บท
ตั้งค่า

บทที่ 7

บทที่ 4

รีจินารอเวลานี้มานาน รอเวลาที่จะได้เหยียบย่ำอาณาจักรของดอนคาร์ลถึง 15 ปีเต็ม ซึ่งมันเป็นเวลาอันแสนทรมาน และเธอก็สั่งสมความคลั่งแค้นไว้แน่นคับอก ไม่มีวินาทีใดที่เธอจะไม่โกรธไม่เกลียดเจ้าพ่อผู้นี้

‘คฤหาสน์ใหญ่โอ่อ่าน่าดู แกคงใช้เงินสกปรกที่ได้มาท่ามกลางน้ำตาของคนบริสุทธิ์ มาสร้างวิมานบนดินให้กับตัวเองล่ะสิท่า’

รีจินากวาดสายตามองคฤหาสน์ใหญ่โตหลังงามบนพื้นที่นับสิบๆ ไร่ด้วยสายตาเหยียดหยาม

จู่ๆ ก็เกิดอาการรังเกียจขยะแขยง ไม่อยากแตะต้องทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในอาณาจักรของดอนคาร์ล เมื่อคิดว่าเงินที่อีกฝ่ายได้มานั้น มันต้องแลกด้วยเลือด และหยาดน้ำตาของคนบริสุทธิ์นับร้อยนับพันคน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีพ่อแม่และพี่ชายของเธอรวมอยู่ด้วย

“คุณราเนีย รออยู่ตรงนี้ก่อน ผมจะไปบอกลุงแลนโดสว่าคุณมาถึงแล้ว”

โจวานเซซึ่งเป็นลูกน้องของแลนโดส และเป็นอีกหนึ่งบอร์ดี้การ์ดของดอนคาร์ล เอ่ยบอกกับหญิงสาวผู้อ้างตัวว่าเป็นแม่ครัวที่แลนโดสได้ว่าจ้างมา

ก่อนจะเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์ เพื่อแจ้งให้หัวหน้าของตนเองทราบการมาถึงของแม่ครัวหัวป่า บอร์ดี้การ์ดหนุ่มก็หรี่ตามองสาวสวยตรงหน้า ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าไม่เชื่อสักเท่าไร ว่าอีกฝ่ายจะทำอาหารเป็นและทำได้อร่อย เพราะดูจากรูปร่างดูอรชรอ้อนแอ้น ผิวพรรณยองใยชวนพิศชวนหลงใหลแล้ว หญิงสาวผู้นี้สมควรจะเป็นดารานางแบบมากกว่าการเป็นนางซินเฝ้าโยงอยู่แต่ในห้องครัว

“เชิญตามสบายค่ะเอ่อ...คุณ...”

รีจินาเอ่ยตอบเสียงหวาน พร้อมกับแกล้งชม้ายชายตาหวานฉ่ำ เป็นดั่งบ่วงแร้วดักล่อให้บอร์ดี้การ์ดผู้นี้ลุ่มหลงอยู่ในวังวนของเธอ เผื่อว่าวันข้างหน้าชายคนนี้อาจจะมีประโยชน์ต่อรูปงานของเธอ

บอร์ดี้การ์ดหนุ่มที่มากประสบการณ์เรื่องรบ ทว่าอ่อนซ้อมในเรื่องมารยาหญิง ถึงกับเคลิ้มใจสั่นไปกับรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจ และน้ำเสียงหวานๆ ที่เอ่ยถามตนเอง

“ผมชื่อโจวานเซครับ จะเรียกว่าโจเฉยๆ ก็ได้ครับคุณราเนีย”

เจ้าของชื่อรีบเอ่ยตอบรัวเร็วแทบไม่ได้หายใจ พลางฉีกยิ้มกว้างเป็นการผูกมิตรไมตรีกับสาวสวยที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“ค่ะคุณโจ คุณเองก็ต้องเรียกราเนียเฉยๆ นะคะ ไม่ต้องมีคำว่าคุณ นำหน้าก็ได้ค่ะ”

