บทที่ 6
และเมื่อแผนการสั่งสอนแกะดำทั้งสองเป็นที่ชัดเจนแน่ชัดแล้ว ดอนคาร์ลก็หันมาให้ความสนใจอาหารตรงหน้าบ้าง ซึ่งแลนโดสเองก็รีบอำนวยความสะดวกเลื่อนจานอาหารมาใกล้ๆ กับเจ้านายหนุ่ม พร้อมกับเอ่ยชวนให้ลิ้มลองอาหารสีสันน่ารับประทาน
“ดอนลองทานปลาทับทิมสามรสดูนะครับ วันนี้ชินหย่างบอกผมว่าเธอทำตามสูตรตำรับอาหารไทยเลยนะครับ”
ชินหย่างคือแม่ครัวชาวจีนวัยห้าสิบปีเศษคนล่าสุด ที่แลนโดสจ้างให้มาเป็นแม่ครัวประจำคฤหาสน์มาโก้ร์ ซึ่งแม่ครัวคนนี้ยืนยันว่าตนเองนั้นทำอาหารไทยได้อร่อยไม่แพ้เจ้าตำรับเลยทีเดียว
“แม่ครัวของนายกางตำราทำอีกแล้วหรือแลนโดส”
ดอนคาร์ลถามเสียงเนือยๆ พร้อมกับตักอาหารตรงหน้าส่งเข้าปาก แต่พอปลายลิ้นแตะสัมผัสกับอาหารไทยสีสันน่ารับประทาน แต่ทว่ารสชาติไม่ได้เรื่อง ดอนหนุ่มก็ถึงกับทิ้งช้อนลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดัง แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องอาหารทันที ใบหน้าคมเข้มนั้นบูดบึ้ง หงุด
หงิดใจอยู่ไม่น้อย ที่ต้องมาทนนั่งกล้ำกลืนฝืนกินอาหารสุดห่วยที่แม่ครัวของที่นี่ได้ลงมือปรุงแต่งให้เขากิน
แลนโดสรีบเดินเป็นวิ่งตามดอนหนุ่มไป รู้ว่าอีกฝ่ายคงหงุดหงิดอารมณ์เสียมาก กับการรับประทานอาหารไทยที่ไมใช่ฝีมือของชาวไทยแท้เป็นผู้ปรุงแต่งขึ้นมา แม่ครัวของคฤหาสน์เป็นชาวจีนที่พอทำอาหารไทยได้บ้าง แต่แค่บางรายการที่ทำง่ายๆ ใช้เครื่องปรุงไม่มากสักเท่าไร ถ้าหากเป็นอาหารไทยตามต้นตำรับไทยแท้ล่ะก็ แม่ครัวคนนี้ก็ขอโบกมือลา เพราะนางทำอาหารไทยไม่เก่งและไม่อร่อยเอาเสียเลย
“เอ่อ...ดอนครับ อาหารไม่อร่อยเลยหรือครับ”
ผู้เป็นลูกน้องหลุดปากเอ่ยถามไม่เต็มเสียงนัก แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อถูกดอนหนุ่มตวาดลั่นด้วยความโมโห เมื่ออาหารที่เขาตั้งใจจะรับประทานเพื่อดับความหิวกระหาย กลับมีรสชาติไม่ได้เรื่อง
“เออสิวะ! กับข้าวที่ตั้งเด่นอยู่บนโต๊ะอาหารอยู่ห่างไกลจากคำว่าอร่อยมาก และไอ้ที่นายบอกว่าสามรสนั้น เรากินแล้วมันมีแต่รสหวานแค่เพียงอย่างเดียว นายช่วยกรุณากำจัดอาหารที่อยู่บนโต๊ะให้พ้นหูพ้นตาเราด้วย”
ดอนคาร์ลทั้งหงุดหงิดทั้งโมโห ที่ลูกน้องมือขวา ซึ่งยืนหน้าซีดอยู่ตรงหน้าตนเอง ยังเฟ้นหาแม่ครัวคนใหม่ที่เป็นคนไทย และสามารถทำอาหารไทยได้อร่อยถูกลิ้น ไม่ได้สักที
“ดอนครับ ทนอีกแค่วันเดียวนะครับ พรุ่งนี้แม่ครัวคนใหม่ก็เดินทางมาถึงแล้วครับ”
แลนโดสพยายามเอ่ยบอกให้ดอนหนุ่มคลายความโมโหหิว ด้วยเหตุที่ว่าดอนคาร์ลมีคุณย่าเป็นคนไทย ดอนหนุ่มจึงติดรับประทานอาหารไทยเช่นเดียวกับคุณย่า
