บทที่ 3 แกล้งสัตว์เลี้ยงสนุกจังเลย
“ไอย” เด็กชายกล่าวออกมาพร้อมกับชี้มาที่หน้าอกตนเอง
คนตัวจิ๋วมองมาด้วยท่าทางงงๆ
“ไอย ...คือชื่อของข้า” เด็กชายพูดช้าๆ แล้วชี้มาที่ตนเองอีกครั้ง
คราวนี้สัตว์เลี้ยงแสนรู้ของเขายิ้มร่าขึ้นมาทันที จากนั้นก็ชี้มาที่เขาแล้วพูดว่า “ไอย!”
จากนั้นหล่อนก็ชี้ไปที่ตนเองแล้วพูดว่า “ซิตริน ฉันชื่อซิตริน!”
ไอยส่ายหน้า “ไม่ใช่ซิตริน เจ้าเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า เพราะฉะนั้นข้าจะตั้งชื่อให้เจ้าเอง ต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่า... ยายัตตระน่า ที่แปลว่าทองคำ... เอ ไม่ดีๆ ถึงจะเป็นสัตว์เลี้ยงของข้าแต่ก็เป็นแค่สัตว์เลี้ยงจะมีชื่อหลายพยางค์ได้ยังไง มันไม่ถูกหลัก เอาเป็นชื่อย่อว่า...ยาน่าก็แล้วกัน ยาน่า ต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่ายาน่านะ จำเอาไว้”
เด็กชายพูดด้วยน้ำเสียงเผด็จการ ในขณะที่ซิตรินได้แต่ทำตาปริบๆ พร้อมกับแอบกัดฟันกรอด “ยาน่งยาน่ายาบ้าอะไรฟระ ก็บอกว่าชื่อซิตรินๆ รอให้แม่กลับสู่ขนาดตัวจริงเมื่อไหร่แม่จะตบให้หัวทิ่มเลยไอ้เด็กเวรนี่!”
ซิตรินผู้ได้รับชื่อใหม่ในฐานะสัตว์เลี้ยงว่ายาน่าเดินทางรอนแรมอยู่ในป่าที่เต็มไปด้วยสัตว์ปีศาจแห่งนี้กับเจ้านายน้อยนามว่าไอยมาได้เจ็ดวันเจ็ดคืนแล้ว แต่ขนาดตัวของหล่อนที่ถูกย่อส่วนให้เล็กลงพร้อมกับยานมิติเพื่อให้สามารถลอดอุโมงค์มิติที่ห้องแล็บของโรงเรียนมาได้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับคืนสู่ขนาดเดิมของตนสักที ก็รู้อยู่หรอกนะว่าระยะเวลาในการคืนขนาดเดิมมันเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่มันก็ไม่น่าจะนานขนาดนี้นี่นา ฮือ... อย่าบอกนะว่าหล่อนจะต้องกลายมาเป็นคนตัวจิ๋วแบบนี้ไปตลอดชีวิต! ไอ้เครื่องย่อส่วนบ้า กลับไปได้เมื่อไหร่ แม่จะไปจัดการไอ้คนประดิษฐ์เครื่องนี้ให้น่วมเลย คอยดูสิ!
