองพี่น้องตัวร้ายนั่นไหวเร้อ หล่อนล่ะเป็นห่วงนัก
“เจ้าไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวข้าบอกพ่อบ้านแพรี่ให้”
“ขอบใจจ้ะยาย”
แอมเบอร์เดินกลับเข้าไปยังบริเวณแผนกทำครัว พวกคนงานครัวต่างเข้ามารุมล้อมและถามไถ่หล่อนด้วยความเป็นห่วง
“ยายเป็นยังไงบ้าง แล้วออลูนล่ะ” แม่ครัวใหญ่เข้ามาลูบหลังลูบไหล่หล่อน
“ข้าไม่เป็นอะไรหรอก แต่แม่หนูออลูนยังตกใจมาก ข้าเลยบอกให้นางไปพักผ่อน ท่านพ่อบ้านคงไม่ว่าอะไรนะเจ้าคะ” แอมเบอร์หันไปสบตาพ่อบ้านแพรี่ที่ยืนอยู่นอกวงล้อม แอบมองหล่อนด้วยความเป็นห่วง เขาเพียงพยักหน้าไม่ได้พูดอะไร
“โฮ้ย เมื่อกี้นี้ตอนที่ยายวิ่งแจ้นไปช่วยออลูนนะ ทำเหมือนเป็นสาวๆ เลยล่ะ ฮะๆ ๆ วิ่งเร็วมากเลย” คนงานหญิงคนหนึ่งแซวแอมเบอร์
หญิงสาวแอบเหงื่อตก รีบแก้ตัว “แหมก็ข้าตกใจนี่ ไม่เคยได้ยินเหรอว่าเวลาคนตกใจจะมีแรงเยอะกว่าปกติ แบบตาแก่คนหนึ่งเวลาไฟไหม้ยังตกใจแบกตุ่มใส่น้ำออกมาจากบ้านได้น่ะ ฮะๆ ๆ”
“อ๊ะ ที่ไหนเหรอ ข้าไม่เห็นเคยได้ยินเลย” คนงานคนนั้นทำหน้างง
“ทุกคนกลับไปทำงานได้แล้ว งานเลี้ยงยังไม่เลิก ไว้เสร็จงานแล้วพวกเจ้าค่อยคุยกัน” พ่อบ้านแพรี่เห็นว่าไม่มีอะไรแล้วจึงเอ่ยปากขัดการสนทนาของทุกคนและไล่ให้พวกเขากลับไปทำหน้าที่ของตนต่อ
ภายในงานเลี้ยง หลังจากแม่หญิงลอว์โรนผู้เคราะห์ร้ายขอตัวกลับไปพักรักษาตัวที่ห้องพักของตนแล้ว งานก็ดำเนินต่อไปจนจบแบบแกนๆ ผู้มีอำนาจทั้งหลายแม้จะโล่งอกที่หญิงสาวผู้มีตราประทับมังกรไม่เป็นอะไรมาก แต่ก็อดใจหายใจคว่ำกันไม่ได้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหล่อนเป็นอะไรไป มังกรผู้ทิ้งรอยประทับของตนไว้บนร่างหล่อนจะโกรธจัดขนาดไหน หากเกิดสงครามระหว่างมนุษย์และมังกรเพราะเรื่องในคราวนี้พวกเขาคงจะรับผิดชอบไม่ไหวเป็นแน่
กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็ดึกมากแล้ว แอมเบอร์ผู้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยแม่ครัวใหญ่รับอาสาดูแลความเรียบร้อยในครัวเป็นคนสุดท้าย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยหล่อนก็เดินบิดขี้เกียจกลับห้องพักตามลำพัง
ระหว่างทางขณะที่กำลังจะเดินเลี้ยวมุมตึกแห่งหนึ่ง หล่อนก็เห็นคนสองคนเดินแบบลับๆ ล่อๆ สวนเข้ามาโดยบังเอิญ นั่นมันมูสกับผู้หญิงของมังกรที่จ้องหล่อนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อในงานเลี้ยงไม่ใช่เหรอ ทำไมทั้งสองถึงเดินมาด้วยกันได้นะ แอมเบอร์หันซ้ายหันขวาหาทางหลบ ไม่อยากจะเผชิญหน้ากับคนที่เกลียดขี้หน้าตนทั้งสองคนพร้อมกันในเวลานี้ วันนี้หล่อนรู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าจะอยากลับฝีปากกับใครก่อนนอน หญิงสาวรีบหลบเข้าไปยืนแอบอยู่หลังม่านข้างแจกันใหญ่ หวังให้คนทั้งสองเดินผ่านไปก่อน แล้วหล่อนค่อยหลบกลับห้องตน แต่ใครจะคิดว่าแทนที่คนทั้งสองจะเดินผ่านไป ทั้งคู่กลับหยุดคุยกันตรงหน้าบริเวณที่หล่อนซ่อนตัวอยู่ซะอย่างนั้น