แต่แม่ครัวที่เขาเฟ้นหามากี่คนต่อกี่คน ก็ไม่มีใครทำอาหารไทยที่มีรสชาติถูกปากถูกใจดอนคาร์ลได้ ซึ่งเขาได้แต่ภาวนาว่าแม่ครัวคนนี้ จะทำอาหารไทยได้ตามต้นตำรับและถูกปากของดอนคาร์ล ไม่ยังงั้นแล้วเขาคงต้องปวดหัวเรื่องการเฟ้นหาแม่ครัวรายอื่นต่อไป ซึ่งเป็นปัญหาหนักใจเสียยิ่งกว่าการสั่งสอนโซลิโฟและเดอริโก้เสียอีก
“แม่ครัวที่นายหามาเป็นคนไทยหรือเปล่า”
ดอนคาร์ลถามราบเรียบ อยากรับประทานอาหารไทย ที่เป็นฝีมือคนไทยแท้ๆ ปรุงแต่งอาหารทุกอย่างด้วยวัตถุดิบที่ส่งตรงมาจากประเทศไทย ซึ่งหาซื้อได้ไม่ยาก เพราะในเกาะแห่งนี้มีร้านขายของชาวไทย ขายสินค้าทุกอย่างที่ส่งตรงมาจากประเทศไทย เรียกได้ว่าเข้าร้านนี้แล้ว สามารถหาซื้อสินค้าที่เขียนคำว่า Made in Thailand ได้แทบทุกอย่างเลยทีเดียว
“เอ่อ...เป็นลูกครึ่งไทย-อิตาลีครับดอน แต่รับรองว่าเธอทำอาหารอร่อยแน่นอนครับ”
ผู้เป็นลูกน้องพยายามโน้มน้าวให้เจ้านายคล้อยตาม แต่แล้วก็ต้องหน้าเจื่อนยิ้มแห้งๆ เมื่อถูกดอนหนุ่มตอกกลับเข้าให้อีกชุดใหญ่
“ยืนกรานเสียหนักแน่นแบบนี้ นายเคยกินอาหารฝีมือเธอแล้วหรือยังไงแลนโดส”
“เอ่อ...ไม่เคยครับ แต่ผมคิดว่าคนที่มีใบการันตีจากโรงเรียนสอนทำอาหารไทย น่าจะทำอาหารไทยได้อร่อยไม่แพ้เจ้าตำรับนะครับ”
แลนโดสเอ่ยบอกไม่เต็มเสียงนัก นึกๆ ไปก็อดขำไม่ได้ เพราะการเฟ้นหาคนมาเป็นแม่ครัวในคฤหาสน์มาโก้ร์นั้น เขาต้องคัดสรรค์คัดกรองเสียยิ่งกว่าหาคนมาทำงานในบริษัทของดอนหนุ่ม แถมคนที่จะมาเป็นแม่ครัวต้องมีใบประกาศรับรองด้วยว่าจบหลักสูตรอาหารไทยมา ไม่เช่นนั้นก็ถือว่าคุณสมบัติไม่ผ่านตามเกณฑ์กำหนด
“จะได้เรื่องหรือแลนโดส เราเห็นนายหามากี่คนต่อกี่คน ก็เหลวไม่เป็นท่าทุกคน”
น้ำเสียงที่เอ่ยถามนั้นแฝงไปด้วยความไม่เชื่อเท่าใดนัก ว่าลูกน้องมือขวาจะจัดการหาแม่ครัวที่ทำอาหารถูกปากถูกใจตนเองได้หรือเปล่า แต่เห็นท่าว่าจะยากเอาการอยู่ไม่น้อย เพราะเขานั้นติดรับประทานอาหารไทยมาตั้งแต่สมัยคุณย่ายังมีชีวิตอยู่ ซึ่งคุณย่าและมารดาของเขาจะทำอาหารให้เขาทานเป็นประจำ พอสิ้นท่านทั้งสองไปแล้วก็ไม่มีแม่ครัวคนไหนที่มีฝีมือการทำอาหารได้อร่อยถูกใจเขาแม้แต่รายเดียว
“คนนี้น่าจะได้เรื่องนะครับดอน ในประวัติบอกว่าชอบทำอาหารมาก และทำอาหารได้แทบทุกประเภท ถ้ายังไงพรุ่งนี้ผมจะให้เธอลองทำอาหารให้ดอนทานก่อนนะครับ”
แลนโดสยังไม่รู้ว่าแม่ครัวที่ว่าจะทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพเยี่ยมดั่งเช่นที่เขาชงให้เธอหรือเปล่า ซึ่งถ้าหากเธอทำอาหารไทยออกมามีรสชาติแย่ ไม่ต่างจากแม่ครัวชาวจีนที่เขาจ้างในปัจจุบัน ก็เห็นทีว่าต้องเฟ้นหาแม่ครัวคนต่อไปจนกว่าจะเป็นที่ถูกใจดอนคาร์ล
“แม่ครัวที่น่าว่าจะมาถึงเมื่อไร”
“พรุ่งนี้ตอนสายๆ ครับดอน”
ผู้เป็นลูกน้องมือขวาเอ่ยรายงานตามที่ตนเองได้รับแจ้งมาจากแม่ครัว ที่เขาคัดเฟ้นมาเป็นพิเศษ
“ไว้ใจได้ใช่ไหมแลนโดส”
ดอนคาร์ลเอ่ยถามเรื่อยๆ ชีวิตที่เกิดและเติบโตมาบนเส้นทางของมาเฟีย ซึ่งเต็มไปด้วยลูกตะกั่วร้อนๆ ไม่รู้ว่าจะลอยมาเจาะตัวจนเป็นรูเมื่อไร ทำให้เขาและคนรอบข้างต้องรัดกุมในเรื่องเหล่านี้ด้วย
“ครับดอน ไว้ใจได้แน่ครับ” แลนโดสรับคำเสียงหนักแน่น
เจ้าพ่อหนุ่มพยักหน้าช้าๆ กับการตัดสินใจของลูกน้องมือขวาของตนเอง “ถ้านายมั่นใจว่าไม่ใช่มาตาฮารี ชักไฟเข้าบ้านเรา ก็ลองให้เธอมาทำอาหารให้เรากินสักมื้อ แล้วเราจะตัดสินใจเองว่าแม่ครัวคนนี้จะได้อยู่ทำอาหารให้เราทานต่อหรือต้องกระเด็นออกไปจากคฤหาสน์มาโก้ร์ตั้งแต่วันแรกของการทำงาน”
“ครับดอน หากแม่ครัวคนนี้เป็นนางนกต่อ ผมจะจัดการเชือดนกตัวนี้ด้วยมือของผมเองครับ”
แลนโดสเค้นเสียงตอบเย็นยะเยือก แต่ทว่าผู้เป็นนายกลับสวนกลับได้เย็นยะเยือก ชวนขนหัวลุกมากกว่าหลายเท่านัก
“หากเธอเป็นเช่นดั่งมาตาฮารี ก็ไม่ต้องรอให้ถึงมือนายหรอกแลนโดส เรานี้แหละจะเป็นคนส่งเธอกลับบ้านเก่าเอง”
ผู้เป็นลูกน้องถึงกับขนลุกซู่ด้วยความหวาดกลัว เชื่อว่าดอนคาร์ล คาร์ลอส มาโก้ร์ ผู้ได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าพ่อแห่งเจ้าพ่อ คงไม่ลังเลเรื่องการกำจัดคนทรยศอย่างแน่นอน เพราะนอกจากผงขาวที่ดอนรังเกียจหนักหนาแล้ว ดอนหนุ่มผู้นี้ยังเกลียดคนทรยศคิดไม่ซื่อกับดอนด้วย และลูกน้องคนล่าสุดที่ทรยศคิดไม่ซื่อ ก็กลายเป็นผีเฝ้าทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว
“ดอนจะทานอะไรหน่อยไหมครับ เดี๋ยวผมจะให้แม่ครัวทำอาหารให้ใหม่”
ลูกน้องมือขวาเอ่ยถามเสียงเป็นกังวล เมื่อเห็นร่างกำยำล่ำสันของดอนหนุ่มผุดลุกขึ้นจากโซฟาหนังราคาแพงแล้วทำท่าว่าจะเดินเข้าไปยังห้องทำงานใหญ่ เพื่อทำงานที่ค้างคาต่อโดยไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย
ดอนคาร์ลโบกมือปฏิเสธว่อน ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงราบเรียบ “อย่าดีกว่าแลนโดส เรายังไม่อยากคายของเก่าออกมา นายหากาแฟมาให้เราดื่มสักแก้วก็พอแล้ว”
“ครับดอน”
แลนโดสรับคำ พอเจ้านายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องทำงานแล้ว ก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมกับพึมพำออกมาเบาๆ ด้วยความหนักใจ
“ขืนให้ชินหย่างเป็นแม่ครัวต่อ ดอนคงได้ทานกาแฟต่างมื้อค่ำเป็นแน่แท้ หวังว่าแม่ครัวคนใหม่จะทำอาหารไทยได้ถูกปากดอนคาร์ล ไม่เช่นนั้นเราคงเหนื่อยเรื่องการควานหาแม่ครัวหัวป่าอีกรอบแน่”