ตั้งแต่เกิดมา ชีวิตของคุณหนูผู้สวยเริ่ดเชิดหยิ่งอย่างหล่อนยังไม่เคยตกอับอย่างอเนจอนาถขนาดนี้มาก่อนเลย นอกจากจะตัวเล็กเท่าตุ๊กตาบาร์บี้แล้ว หล่อนยังกลายมาเป็นของเล่นของไอ้เด็กหัวแดงนี่อีก เวลามันเบื่อๆ มันก็จะหาเรื่องมาดึงผมหล่อนบ้าง จับหล่อนโยนไปโยนมาบ้าง หล่อนจะไปสู้อะไรมันได้ อย่างดีก็แค่ด่าแม่มันเท่านั้นเอง แต่ด่าไปมันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี เพราะพูดกันคนละภาษา พอมันเห็นหล่อนโกรธมันยิ่งชอบอกชอบใจ เด็กปีศาจชัดๆ! ยังดีที่ไอ้เด็กเวรนี่ยังไม่คิดจะแยกชิ้นส่วนหล่อนแบบที่พวกเด็กแสบมันชอบแยกชิ้นส่วนตุ๊กตากัน
แล้วก็อย่าถามนะว่ายานมิติและสัมภาระของหล่อนหายไปไหนหมด เพราะมันช่างแสลงใจเมื่อต้องย้อนนึกไปถึงความซวยบรมซวยในวันแรกที่หล่อนเดินทางมาถึงมิติแห่งนี้ วันนั้น ทันทีที่หล่อนนำยานลงจอดบนพื้นมันเป็นเวลากลางคืนที่มืดมาก แม้บนยานจะมีเรด้าตรวจจับสิ่งมีชีวิตต่างๆ แต่ด้วยความตื่นเต้นที่ได้มาเที่ยวมิติอื่นเป็นครั้งแรกในชีวิต คุณหนูผู้เกิดมาบนกองเงินกองทองอย่างหล่อนจึงไม่ได้เหลือบแลมองจอเรด้าเพราะความเลอะเลือนไปชั่วขณะ พอหล่อนมองออกไปนอกหน้าต่างยานแล้วเห็นประกายระยิบระยับเหมือนภูเขาเพชรพลอยขนาดใหญ่ในความมืด หล่อนก็รีบพุ่งตัวออกจากยานไปหามันทันทีด้วยความโลภ หลังจากนั้นเป็นยังไงน่ะเหรอ ....ฮือๆ ๆ ภูเขาเพชรพลอยกองนั้นอยู่ๆ ก็เอี้ยวตัวกลับมากลายเป็นปีศาจเต่าหน้าขนตัวใหญ่ยักษ์แล้วมันก็เขมือบยานมิติของหล่อนลงท้องไปอย่างรวดเร็ว หล่อนได้แต่เบิกตาค้างมองดูมันเคี้ยวยานมิติของหล่อนกร้วมๆ ๆ ทีละคำด้วยความปวดใจ และพอยานมิติสีทองของหล่อนลงไปอยู่ในท้องไอ้เต่าหน้าขนไม่นาน กระดองของมันที่เป็นประกายเหมือนเพชรพลอยก็เริ่มมีสีทองแซมออกมาทันตาเห็น มันหันไปมองกระดองตัวเองแล้วพยักหน้าอย่างพออกพอใจ หล่อนเห็นแบบนั้นจึงปรี๊ดแตก วิ่งเข้าไปเตะขาที่มีขนาดใหญ่กว่าต้นเสาของมันทีหนึ่งด้วยความโมโห แต่นอกจากไอ้เต่าหน้าขนจะไม่รู้สึกรู้สากับลูกเตะนั้นแล้ว ขาสวยๆ ของหล่อนยังเกือบจะหักอีก ทั้งเจ็บใจและเจ็บตัวจนอยากจะร้องไห้จริงๆ
หลังจากนั้นทั้งเนื้อทั้งตัวหล่อนก็เหลือแค่คอมพิวเตอร์ข้อมือและเสื้อผ้าที่ใส่ติดตัวอยู่เพียงชุดเดียว ซ้ำร้ายในป่าแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดกินเนื้ออีกมากมาย คุณหนูคนสวยอย่างหล่อนจึงหมดเวลาในวันแรกไปกับการวิ่งหนีพวกสัตว์ประหลาดที่พากันจ้องจะเขมือบหล่อนเป็นอาหาร หล่อนทั้งเหนื่อยทั้งหิวแต่ก็ไม่อาจหยุดพักเพราะถูกไอ้กระต่ายบ้าฝูงนั้นตามล่าอย่างเอาเป็นเอาตายมากว่าครึ่งค่อนวัน สุดท้ายพระเจ้าก็ยังไม่ทอดทิ้งหล่อน ขณะที่หล่อนกำลังคิดจะยอมสละชีวิตให้เป็นอาหารมื้อค่ำของพวกมันหล่อนก็มาเจอกับไอ้เด็กนรกคนนี้เข้าพอดี แม้ว่าตอนที่เจอกันนั้นเขาจะดูเหมือนเด็กจรจัดเนื้อตัวสกปรกแถมยังเหม็นโฉ่ แต่เด็กนี่ก็เป็นมนุษย์คนแรกที่หล่อนพบในมิตินี้ และเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์แล้วยังไงก็คงดีกว่าปีศาจกินคนละนะ หล่อนจึงไม่ลังเลที่จะเข้าไปขอความช่วยเหลือจากเขา เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ ตอนนี้พอมาคิดๆ ดู สู้ให้พวกกระต่ายกินหล่อนไปให้มันจบๆ เลยอาจจะทุกข์น้อยกว่าต้องกลายมาเป็นของเล่นของไอ้เด็กนรกนี่
ซิตรินแอบสังเกตเด็กนี่มาตลอดหลายวันที่อยู่ด้วยกัน ไอยดูเหมือนเด็กอายุประมาณสิบถึงสิบเอ็ดขวบแต่กลับมีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัว เขาเป็นเด็กพูดน้อยและชอบทำหน้าตายไร้อารมณ์ มียกเว้นแค่สองเวลาที่หล่อนจะได้เห็นสีหน้าอื่นๆ ของเขาก็คือตอนที่เขาแกล้งหล่อนแล้วหัวเราะขำ กับตอนที่หล่อนเอาคืนแล้วเขาโกรธ
เด็กคนนี้จับหล่อนยัดใส่ถุงผ้าข้างเอวแล้วพาหล่อนเดินวนไปวนมาในป่าแห่งนี้มาหลายวันแล้ว แต่เขาก็ดูไม่เหมือนว่ากำลังหลงป่านะ เหมือนกำลังหาของป่าอยู่มากกว่า เด็กประหลาดนี่ดูจะรู้จักสัตว์ประหลาดในป่าแห่งนี้ดีไปหมด เขารู้วิธีที่จะหลบหลีกไม่ก็วิธีสลัดหลุดจากการตามล่าของพวกมันได้ทุกตัวโดยไม่ทำให้ตัวเองบาดเจ็บแม้แต่ครั้งเดียว ซิตรินจึงรู้สึกว่าแม้เด็กนี่จะนิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่เขาก็เทพมาก หล่อนอยู่ด้วยแล้วปลอดภัยจากพวกสัตว์ปีศาจชัวร์
ยามว่างถ้าไอยไม่แกล้งหล่อนเขาก็มักจะเอาแผนที่เก่าๆ แผ่นหนึ่งออกมากางดูแล้วเดินไปเดินมาเหมือนกำลังค้าหาอะไรบางอย่าง ครั้งหนึ่งหล่อนเห็นเขาเทของในถุงผ้าหลายๆ ใบที่ผูกอยู่ข้างเอวออกมานั่งนับแล้วกาเครื่องหมายไว้หน้ารายการที่จดบันทึกไว้ด้านหลังของแผนที่ ของที่เขาเอาออกมานับเหล่านั้นส่วนใหญ่ล้วนเป็นของประหลาดที่ซิตรินไม่เคยพบเคยเห็น มีตั้งแต่รากไม้ ดอกไม้แห้ง ใบไม้แห้ง เขาสัตว์ เล็บสัตว์ เขี้ยวสัตว์ เส้นใยที่ดูเหมือนขนสัตว์ ขวดน้ำขนาดเล็ก และตลับใส่ผงสีต่างๆ จะมีบ้างที่หล่อนดูจะคุ้นๆ เพราะมันเหมือนดูเหมือนก้อนแร่หรือผลึกพลอยดิบหลากสี แต่ก้อนหินเหล่านี้กลับปล่อยควันอะไรบางอย่างออกมาเหมือนหมอกตลอดเวลา
ซิตรินชะโงกหน้าไปแอบดูรายการที่ไอยจดไว้บนกระดาษด้านหลังแผนที่ หล่อนเห็นว่ารายการส่วนใหญ่ถูกกาไว้แล้ว แสดงว่าเป็นของที่เขารวบรวมได้แล้ว ยังคงเหลืออีกแค่แปดรายการเท่านั้นที่ยังไม่ได้กา แม้หล่อนจะอ่านตัวหนังสือเหล่านั้นไม่เข้าใจ แต่ก็พอจะเดาได้ว่าหากเด็กนี่คิดจะรวบรวมของอีกแปดรายการจากในป่าแห่งนี้ เขาคงยังต้องใช้เวลาอีกหลายวันเลยล่ะ และหล่อนก็คงจะต้องตัวติดกับเขาต่อไปตลอดหลายวันนั้น บ้าที่สุด!