รีจินาหยอดคำหวานอีกครั้ง พลางยิ้มเยาะบอร์ดี้การ์ดผู้นี้อยู่ในใจ

‘ยิ้มไปเถอะนายโจวานเซ ต่อไปนายจะเป็นสะพาน ที่ฉันใช้เหยียบย่ำไปจัดการลากคอเจ้านายของแกให้ไปยังยมโลก’

“ครับผม ต่อไปผมจะเรียกคุณว่าราเนียนะครับ คุณสวยน่ารักมาก สง่างามเหมือนเจ้าหญิง สมแล้วที่ถูกตั้งชื่อว่าราเนีย”

คนที่เก็บอาการปลื้มไว้ไม่อยู่ และเริ่มเคลิบเคลิ้มกับความสวยพิศชวนหลงใหล ถึงกับออกปากชมไม่ได้หยุด ไม่รู้สักนิดว่าตนเองนั้นกำลังถูกรีจินาใช้เป็นเครื่องมือในการเล่นงานดอนคาร์ลผู้ยิ่งใหญ่

รีจินายิ้มบางๆ ตรงมุมปาก ซึ่งหากโจวานเซไม่มัวแต่หลงใหลไปกับรอยยิ้มหวานๆ และสังเกตสังกาสักนิด ก็จะเห็นว่ารอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความเยาะหยันในคำพูดของเขา

‘ใช่แล้วโจ รีจินาและราเนีย แปลว่าราชินี และราชินีคนนี้นี่แหละ ที่จะทำให้เจ้าพ่ออย่างดอนคาร์ลรู้จักกับคำว่าเจ็บปวดบ้าง’

“แหม! คุณโจก็ชมซะราเนียตัวลอยเลยนะคะ”

รีจินาแกล้งต่อว่าเสียงหวานหยด ทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้สีขาวสะอาดตรงบริเวณสนามหญ้า ก่อนจะเอ่ยพูดต่อด้วยน้ำเสียงหวานๆ ไม่แพ้ครั้งแรก

“เดี๋ยวราเนียนั่งรออยู่ตรงนี้นะคะคุณโจ”

“ครับผม รอสักครู่นะครับ ผมจะรีบไปบอกคุณแลนโดสเดี๋ยวนี้แหละครับ”

ขณะเดินเร็วๆ เกือบเป็นวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์ บอร์ดี้การ์ดหนุ่มก็แอบเอามือกุมหัวใจที่เต้นตึกตักรัวเร็วของตนเองไว้ ยอมรับเต็มปากเต็มคำว่าเกิดมาไม่เคยพบหญิงไหนที่น่ารัก และชวนให้หลงใหลเช่นหญิงสาวที่ชื่อราเนียมาก่อน

“ฮึ! ผู้ชาย! ร้อยทั้งร้อย ลุ่มหลง ตกอยู่ในบ่วงของรอยยิ้มหวาน และเรือนกายงดงามที่เป็นรูปทรัพย์ภายนอก หากฉันอ้วนเป็นตุ่มขนาดน้องๆ ช้าง พวกแกจะยอมเสวนาผูกมิตรไมตรีกับฉันไหม?”

รีจินาเอ่ยลอยๆ ด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน เมื่อโจวานเซเดินพ้นอาณาบริเวณที่จะได้ยินถ้อยคำของเธอแล้ว

โจวานเซไม่ใช่คนแรกที่หลงใหลละเมอเพ้อพกกับความงดงามของเธอ และไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้รับการปฏิบัติจากบรรดาสุภาพบุรุษทั้งหลายเฉกเช่นที่โจวานเซปฏิบัติต่อเธอ

เพราะในสถานที่ทำงาน เธอก็เจอเหตุการณ์เช่นนี้ตลอดเวลา นายตำรวจทุกนายไม่ได้ชื่นชมผลงานของเธอ แต่พวกเขากลับชื่นชมนิยมชมชอบในความสวย ความงามของเธอแทน ซึ่งเธอคิดว่าบางทีรูปทรัพย์อันงดงามชวนพิศมันเป็นเหมือนดาบสองคม

ในขณะที่มันสามารถทำให้งานของเธอเดินได้คล่องเหมือนเฉกเช่นในวันนี้และในขณะนี้ แต่บางครั้งมันก็ทำให้เธอถูกเพื่อนร่วมงานครหาเอาเช่นเดียวกัน เพราะมีเพื่อนร่วมงานผู้หญิงบางคนทั้งเกลียดและอิจฉา พูดกันลับหลังว่าเธอใช้ความสวยความงามในการไต่เต้าจนได้ยศร้อยตำรวจเอกหญิง ภายในระยะเวลาไม่นาน

ผู้ปลอมตัวเป็นแม่ครัวหัวป่านั่งรออยู่ตรงสนามหญ้าไม่ถึงสิบนาทีดี ก็เห็นร่างใหญ่โตราวกับยักษ์ปักหลั่นของบอร์ดี้การ์ดอีกคนในชุดสีดำสนิท ซึ่งเธอเดาว่าคงเป็นคนที่โจวานเซบอกว่าชื่อแลนโดส เดินอาดๆ ตีสีหน้าเรียบเฉยตรงมายังบริเวณที่เธอนั่งอยู่

“คุณคือคุณราเนียที่จะมาเป็นแม่ครัวที่นี่ยังงั้นหรือ”

มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง หัวหน้าบอร์ดี้การ์ดอย่างแลนโดสก็กระทู้ถามหญิงสาวที่รีบผุดลุกขึ้นยืนด้วยน้ำเสียงห้าวทุ้มราบเรียบ

ขณะเดียวกันดวงตาของบอร์ดี้การ์ดผู้มากประสบการณ์เรื่องการฆ่าคน ก็กวาดสายตามองผู้ที่จะมาเป็นแม่ครัว ตั้งแต่หัวจรดเท้า ซึ่งดวงตาสีสนิมทั้งคู่นั้นมีอาการไม่ต่างจากโจวานเซจ้องมองรีจินาในก่อนหน้านี้ เพราะแลนโดสเองก็ไม่เชื่อว่าหญิงสาวที่มีเรือนร่างอรชรบอบบาง นิ้วมือเรียวยาวดุจลำเทียนดูเปราะบางราวกับกระเบื้องแก้ว จะกล้าหยิบจับอุปกรณ์ทำครัวให้มือแตกด้าน

รีจินาลอบถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เมื่ออ่านสายตาของชายผู้นี้ออก อีกคนแล้วสินะ ที่คิดว่าผู้หญิงสมัยใหม่อย่างเธอจะทำอาหารไม่เป็น

“สวัสดีค่ะ ดิฉันราเนีย โชติกานต์ค่ะ มาจากสถาบันอาหารไทยที่คุณติดต่อไปค่ะ”

ผู้กองหญิงในคราบของแม่ครัว เลี่ยงการใช้ชื่อจริงและนามสกุลของบิดาที่เป็นชาวอิตาเลี่ยนแท้ หญิงสาวเลือกใช้ชื่อเล่นและนามสกุลของมารดาเป็นการแนะนำตัวเอง เพราะเธอ

มั่นใจว่าคงไม่มีใครรู้จักราเนีย โชติกานต์ อย่างแน่นอน

แลนโดสตีสีหน้าผิดหวังให้เห็นทันที เมื่อได้ยินได้รู้ว่าหญิงสาวแสนงดงามซึ่งยืนอยู่ตรงหน้า แนะนำให้รู้ว่าตัวเธอนั้นมาจากสถาบันการสอนอาหารไทย ที่เขาติดต่อไป

“ผมนึกว่าคุณจะอายุเยอะกว่านี้เสียอีก อายุน้อย ท่าทางยังละอ่อนแบบนี้ คุณจะทำอาหารเป็นหรือ ใบประกาศที่ได้มา เธอซื้อมาหรือเปล่า”

‘ฮึ! ยังละอ่อน ขอโทษ ฉันอายุ 25 ปี และมียศร้อยตำรวจเอกหญิงประดับนำหน้าชื่อด้วย’

ผู้หญิงส่วนมาก หากมีคนชมว่าหน้าเด็กกว่า ดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริง คงพากันร้องกรี๊ดด้วยความดีอกดีใจ แต่รีจินาผิดแผกไปจากผู้หญิงเหล่านั้นมาก เธอไม่เคยยินดีหรือปลาบปลื้มไปกับคำชมประจบสอพลอ ซึ่งเป็นดั่งยาพิษหลุดออกมาจากปากของบุรุษเพศ

“ดิฉันทำอาหารเป็นและอร่อยมากด้วยค่ะ ส่วนเรื่องที่ว่าซื้อใบประกาศมานั้น คุณหมดห่วงได้เลยค่ะ ดิฉันไม่ทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน”

‘ท่านผู้บังคับการเลสซันโดรต่างหาก ที่เป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้’

รีจินาไม่ถือว่าตัวเองเป็นคนโกหก เพราะเธอไม่ได้ซื้อใบประกาศจากสถาบันสอนอาหารไทย ที่ยืนยันการันตีว่าเธอนั้นเรียนจบมาจากสถาบันดังกล่าว เพราะเรื่องใบประกาศและเรื่องการเปิดทางส่งเธอมายังเกาะซิซิลี ท่านผู้บังคับการซึ่งมีลูกน้องคอยช่วยเหลือ เป็นแขนเป็นขาให้มากมาย เป็นคนจัดการเรื่องใบประกาศที่ว่าให้กับเธอ

“ผมชื่อแลนโดส เป็นหัวหน้าบอร์ดี้การ์ดของที่นี่”

แลนโดสเอ่ยแนะนำตัวเสียงเข้มเป็นการข่มแม่ครัวสาวไปในตัว ก่อนจะเอ่ยสบประมาทแม่ครัวสาวแสนสวยที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“เดี๋ยวก็รู้ว่าคุณเก่งแต่ปากหรือเปล่า และจะได้เป็นแม่ครัวในคฤหาสน์มาโก้ร์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับฝีมือการปรุงอาหารของคุณ ดอนคาร์ลเจ้าของคฤหาสน์กลับมาทานมื้อค่ำที่บ้านทุกวัน คุณต้องแสดงฝีมือทำอาหารไทยตามต้นตำรับให้ดอนได้รับประทาน ซึ่งดอนจะเป็นคนตัดสินชะตาชีวิตของคุณเองว่า ฝีมือการทำอาหารของคุณจะผ่านหรือเปล่า ซึ่งหากรสชาติอาหารที่คุณปรุงแต่งนั้นไม่ได้เรื่อง ไม่สมกับที่ได้รับใบประกาศมาจากสถาบันสอนอาหารไทย คุณก็เก็บกระเป๋ากลับบ้านได้เลย”

“เดี๋ยวก็รู้ว่าดอนของคุณพึงพอใจฝีมือการทำอาหารของดิฉันหรือเปล่า”

รีจินาแย้มยิ้มบางๆ ตรงมุมปาก ไม่ยกยอตัวเองไปมากกว่านี้ สู้ไว้ให้ดอนคาร์ลได้พิสูจน์ด้วยตนเองเสียจะดีกว่า

“ว่าแต่ครัวของเจ้านายคุณเถอะคะ มีอาหารสด มีเครื่องปรุงครบถ้วนให้ดิฉันแสดงฝีมือหรือเปล่า เพราะต่อให้แม่ครัวเก่งเลิศเพียงใด แต่องค์ประกอบไม่ครบถ้วน ก็ไม่สามารถทำ

อาหารออกมาได้อร่อยเช่นเดียวกันค่ะ”

“มาทางนี้สิคุณราเนีย”

แลนโดสเอ่ยบอกสั้นๆ ก่อนจะเดินนำไปทางด้านหลังคฤหาสน์ ซึ่งมีการทำห้องครัวแยกจากตัวคฤหาสน์ เพื่อไม่ให้กลิ่นควัน กลิ่นอาหารที่ปรุงแต่งในแต่ละมื้อ ลอยเข้าไปตลบอบอวลอยู่ในตัวบ้าน

ในขณะเดินตามหัวหน้าบอร์ดี้การ์ดที่แนะนำตัวว่าชื่อแลนโดส ผู้กองสาวที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นดอนคาร์ล ก็พยายามกวาดสายตาเก็บรายละเอียดของอาณาบริเวณคฤหาสน์มาโก้ร์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เมื่อก้าวตามแลนโดสเข้าไปในห้องครัวอันกว้างใหญ่ ก็อดทึ่งไม่ได้เมื่อเห็นห้องครัวอันทันสมัยมีอุปกรณ์ทำครัวอย่างครบครัน

“สิ่งที่เธอต้องการอยู่ในนี้ทั้งหมดแล้วคุณราเนีย”

มือใหญ่ของแลนโดสเปิดตู้เย็นขนาดใหญ่ออกกว้าง เผยให้เห็นอาหารสด ผักสดและวัตถุดิบในการปรุงอาหารอันเลิศรสอัดแน่นอยู่ภายในตู้เย็นขนาดใหญ่หลังนี้

“แบบนี้ก็น่าลุ้นนะคะคุณแลนโดส”

รีจินาเอ่ยยิ้มๆ แต่ใบหน้างามและดวงตาคู่สวยสีฟ้าอ่อนใสหาได้แย้มยิ้มตามน้ำเสียงที่เอ่ยพูดออกไปไม่ เธอเดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนที่แขวนไว้ตรงฝาผนังมาสวมด้วยกริยาทะมัด

ทะแมง จากนั้นก็ทยอยหยิบจับอาหารสดออกมาจากตู้เย็น โดยไม่ลืมถามหัวหน้าบอร์ดี้การ์ดที่ยืนตีสีหน้าเรียบเฉยอยู่ใกล้ๆ ตัวเธอ

“เจ้านายของคุณจะกลับมาทานมื้อค่ำตอนกี่โมงคะคุณแลนโดส”

“หนึ่งทุ่มตรง”

ผู้ถูกเอ่ยถามหลุดปากตอบสั้นๆ พลางยืนกอดอกมองแม่ครัวสาวหยิบโน่นหยิบนี่มาวางบนโต๊ะด้วยท่าทางคล่องแคล่ว

“โอเคค่ะ ดิฉันจะตั้งโต๊ะก่อนหน้านั้นสักสิบนาทีนะคะ”

รีจินาเอ่ยตอบโดยไม่ได้หันมามองแลนโดสและโจวานเซ ที่เดินตามเข้ามาในห้องครัวด้วย หญิงสาวมุ่งความสนใจอยู่กับวัตถุดิบในการปรุงแต่งอาหารสำหรับมื้อค่ำ ซึ่งเป็นมื้อที่จะพิสูจน์ฝีมือ และตัดสินว่าเธอจะได้ทำงานอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ต่อหรือเปล่า

“หนึ่งทุ่มตรงนะคุณราเนีย อย่าผิดเวลาแม้แต่นาทีเดียว เพราะดอนเกลียดคนที่ไม่ตรงต่อเวลาที่สุด”

‘ดิฉันก็เกลียดคนที่ดีแต่ออกคำสั่ง เหมือนเจ้านายของคุณเช่นเดียวกัน’

รีจินาอยากตะโกนตอบเฉกเช่นที่ตอบอยู่ในใจ ทว่าถ้อยคำที่เธอสามารถตอบได้ในขณะนี้กลับตรงกันข้ามที่หัวสมองกำลังนึกคิด

“หนึ่งทุ่มตรง ดอนคาร์ล ต้องได้รับประทานอาหารไทยเลิศรสอย่างแน่นอนค่ะ”

“ดี! อาชีพแม่ครัวของเธอขึ้นอยู่กับอาหารมื้อนี้นี่แหละคุณราเนีย”

แลนโดสตอบเสียงเข้ม ออกจะสะดุดหูอยู่มาก ตอนแม่ครัวสาวผู้นี้เอ่ยเรียกชื่อเจ้านายของตนเอง เพราะน้ำเสียงนั้นฟังดูเคียดแค้นเกลียดชังระคนเจ็บปวดจนเขารู้สึกได้

และมีอีกสิ่งหนึ่งที่สะดุดใจเขาอยู่ไม่น้อย นั่นก็คือดวงตาสีฟ้าอ่อนใสของหญิงสาว ที่เขารู้สึกคุ้นๆ ราวกับเคยเห็นดวงตาคู่นี้มาก่อน แต่ทว่าหัวสมองเขาไม่ยอมทำงาน นึกคิดไม่ออกสักทีว่าเคยเห็นดวงตาคู่นี้จากที่ใดกัน

ผู้กองสาวแห่งหน่วยสืบสวนกลางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำเป็นตั้งหน้าตั้งตาเตรียมทำอาหารมือเด็ดให้ผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์รับประทาน

แต่พอหัวหน้าบอร์ดี้การ์ดและโจวานเซเดินออกไปจากห้องครัวอันกว้างใหญ่แล้ว เธอก็รีบวางมีดในมือลงทันที จากนั้นก็เดินไปมองตรงช่องประตู พอมันใจว่าแลนโดสและโจวานเซ เดินลับหายเข้าไปในคฤหาสน์หรูแล้ว ก็ติดต่อหาท่านผู้บังคับการเลสซันโดรเป็นการด่วน ก่อนที่เวลาทองของเธอจะหมดลงไป

“ท่านผู้การคะ ราเนียเข้ามาในคฤหาสน์มาโก้ร์ได้แล้วนะคะ”

รีจินากรอกเสียงรายงานกับผู้บังคับบัญชา ผ่านเครื่องมือสื่อสารอันล้ำสมัย ที่ท่านผู้บังคับการเลสซันโดรมอบไว้ให้กับเธอ

“ดีมากราเนีย ระวังตัวด้วยนะ”

ผู้บังคับบัญชาสูงสุดแห่งหน่วยสืบสวนกลางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เอ่ยเตือนผู้กองสาว พอยินน้ำเสียงของอีกฝ่ายที่บ่งบอกว่ายังปลอดภัยดี ก็ถึงกับถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก

“ค่ะท่านผู้การ ราเนียจะระวังตัวที่สุด เลิกการติดต่อแค่นี่นะคะ ถ้ามีโอกาสคืนนี้ราเนียจะลองสำรวจรอบๆคฤหาสน์ของดอนคาร์ลอีกครั้งค่ะ”

รายงานความเคลื่อนไหว พร้อมเอ่ยบอกแผนการที่จะทำในค่ำคืนนี้ให้ผู้บังคับบัญชาทราบเรียบร้อยแล้ว รีจินาก็กดตัดสัญญาณการสื่อสารทันที จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์เครื่องเล็กไว้อย่างมิดชิด ก่อนจะนั่งมองวัตถุดิบที่วางแอ้งแม้งอยู่บนโต๊ะขนาดใหญ่กลางห้องครัวอย่างคิดไม่ตก ว่าจะทำอะไรให้ดอนคาร์ลผู้ใจร้ายรับประทาน จนเกิดความประทับใจและยอมรับเธอเข้าทำงานในคฤหาสน์แห่งนี้ เพื่อที่เธอจะได้ตลบหลังเชือดคอเจ้าของคฤหาสน์ให้สิ้นชื่อเช่นเดียว

กันกับพี่ชายของเธอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel