บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 สัตว์เลี้ยง

ณ ป่าหมื่นมารา ซึ่งอยู่ติดชายแดนทางตอนใต้ของอาณาจักรคินทามานา

เด็กชายร่างผอมหน้าตามอมแมมในชุดที่ขาดกะรุ่งกะริ่งราวกับขอทานตัวน้อยกำลังใช้ดาบสั้นที่เต็มไปด้วยคราบเขม่าควันไฟขุดดินกลางป่าอย่างขะมักเขม้น หยาดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดเต็มใบหน้าแล้วค่อยๆ ไหลย้อยมารวมกับคราบไคลก่อนจะหยดลงไปบนผืนดินที่แข็งกระด้างและเย็นเฉียบ เส้นผมสีแดงสดที่ตัดสั้นชี้โด่เด่ไม่เป็นทรงบนศีรษะน้อยๆ ดูราวกับพุ่มหนามที่สีแดงเพลิงกลางป่า มันช่างเป็นสีผมที่โดดเด่นสะดุดตาอย่างมากท่ามกลางสีเขียวเข้มของใบไม้ในผืนป่า ดวงตาที่เยือกเย็นเกินวัยของเด็กชายคอยกวาดตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวังขณะที่มือยังคงขุดดินเป็นระวิง

เมื่อได้ยินเสียงหายใจฟืดฟาดดังเบาๆ หลังพุ่มไม้ที่ห่างออกไปประมาณห้าสิบก้าว เด็กชายไม่แม้แต่จะชะงักมือในการขุด แต่กลับเร่งมือขุดเร็วยิ่งขึ้น เขาขุดด้วยแรงทั้งหมดที่มี ขุดจนมือเป็นตุ่มน้ำพุพอง ลมหายใจของเด็กชายกระชั้นถี่ด้วยความเหนื่อยหอบจากการออกแรงแข่งกับเสียงหายใจหลังพุ่มไม้ที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ในที่สุดดาบสั้นในมือก็ขุดลงไปกระทบกับของแข็งเกิดเสียงดังกึก เขารีบปัดเศษดินที่อยู่ด้านบนของสิ่งนั้นออกและค่อยๆ บรรจงงัดเจ้าก้อนหินสีเขียวสดใสก้อนเท่ากำปั้นขึ้นมาอย่างเบามือแล้วหย่อนมันลงไปในหนึ่งในถุงผ้าเก่าๆ ที่ผูกอยู่ข้างเอวของตน จากนั้นเด็กชายก็หันหลังออกวิ่งสุดฝีเท้าพร้อมๆ กับที่ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ปีศาจที่มีขนาดตัวใหญ่มหึมาที่โผล่พรวดออกมาจากแนวป่าด้านข้าง

สัตว์ปีศาจตัวนี้มันมีรูปร่างคล้ายคน ยืนสองขา แต่มีมือและเท้าใหญ่โตเต็มไปด้วยเดือยและเล็บแหลมคม ใบหน้าของมันทั้งอัปลักษณ์ทั้งน่าขยะแขยง ดวงตาโปนถลนแดงก่ำอยู่ชิดกับจมูกบานๆ ที่มีน้ำมูกไหลเยิ้ม ปากสีแดงสดอ้าแสยะอวดเขี้ยวสีดำวาววับ ตามตัวของมันยังเต็มไปด้วยขนสีดำที่จับกันเป็นก้อนเหนียวหนึบเพราะเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายที่ไหลย้อยออกมาจากปากของมันตลอดเวลา ความจริงเจ้าตัวนี้ก็ไม่นับว่าเป็นตัวที่หน้าตาน่าเกลียดหรือเป็นอันตรายอะไรนักหนา แต่มันกลับเป็นตัวที่วิ่งได้เร็วที่สุดที่เขาเคยเจอเลยทีเดียว มันกระโจนเพียงไม่กี่ก้าวก็เกือบจะตะครุบตัวเด็กชายได้แล้ว