ป่าแห่งนี้มันกว้างใหญ่ไพศาลและเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายกินคน ต่อให้หล่อนกลับคืนสู่ขนาดตัวใหญ่เท่าเดิมและมีแผนที่สามมิติที่เปิดดูได้จากคอมพิวเตอร์ข้อมือ แต่หล่อนก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะเอาตัวรอดออกไปจากป่าแห่งนี้ได้ยังไงโดยไม่ถูกสัตว์ประหลาดจับกินเสียก่อน หล่อนจึงตัดสินใจยอมอยู่เป็นของเล่นให้ไอ้เด็กนรกนี่แกล้งไปพลางๆ ก่อน ยังดีที่ไอ้เด็กนี่ยังรู้จักแบ่งอาหารให้หล่อนกินและคอยสอนภาษาให้หล่อนด้วย ไม่ใช่ดีแต่แกล้งหล่อนเล่นแก้เซ็งไปวันๆ เท่านั้น หล่อนจึงยังพอทำใจให้อภัยในความกวนตีนของมันได้บ้าง
วันนี้ไอยขุดเอาหัวมันหน้าตาอัปลักษณ์หัวหนึ่งมาทำอาหาร เขาปอกเปลือกและต้มเนื้อสีส้มอ่อนของหัวมัน จากนั้นก็เอามันต้มมาบดรวมกับน้ำซุปเนื้อเค็มและโรยหน้าด้วยเครื่องเทศผงสีเขียวๆ ทำเสร็จแล้วก็หน้าตามันก็เหมือนมันบดดีๆ นี่เอง
ซิตรินได้กลิ่นอาหารหอมกรุ่นก็ชะโงกหน้าเข้าไปดมพร้อมกับกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ตั้งแต่มาอยู่กับไอ้เด็กนี่ หล่อนได้กินอาหารแค่วันละมื้อเท่านั้น เพราะไอ้เด็กนี่มันกินแค่นั้น มิน่ามันถึงได้ตัวเล็กและผอมขนาดนี้ เป็นเด็กกำลังโตทำไมมันไม่รู้จักกินให้มากหน่อยก็ไม่รู้ หล่อนเลยพลอยอดอยากตามไปด้วย
ไอยใช้ปลายช้อนตักมันบดขึ้นมาปาดใส่ลงบนใบไม้สะอาดใบหนึ่งแล้วเป่าให้หายร้อนก่อนจะวางมันลงตรงหน้าสัตว์เลี้ยงของตน เขาเห็นหล่อนมองเขาแบบหวาดระแวงเหมือนไม่ค่อยจะเชื่อใจ เพราะทุกทีกว่าหล่อนจะได้กิน เขาต้องเล่นเอาเถิดเจ้าล่อให้หล่อนวิ่งไล่คว้าอาหารสักพักก่อน วันนี้เขาอุตส่าห์ใจดีแท้ๆ หล่อนยังมามองเขาแบบนี้อีก เด็กชายหรี่ตาแบบประสงค์ร้ายทันที จากนั้นเขาก็ใช้นิ้วดีดหลังหล่อนให้หน้าทิ่มลงไปในกองมันบด แล้วหัวเราะร่า
ซิตรินดันตัวขึ้นมาจากกองมันบด และมองไอยด้วยดวงตาเขียวปัด ใบหน้าแสนสวยมีแต่มันบดติดเต็มเป็นหย่อมๆ กระทั่งผมก็ไม่เว้น
“ฮ่าๆ ๆ ข้ารู้ว่าข้าทำอาหารอร่อย แต่เจ้าไม่ต้องตะกละกินจะเลอะเทอะขนาดนั้นก็ได้นะยาน่า ฮะ ๆ ๆ ๆ” ไอยพูดไป กุมท้องหัวเราะไป
“กรี๊ด! ไอ้เด็กเวร วันนี้ฉันจะฆ่าแกให้ได้!” ซิตรินสติแตก กระโจนเข้าใส่ไอยโดยลืมไปว่าตัวเองตัวเล็กขนาดไหน
