บทที่ 1 การก่อกบฏ
เสียงระเบิดดังสนั่นติดๆ กันกว่าสิบครั้งกลางดึกทำลายความเงียบสงบของยามราตรี ผู้คนในเมืองพากันสะดุ้งตื่นจากหลับใหล หลายคนวิ่งออกมาดูที่ถนนหน้าบ้านตนเองว่าเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้น ท้องฟ้าด้านทิศเหนือของเมืองหลวงอันเป็นที่ตั้งของพระราชวังแก้วผลึกบัดนี้เปลี่ยนเป็นสีเขียวเรืองรองสลับกับสีดำอมม่วงของเปลวไฟเวทย์ พระราชวังแก้วผลึกอันเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของอาณาจักรคินทามานาและได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพระราชวังที่งดงามที่สุดในโลกกำลังถล่มลงมาด้วยแรงระเบิดของลูกไฟเวทย์หลายร้อยลูก ไม่อาจมองเห็นเค้าความงดงามตระการตาอีกต่อไป ผู้คนในปราสาทราชวังและบริเวณใกล้เคียงต่างพากันวิ่งพล่านเหมือนหนูติดจั่นหนีตายกันจ้าละหวั่น บ้างก็ถูกไฟเวทย์คลอกลงไปดิ้นทุรนทุรายบนพื้นก่อนจะไหม้เป็นจุณไม่เหลือแม้แต่เศษซาก บ้างก็ถูกตัวปราสาทที่ถล่มลงมาทับจนร่างแหลกยับ เลือดท่วมนองอาบพื้นพระราชวังจนดูราวกับบริเวณทั้งหมดนั้นถูกเปลี่ยนให้เป็นทะเลเลือด ภาพอันสยดสยองตรงหน้าทำให้ผู้คนต่างพากันอ้าปากตาค้าง ไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ว่ามันคือความจริง
ไม่เคยมีใครคิดมาก่อนว่าพระราชวังแก้วผลึกอายุกว่าพันปีอันเป็นสัญลักษณ์อันแสดงถึงความยิ่งใหญ่และเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดของอาณาจักรคินทามานาจะมีวันถูกทำลายลงภายในชั่วเวลาแค่พริบตาเช่นนี้ ใครกันที่จะมีพลังเวทย์สูงส่งขนาดที่บังอาจกล้าท้าทายพลังเวทย์คุ้มกันอาณาจักรของท่านมหาเวทย์อยาคามิน ว่าแต่... ท่านอยาคามินไปมุดหัวอยู่ที่ไหนกัน ทำไมถึงปล่อยให้มีผู้ทำลายวังแก้วผลึกได้แบบนี้
ผู้คนต่างตั้งคำถามและสันนิษฐานกันไปต่างๆ นานา แต่ก็ไม่มีใครหาญกล้าเฉียดกรายเข้าไปใกล้เขตพระราชวังที่กำลังคละคลุ้งไปด้วยไอเวทย์ที่มีพลังทำลายล้างชั้นสูงแม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะเกิดระเบิดขึ้นอีกกี่ครั้งหรือเหล่าเชื้อพระวงศ์ผู้ปกครองอาณาจักรจะบาดเจ็บล้มตายไปกี่พระองค์พวกเขาก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ทั้งสิ้น
อย่าบ้าน่า พวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีพลังเวทย์ ใครมันจะไปกล้าเสนอหน้าไปรนหาที่ตายแบบนั้นกันเล่า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของท่านอยาคามินกับทหารจะดีกว่า สิ่งเดียวที่พวกเขารู้ในตอนนี้ก็คือเมืองหลวงของอาณาจักรคินทามานาอันรุ่งเรืองสงบสุขแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่อันอบอุ่นปลอดภัยสำหรับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว หลายคนปิดล็อกประตูบ้านอย่างแน่นหนาและเก็บรวบรวมข้าวของมีค่าและเสบียงอาหารไปซ่อนไว้ในที่ปลอดภัย ส่วนอีกหลายคนเริ่มคิดถึงการอพยพย้ายไปอยู่กับญาติที่เมืองอื่นแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้นประชาชนทั่วทั้งอาณาจักรก็ได้ทราบข่าวอันน่าตื่นตระหนกที่สุดในรอบพันปีว่า มหาเวทย์อยาคามินผู้เป็นนักบวชสูงสุดซึ่งทำหน้าที่ปกป้องราชบัลลังก์และอาณาจักรคินทามานามานานถึงห้าร้อยกว่าปีได้ทำการก่อกบฏ เขาใช้พลังเวทย์ระเบิดสังหารองค์ราชาและทำลายพระราชวังแก้วผลึกด้วยตนเอง อีกทั้งยังสังหารเชื้อพระวงศ์ไปเกือบหมดภายในเวลาไม่ถึงครึ่งคืน แต่โชคดีที่มหาเสนาบดีพาซีวาลาผู้ภักดีต่อราชวงศ์ก็ได้นำกองทัพและเหล่านักเวทย์ในสังกัดของตนออกมาต่อสู้กับอยาคามิน สุดท้ายอยาคามินหนีรอดไปได้ แต่พระราชวังกลับเสียหายอย่างหนัก เชื้อพระวงศ์ก็แทบจะถูกอยาคามินกำจัดจนสิ้น เจ้าชายรัชทายาทหายสาบสูญไปในกองซากปรักหักพังยังหาพระศพไม่พบ คาดว่าจะสิ้นพระชนม์จากการถูกไฟเวทย์คลอกไปแล้ว องค์ราชินีถูกเวทย์สะกดทำให้หลับใหล ทั้งยังไม่มีผู้ใดแก้ไขให้พระนางฟื้นได้ คงเหลือแต่เจ้าหญิงซีมินาญาญาผู้เลอโฉมเพียงพระองค์เดียวที่ยังมีชีวิตรอด และตอนนี้ได้รับการปกป้องดูแลอย่างดีโดยท่านมหาเสนาบดีพาซีวาลา
ไม่ว่าใครก็ไม่อยากจะเชื่อว่ามหาเวทย์อยาคามินจะทำการกบฏ เขาเป็นนักบวชที่รักสันโดษและเก็บตัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกมาหลายร้อยปี สิ่งเดียวที่เขาทำมาเกือบจะตลอดชีวิตของเขาก็คือกางข่ายเวทย์ปกป้องอาณาจักรและราชวงศ์ จนทำให้อาณาจักรคินทามานาแห่งนี้สงบสุขปลอดภัยจากการรุกรานของอาณาจักรอื่นๆ และกลายเป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในโลกใบนี้
ที่อาณาจักรคินทามานานี้ ทหารเป็นอาชีพของพวกไร้ประโยชน์ เพราะพวกทหารแทบจะไม่ต้องทำงานทำการอะไรกันสักเท่าไหร่ นอกจากจะช่วยชาวบ้านขุดลอกคูคลองและสร้างถนนหนทางเป็นบางครั้งบางคราวแล้ว พวกเขาก็แค่นั่งๆ นอนๆ รอรับเบี้ยหวัดเงินเดือนไปวันๆ เท่านั้น อาณาจักรแห่งนี้ไม่มีสงครามมานานกว่าห้าร้อยปีแล้ว เพราะพลังเวทย์ของอยาคามินนั้นร้ายกาจเกินกว่าจะมีใครในโลกต่อต้านได้ เขาเป็นนักเวทย์อัจฉริยะที่ยากจะพบพานในรอบหลายพันปี ทุกคนในอาณาจักรต่างก็คิดตรงกันว่าพวกตนโชคดีมาตลอดที่มหาเวทย์ท่านนี้เป็นคนดีและยอมเสียสละตนเองปกป้องอาณาจักร ใครจะคิดว่าจะมีวันนี้ วันที่อยาคามินหันมาก่อกบฏเสียเอง นี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรเลยก็ว่าได้
บัดนี้ ถนนทุกสายในเมืองเต็มไปด้วยภาพเหมือนของมหาเวทย์อยาคามิน ทางการกำลังประกาศจับตัวเขา ทั้งทหารและนักเวทย์พากันเดินตรวจค้นไปทั่วทุกหนทุกแห่ง โดยปกติไม่ค่อยจะมีใครเคยเห็นตัวจริงหรือภาพเหมือนของมหาเวทย์อยาคามินนัก เขามักจะหมกตัวอยู่แต่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขาคามินนา จะออกมาปรากฏตัวเฉพาะในเวลาทำพิธีบวงสรวงเทพเจ้าประจำปีที่มีองค์ราชาเป็นประธานในพิธีเท่านั้น และในพิธีสำคัญที่จัดขึ้นเพียงปีละครั้งแบบนั้นคนธรรมดาไหนเลยจะมีโอกาสได้เข้าไปร่วมพิธี คนทั่วไปจึงไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน ทุกคนเพียงรู้แค่ว่ามหาเวทย์สูงสุดของโลกท่านนี้ต้องการเสียสละเพื่อให้ตนเองสามารถปกป้องอาณาจักรได้นานกว่ามหาเวทย์ท่านอื่นๆ ในประวัติศาสตร์ เขาจึงใช้เวทย์หยุดอายุขัยของตนเองไว้ตอนที่อายุได้เพียงยี่สิบสองปี และการหยุดอายุนี้ก็ทำให้เขามีอายุยืนยาวมานานกว่าห้าร้อยปีและได้ปกป้องอาณาจักรอย่างดีมาโดยตลอด
ครั้งแรกที่ทุกคนเห็นรูปเหมือนของเขาในใบประกาศจับของทางการต่างก็อดทึ่งและชื่นชมในความหล่อเหลาสง่างามของเขาไม่ได้ บุรุษหนุ่มผมสีแดงยาวเกือบจรดพื้นที่มีดวงตาสงบนิ่งล้ำลึกและมีใบหน้าคมคายแต่เรียบเฉยราวกับรูปสลักของเทพเจ้าในรูปผู้นี้ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนร้าย แต่ก็นั่นแหละ คนเราจะดูกันแต่รูปลักษณ์ภายนอกได้เสียที่ไหน เฮ้อ... โลกนี้ช่างอยู่ยากขึ้นทุกวัน
หลังจากทางการออกไล่ล่าหัวหน้ากบฏอยาคามินกว่าหกเดือนแต่ก็ยังไม่อาจหาตัวเขาพบ มหาเสนาบดีพาซีวาลาที่บัดนี้ทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนองค์ราชาก็ออกประกาศออกมาฉบับหนึ่งซึ่งทำให้ประชาชนช็อกกันทั่วราชอาณาจักรอีกครั้ง ใจความสำคัญของประกาศฉบับนั้นมีอยู่ว่า
“เนื่องจากองค์ราชาถูกกบฏอยาคามินสังหาร องค์รัชทายาทหายสาบสูญ เชื้อพระวงศ์ที่หลงเหลืออยู่ก็มีแต่องค์หญิงซีมินาญาญาผู้ยังทรงพระเยาว์ และเชื้อพระวงศ์สตรีอีกไม่กี่พระองค์ ซึ่งพระนางเหล่านั้นไม่อาจปกครองประเทศได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้ราชวงศ์ไร้ผู้สืบทอดราชบัลลังก์ ท่านมหาเสนาบดีพาซีวาลาจึงยินดีแต่งงานกับองค์หญิงซีมินาญาญา และช่วยองค์หญิงทำการปกครองประเทศให้เรียบร้อยสงบสุขต่อไป”
ความจริงหากองค์หญิงซึ่งเป็นพระญาติสายตรงที่ใกล้ชิดกับองค์ราชาที่สุดจะอภิเษกสมรสกับชายผู้ที่จงรักภักดีและเป็นวีรบุรุษกอบกู้ราชบัลลังก์อย่างท่านพาซีวาลานั้นก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลดีอยู่หรอก ถ้าไม่นับว่ามหาเสนาบดีพาซีวาลาขณะนี้มีอายุเกือบจะหกสิบปีแล้ว ส่วนองค์หญิงน้อยผู้เลอโฉมกลับเพิ่งจะอายุเพียงสิบห้าชันษาเท่านั้น
แถมใครๆ ก็ทราบว่าท่านมหาเสนาบดีเฒ่าผู้นี้ แม้จะเป็นคนดีและซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อราชวงศ์มาโดยตลอด แต่ก็มีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคือลือกันว่าเขาเป็นโคแก่ที่ชอบกินหญ้าอ่อนตัวพ่อคนหนึ่งเลย การสะสมเด็กสาวเยาว์วัยเป็นงานอดิเรกที่เขาโปรดปรานที่สุด เขาไม่เคยแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนก็จริง แต่ว่ากันว่าเขามีนางบำเรอมากมายหลายร้อยคนแอบซ่อนอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ของเขา
แม้ข่าวลือจะเป็นเพียงข่าวลือ และไม่มีใครเคยเห็นนางบำเรอที่ว่าของท่านมหาเสนาบดีมาก่อน แต่เรื่องแบบนี้ผู้คนก็ชอบเอาไปเป็นหัวข้อในการซุบซิบนินทากันนักล่ะ หลายคนได้แต่ถอดถอนใจให้กับชะตากรรมของเจ้าหญิงพระองค์น้อย ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าคู่อภิเษกของเจ้าหญิงนั้นไม่เหมาะสม เพราะบัดนี้ผู้ที่กุมอำนาจสูงสุดในแผ่นดินก็คือมหาเสนาบดีพาซีวาลาผู้นี้ แล้วเจ้าหญิงยังจะอภิเษกกับใครได้อีกเล่าถ้าไม่ใช่เขา แต่ไหนแต่ไรมา ‘เจ้าหญิง’ ก็คือตำแหน่งที่ต้องแต่งงานเพื่อการเมืองมาตลอดอยู่แล้วมิใช่หรือ จะมีเพิ่มอีกสักกรณีหนึ่งจะแปลกอะไร
งานอภิเษกสมรสนี้ถูกกำหนดให้จัดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า และเพื่อไม่ให้อยาคามินผู้ยังหลบหนีอยู่มีโอกาสกลับมาสร้างความวุ่นวายในอาณาจักรได้อีก ท่านมหาเสนาบดีพาซีวาลาจึงทำการแต่งตั้งมหาเวทย์คนใหม่นามว่าอิมมูยาขึ้นเป็นนักบวชสูงสุดของวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อคอยกางข่ายเวทย์ปกป้องอาณาจักรทั้งจากพวกกบฏและประเทศเพื่อนบ้านที่จ้องจะรุกรานยามบ้านเมืองวุ่นวาย
ไม่มีใครรู้ว่าอิมมูยาคนนี้เป็นใครมาจากไหน เขาไม่เคยมีรายชื่ออยู่ในทำเนียบนักเวทย์ของอาณาจักรคินทามานามาก่อน แต่ที่แน่ๆ คือ เขาเป็นนักเวทย์ที่เก่งกาจผู้ซึ่งต่อกรกับอยาคามินในคืนกบฏนั้น และทำให้อยาคามินพ่ายแพ้จนต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุนไปซ่อนตัวจนถึงบัดนี้
ทันทีที่มหาเวทย์อิมมูยาเข้ามารับตำแหน่งมหาเวทย์ผู้ปกปักรักษาอาณาจักร ทุกอย่างก็กลับสู่ความสงบเรียบร้อยอีกครั้ง ประชาชนที่วางแผนจะอพยพไปเมืองอื่นก็พากันล้มเลิกความตั้งใจและหันมาซ่อมแซมบ้านเรือนของตนเองแทน ข่ายเวทย์สีเขียวประกายม่วงถูกกางครอบท้องฟ้าของอาณาจักรแทนที่ของเดิม แม้จะดูไม่ทรงพลังเท่าของเดิมแต่ก็สร้างความอุ่นใจให้ผู้คนได้ไม่น้อยไปกว่ากัน
ปราสาทแก้วผลึกหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าของเดิมก็กำลังถูกสร้างขึ้นทดแทนปราสาทหลังเดิม ด้วยอำนาจเงินตราและอำนาจเวทย์มนต์ในมือท่านมหาเสนาบดีพาซีวาลา ปราสาทหลังใหม่แห่งนี้ก็สร้างเสร็จรวดเร็วทันใจราวกับเนรมิตขึ้นมา ตัวปราสาทถูกกำหนดให้สร้างแล้วเสร็จภายในหนึ่งเดือน เพราะท่านเสนาบดีต้องการใช้ปราสาทแห่งนี้เป็นสถานที่จัดพิธีอภิเษกกับองค์หญิง
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการปลอบขวัญชาวประชา ท่านเสนาบดีพาซีวาลายังได้ทำการแจกจ่ายเงินทองให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการก่อกบฏอีกครัวเรือนละห้าพันเหรียญทอง เงินจำนวนนี้เพียงพอที่จะเอาไปใช้ซื้อบ้านหลังใหญ่บนพื้นที่ทำเลทองของเมืองได้ถึงสองหลังเชียวล่ะ นับเป็นค่าทำขวัญที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว และจากการปลอบขวัญนี้ ประชาชนต่างก็พากันแซ่ซ้องสรรเสริญท่านเสนาบดีผู้ใจบุญกันยกใหญ่ ไม่นานผู้คนก็เริ่มจะลืมเลือนกบฏอยาคามิน ลืมเลือนเจ้าชายรัชทายาทที่หายสาบสูญ และต่างก็ตั้งตารอคอยงานเลี้ยงฉลองอภิเษกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายร้อยปีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้