เด็กชายนิ่วหน้าขณะเอี้ยวตัวหลบการโจมตีของสัตว์ปีศาจ กลิ่นของน้ำลายเจ้าตัวนี้ช่างเหม็นราวกับซากศพ แค่ได้กลิ่นก็ทำเอาเขาแทบจะอาเจียน แถมมันยังวิ่งพลางคำรามขู่ขวัญพลาง ขู่ทีน้ำลายก็กระเด็นที ตอนนี้เลยมีแต่น้ำลายเหม็นๆ กระเด็นติดเต็มหลังเสื้อเขาไปหมดแล้ว ถ้าหนีไปได้สิ่งแรกที่เขาจะทำก็คือต้องไปหาที่อาบน้ำล้างกลิ่นชวนอ้วกนี่เป็นการด่วน

แม้ร่างเล็กที่วิ่งหน้าตั้งหนีสัตว์ปีศาจเข้าไปในป่าทึบจะมีความเร็วด้อยกว่าสัตว์ปีศาจอยู่บ้าง แต่กลับมีความคล่องตัวสูงกว่า ทำให้สามารถหลุดรอดการโจมตีแต่ละครั้งมาได้อย่างหวุดหวิดเฉียดฉิวมาตลอดทางที่วิ่งหนี

เด็กชายวิ่งหนีมากว่าครึ่งชั่วโมงก็แล้วแต่เขาก็ยังเห็นเจ้าตัวโตไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ ทำเอาอดที่จะสบถคำหยาบคายออกมายาวยืดไม่ได้ ถ้าเป็นสัตว์ปีศาจตัวอื่นๆ ป่านนี้มันคงเลิกไล่ตามไปนานแล้ว แต่เจ้าตัวนี้ช่างวิ่งอึดและมีความพยายามสูงจริงๆ เด็กชายจิ๊ปาก รู้สึกเสียดายที่จะต้องลงทุนใช้ของบางอย่างที่อุตส่าห์สะสมไว้ใช้ยามฉุกเฉินเพื่อจัดการกับเจ้าสัตว์ปีศาจตัวนี้ แต่คิดไปคิดมา นี่มันก็ถือว่าเข้าข่ายภาวะฉุกเฉินอยู่เหมือนกันนะ เพราะถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างเขาคงต้องวิ่งหนีจนเหนื่อยตายเสียก่อนเป็นแน่ เขาตัดสินใจล้วงเข้าไปในอกเสื้อหยิบถุงผ้าเล็กๆ ใบหนึ่งออกมา จากนั้นก็เปิดถุงแล้วสะบัดใส่หน้าเจ้าสัตว์ปากเหม็น

ทันทีที่ผงสีเทาในถุงถูกสาดออกมาปะทะอากาศก็เกิดเป็นเปลวไฟลุกพรึบคลอกหัวเจ้าปีศาจตัวโต มันกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดและลงไปเกลือกกลิ้งกับพื้นโดยไม่สนใจเด็กชายอีกต่อไป

เด็กชายหยุดหอบหายใจด้วยความเหนื่อยจากการวิ่งสุดฝีเท้ามากว่าครึ่งชั่วโมง ใบหน้าน่ารักที่เต็มไปด้วยเหงื่อหันไปมองสัตว์ปีศาจที่กำลังดิ้นทุรนทุรายบนพื้นด้วยสายตาราบเรียบไร้ความรู้สึกครู่หนึ่งก่อนจะหันตัววิ่งหายเข้าไปในป่าด้วยความรวดเร็วไม่แพ้ตอนที่วิ่งหนีเจ้าตัวนี้มาตลอดทาง เขาต้องรีบสลัดเจ้าตัวช่างตื๊อนี้ให้หลุดก่อนที่ไฟมายาจะมอดแล้วมันจะรู้ตัวว่าถูกหลอก