ไอยหัวเราะไป ชักเท้าหลบไป เขาแค่ก้าวหลบไม่กี่ก้าว ซิตรินก็วิ่งไล่จนเหนื่อยแล้ว พอรู้ว่าต่อให้วิ่งไล่จนเหนื่อยตายหล่อนก็ยังคงไม่มีวันเอาคืนไอ้เด็กนรกนี่ได้ หล่อนก็โมโหจนปล่อยโฮออกมา หญิงสาวเลิกวิ่งแล้วนั่งลงร้องไห้ด้วยความเจ็บใจท่ามกลางเสียงหัวเราะขำไม่หยุดของเด็กตัวโต
ซิตรินคิดในใจว่า พอกันที ยอมไปเป็นอาหารของพวกสัตว์ปีศาจยังดีกว่ากลายมาเป็นของเล่นของได้เด็กนรกนี่ ว่าแล้วหล่อนก็ปาดคราบมันบดบนหัวทิ้งแล้วลุกขึ้นหันหลังเดินหนีไปจากมนุษย์คนแรกที่ตนเจอในมิตินี้
“อ้าว นั่นเจ้าจะไปไหนน่ะ โกรธจริงๆ แล้วเหรอ ไม่เอาน่า ก็แค่เล่นขำๆ นิดเดียวเอง” ไอยเดินมาสกัดหญิงสาวไว้
“อย่ามาขวางนะไอ้เด็กเวร ฉันไม่อยู่กับแกแล้ว!” ซิตรินตะโกนใส่หน้าเขาแล้วหันหลังวิ่งหนีไปอีกทาง
“เฮ้ย! จะหนีไปแบบนี้ได้ไง เจ้าเป็นถึงสัตว์เลี้ยงตัวแรกของข้าเลยนะ นับเป็นเกียรติของเจ้าแล้วนะนี่” ไอยทำหน้าไม่พอใจแล้ววิ่งตามไปคว้าตัวหล่อนไว้
ซิตรินทั้งจิกทั้งกัดมือของเด็กชายที่รวบจับร่างหล่อนขึ้นมาจากพื้นด้วยความโมโหสุดขีด แต่เล็บและฟันเล็กๆ ของหล่อนหาระคายผิวหนังของไอยไม่
“เอาน่าๆ ข้าขอโทษก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าเช็ดหน้าให้เจ้าเป็นการไถ่โทษดีหรือไม่” เด็กชายพูดด้วยน้ำเสียงง้องอนแบบที่เขาไม่เคยใช้กับใครมาก่อน จากนั้นก็หยิบเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าและผมของซิตรินให้อย่างเบามือ
ซิตรินยังคงหน้าหงิก แต่ก็เลิกดิ้นรนจะหนีแล้ว เพราะดิ้นให้ตายยังไงก็คงไม่มีประโยชน์ มิสู้เก็บแรงไว้รอให้ไอ้เด็กนรกนี่นอนหลับไปก่อน แล้วหล่อนค่อยหาทางหนีจะดีกว่า
ไอยเช็ดหน้าให้สัตว์เลี้ยงของตนเสร็จก็ใช้ปลายไม้เล็กๆ ตักมันบดมาป้อนหล่อนอย่างเอาอกเอาใจ
“ชิ! ไม่ต้องมาทำดีเลยไอ้เด็กนรก ฉันไม่ยกโทษให้แกหรอก ไม่กินโว้ย!” ซิตรินสะบัดหน้าหนี
“นี่ เจ้าอย่าดื้อสิ ตอนนี้มีเวลากินก็รีบๆ กินเถอะน่า เดี๋ยวกินเสร็จข้าต้องไปเก็บเกล็ดพญารุ้งแล้วนะ ถึงตอนนั้นไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีเวลากินอีกที” ไอยพูดกับซิตรินด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะหงุดหงิด
ซิตรินฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ก็พอจะจับใจความได้ว่าถ้ามื้อนี้หล่อนมัวแต่เล่นตัวไม่กิน ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กินมื้อหน้า หญิงสาวจึงกล้ำกลืนความไม่พอใจเอาไว้แล้วอ้าปากงับอาหารที่เด็กชายป้อนให้แต่โดยดี
ไอยเห็นหล่อนยอมกินอาหารก็ยิ้มจนตาหยี