ผงที่เขาสาดออกไป ความจริงก็คือเกสรของดอกเพลิงมายา ผู้ที่ถูกไฟมายานี้คลอกจะรู้สึกเจ็บปวดเหมือนจะขาดใจยิ่งกว่าถูกไฟธรรมดาคลอกเสียอีก แต่ความจริงแล้วไฟจากเกสรดอกไม้ชนิดนี้เป็นเพียงไฟมายา ไม่ได้มีผลในการเผาไหม้จริงๆ แต่อย่างใด มันจะลุกไหม้อยู่ประมาณสิบถึงสิบห้านาที จากนั้นก็จะมอดดับไปเอง พอมันดับผู้ที่ถูกไฟคลอกจะไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ หลงเหลืออยู่เลย แถมความเจ็บปวดทั้งหมดตอนโดนไฟคลอกก็จะหายไปด้วยเช่นกัน มันจึงได้ชื่อว่าไฟมายาอย่างไรล่ะ

ดอกเพลิงมายานี้เป็นดอกไม้หายากชนิดหนึ่งที่ขึ้นอยู่เฉพาะบริเวณปากปล่องภูเขาไฟ เผอิญวันก่อนตอนที่เขาไปเก็บผลึกธาตุไฟบนภูเขาไฟเขาเห็นดอกไม้ชนิดนี้ขึ้นอยู่แถวนั้นและกำลังใกล้จะบานพอดีเลยเก็บใส่ถุงมาด้วย การจะเก็บเกสรดอกไม้ชนิดนี้นั้นทำได้เฉพาะตอนที่ดอกมันยังไม่บานเท่านั้น และต้องระมัดระวังมากๆ ด้วย เพราะหากเกสรของมันกระทบถูกอากาศ มันก็จะลุกติดไฟทันที

เด็กชายวิ่งไปเรื่อยๆ จนคิดว่าปลอดภัยแน่แล้วจึงค่อยๆ ผ่อนฝีเท้าลงเป็นเดินช้าๆ แทน เขาหยิบแผนที่ออกมากางเพื่อหาตำแหน่งของตัวเองในตอนนี้ แล้วออกเดินมุ่งหน้าไปยังลำธารที่ใกล้ที่สุดเพื่ออาบน้ำชำระล้างกลิ่นน้ำลายเจ้าสัตว์ปีศาจบนตัว

ยังไม่ทันจะได้เดินไปถึงไหน อยู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงแหลมๆ กรีดร้องและดูเหมือนว่าเจ้าของเสียงกำลังตรงดิ่งมาทางเขา แม้เสียงนั้นจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่เสียงฝีเท้าของสัตว์ปีศาจฝูงหนึ่งที่ตามเสียงนั้นมาดูจะมีจำนวนไม่น้อยเลย ถึงจะเป็นตัวเล็กๆ ก็เถอะ

ทันใดนั้นตัวอะไรบางอย่างสีทองๆ สูงแค่ประมาณสองคืบของเด็กชายก็กลิ้งหลุนๆ ออกมาจากพุ่มไม้ตรงหน้าของเขา มันโวยวายเสียงแหลมเหมือนเสียงมนุษย์ผู้หญิง แต่เป็นภาษาที่เด็กชายฟังไม่เข้าใจ จากนั้นมันก็กลิ้งมานั่งจุ้มปุ๊กหยุดอยู่ตรงปลายเท้าเขาพอดิบพอดี

เด็กชายเบิกตากว้างแล้วย่อตัวลงไปดูเจ้าสัตว์ปีศาจตัวนี้ใกล้ๆ อย่างประหลาดใจ ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเห็นสัตว์ปีศาจตัวไหนมีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ขนาดนี้มาก่อนเลย เจ้าตัวจ้อยนี้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ผู้หญิงวัยประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปี หน้าตาสวยงามราวกับนางฟ้า แต่มันกลับมีขนาดเล็กจิ๋วสูงไม่ถึงเข่าของเขาด้วยซ้ำ แถมยังมีผมสีทองสุกปลั่งสวยงามราวกับแสงตะวัน

เจ้าสัตว์ปีศาจผมสีทองตัวจิ๋วเบิกตากลมโตสีเหลืองทองสดใสจ้องหน้าเขาด้วยความตกใจเช่นกัน แต่แล้วกระต่ายปีศาจฝูงหนึ่งก็กลิ้งหลุนๆ ออกมาจากพุ่มไม้ตามเจ้าตัวผมทองนี้มาติดๆ เจ้าตัวผมทองสะดุ้งเฮือก ร้องกรี๊ดๆ แล้วรีบปีนขึ้นมาบนตัวของเด็กชายราวกับเห็นเขาเป็นที่พึ่งก็ไม่ปาน ในที่สุดมันก็ไต่ขึ้นมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนไหล่ของเขาแล้วเกาะคอเสื้อเขาไว้แน่น จากนั้นก็โวยวายชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปยังพวกกระต่ายปีศาจเหล่านั้น

เด็กชายผมแดงเหลือบตามองแขกไม่ได้รับเชิญที่มายึดพื้นที่บนไหล่ของตนแล้วกวาดตามองกระต่ายปีศาจหกเจ็ดตัวที่กำลังแยกเขี้ยวน้ำลายหยดแหมะๆ มองเจ้าตัวผมทองบนไหล่เขาและจ้องตาเขาแบบประมาณจะบอกว่าส่งอาหารค่ำของพวกเราคืนมาเสียดีๆ

เขามองทั้งสองฝ่ายกลับไปกลับมาอยู่สามรอบก่อนจะตัดสินใจยกเท้ากวาดเตะเจ้าพวกกระต่ายปีศาจตัวเล็กๆ เหล่านั้นจนกระเด็นไปให้พ้นทาง แล้วออกเดินต่อไปยังลำธารน้ำในแผนที่ เจ้ากระต่ายปีศาจเหล่านั้นทำสายตาอาฆาตใส่เขาแต่ก็ไม่กล้าตอแยเขา เพราะเขาตัวใหญ่กว่าพวกมันมาก พวกมันกระโดดตามเขามาห่างๆ พักหนึ่ง แต่ในที่สุดก็ตัดใจเลิกตามเขาเมื่อเห็นว่ามีเหยื่ออีกตัวบังเอิญวิ่งตัดหน้าพวกมันไป

ปีศาจผมสีทองบนไหล่ของเขาถอนหายใจดังเฮือกเมื่อเห็นพวกกระต่ายปีศาจหันไปไล่ตามเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายตัวใหม่ของพวกมันแทน ใบหน้าเล็กจิ๋วหันมาส่งยิ้มให้เด็กชายพร้อมกับพูดภาษาประหลาดเจื้อยแจ้ว

ปีศาจตนนี้ประหลาดมากๆ ในสายตาของเด็กชาย เพราะมันไม่เหมือนปีศาจสักนิด ถ้าไม่ติดว่ามันมีขนาดตัวที่เล็กเหมือนตุ๊กตา และมีสีผมประหลาดไม่เหมือนมนุษย์เผ่าใดๆ บนโลกใบนี้ เขาต้องคิดว่าเจ้าตัวนี้เป็นมนุษย์แคระไปแล้ว อืม... หรือว่านี่อาจจะเป็นมนุษย์แคระเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่เฉพาะในป่าหมื่นมาราแห่งนี้และยังไม่เคยมีใครค้นพบมาก่อนก็เป็นได้ ถึงอย่างไรป่าแห่งนี้ก็จัดว่าเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างจะลึกลับและไม่ค่อยมีมนุษย์ธรรมดาคนไหนอยากจะเข้ามากันสักเท่าไหร่

มนุษย์ตัวเล็กดูเหมือนจะพยายามสื่อสารกับเด็กชายอย่างเอาจริงเอาจัง แต่เขาหาสนใจมันไม่ เด็กชายเดินฟังเสียงเล็กๆ พูดไม่หยุดในภาษาที่ตนไม่เข้าใจไปจนถึงลำธาร เขาจับเจ้าตัวพูดมากบนไหล่ตนลงไปวางบนพื้นหินข้างลำธารแล้วก็หันไปถอดเสื้อผ้ากระโดดลงน้ำ

หลังจากดำผุดดำว่ายอยู่นานจนมั่นใจว่าหมดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์แล้ว เขาก็หันไปซักเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งของตน กว่าจะเสร็จเรื่องและขึ้นมาจากน้ำ เด็กชายก็เห็นคนผมทองตัวจิ๋วกำลังนั่งสัปหงกอยู่บนก้อนหินริมลำธาร แลดูน่าขำเป็นอย่างยิ่ง เขาเอาผ้าไปตากแล้วกลับมานอนมองท่าทางตลกๆ ของหล่อนรอเวลาให้เสื้อผ้าแห้ง อยากรู้จังว่าเจ้าตัวเล็กนี่มีชีวิตรอดในป่าที่เต็มไปด้วยสัตว์ปีศาจกินเนื้อนับหมื่นสายพันธุ์จนโตเป็นสาวแบบนี้มาได้ยังไง ดูท่าหลับแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบนี้เขาล่ะสงสัยจริงๆ

เด็กชายค่อยๆ เอามือไปอังที่เหนือศีรษะของมนุษย์จิ๋วเพื่อทดสอบพลังเวทย์ แต่เขาก็ไม่รู้สึกถึงพลังเวทย์ใดๆ บนร่างของสิ่งมีชีวิตตนนี้เลย ไร้พลังเวทย์ ไร้เขี้ยวเล็บ ตัวก็เล็กจ้อย แถมสีผมยังเด่นสะดุดตาขนาดนี้แต่ก็ยังรอดมาได้ ช่างแปลกประหลาดจริงๆ บางทีเจ้าตัวนี้อาจจะมีความลับอะไรซ่อนอยู่ก็ได้ถึงได้รอดมาได้จนโตแบบนี้ อืม...น่าสนใจๆ

ทันใดนั้น ดวงตากลมโตสีเหลืองทองของเจ้าตัวผมทองก็ลืมขึ้นมาสบเข้ากับดวงตาสีแดงเพลิงของเด็กชาย มนุษย์จิ๋วทำท่าเหมือนตกใจที่ตื่นมาเห็นเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ตนเอง แต่พอเห็นหน้าตาของเขาสะอาดสะอ้านหล่อนก็ฉีกยิ้มจนตาหยีแล้วเดินเข้ามาดมๆ ที่แก้มของเขาด้วยสีหน้าพออกพอใจในความสะอาด แค่นั้นยังไม่พอ หล่อนยังเอามือตบแก้มเขาแปะๆ แล้วพูดอะไรทำนองว่าดีจังๆ ที่เด็กนี่ยังรู้จักอาบน้ำ

เด็กตัวใหญ่ไม่ชอบท่าทางแบบนั้นของคนตัวจิ๋วสักเท่าไหร่จึงทำหน้าหงิกและส่งสายตาโหดใส่หล่อน หล่อนทำเหมือนเขาเป็นเด็ก เชอะ! หล่อนยังตัวเล็กยิ่งกว่าเขาเสียอีก ทำเป็นมาวางท่าเป็นผู้ใหญ่ชมเชยเด็ก! เขาเหยียดปากดูถูกแล้วเอานิ้วชี้จิ้มหน้าผากหล่อนจนหงายท้องก้นจ้ำเบ้า พอเห็นหล่อนทำท่าโวยวายด้วยความโมโหที่ถูกแกล้ง เด็กชายก็หัวเราะขำเสียงดัง แต่แล้วอยู่ๆ เขาก็หยุดหัวเราะเสียดื้อๆ แล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนประหลาดใจอะไรบางอย่าง

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเมื่อกี้เขาหัวเราะออกมาจริงๆ เขาไม่ได้หัวเราะมานานแค่ไหนแล้วนะ มันนานมากจนเขาจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายที่ตนหัวเราะมันคือเมื่อไหร่

เด็กชายมองสิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วที่ยังคงนั่งคลำก้นตัวเองป้อยๆ พร้อมกับทำปากขมุบขมิบด่าในภาษาประหลาด เขาตัดสินใจว่าอยากจะลองเลี้ยงเจ้าตัวนี้ให้เป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกในชีวิตของตนขึ้นมาทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel