ครวญเซียวหยก 2
เวลาผ่านไปเพียงสามเค่อ
กลุ่มคนของเฉียงยวิ๋นก็มาเจอกับศพของบ่าวไพร่ที่ติดตามองค์หญิงเหม่ยหลินอีกจำนวนหนึ่ง โดยที่ยังไม่พบเจอศพขององค์หญิงแต่อย่างใด ครานี้ใบหน้าของพวกเขาล้วนพากันเปลี่ยนสี โดยเฉพาะเฉียงยวิ๋นผู้มีใบหน้าดำทะมึนกว่าผู้ใด
“คนของข้าตายจนหมด มิใช่ว่าองค์หญิงทรงถูกใครช่วยเหลือไปแล้วรึ?” เฉียงยวิ๋นบ่นพึมพำอยู่ในรถม้าพลางสะบัดผ้าม่านลงพึ่บอย่างขัดใจ
สายตาคมของสารถีผู้บังคับม้ามองไปเห็นรอยล้อรถลากยาวไปตามพื้นดินคดเคี้ยวไปมาจึงเอ่ยขึ้น “เรียนใต้เท้า ข้าเห็นรอยรถม้าเลี้ยวไปทางนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะพบเบาะแสขอรับ”
สายตาหรี่หยีของเฉียงยวิ๋นพลันทอประกายวูบไหว เขาเปิดผ้าม่านออกทันใด แล้วกล่าวคำด้วยเสียงทุ้มหวาน
“ดีมาก หนุ่มน้อย ข้าชอบเจ้ายิ่งนัก ตามไป!”
“ขอรับ” สารถีรับคำอย่างห้าวหาญสะบัดแส้ในมือเสียงดังขวับ เพื่อบังคับรถม้าให้ไปตามทางรอยล้อที่ว่า โดยมิได้หันหน้ามามองข้างหลังเลยแม้แต่น้อย
ชายชุดดำที่ขี่ม้าอยู่ข้างๆ พลันลอบหายใจโล่งอกประหนึ่งยกภูเขาให้พ้นตัว
คืนนี้คงมีคนทำงานพิเศษแทนเขาแล้ว
เมื่อรถม้าของเฉียงยวิ๋นตามรอยมาจนเข้าอาณาเขตชายป่าแห่งหนึ่ง พวกเขาจึงได้เห็นศพของหมาป่านอนตายกระจัดกระจาย กลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งไปทั่ว ถัดจากซากศพหมาป่า ก็เห็นรอยล้อรถม้าหายไปยังทิศทางของป่ารกทึบ
เฉียงยวิ๋นจึงลงจากรถม้า เพื่อเดินตามทางที่ล้อรถม้าหายไปพร้อมสมุนอีกสองคน เมื่อโผล่พ้นพุ่มไม้ใบหนาจึงได้เห็นเป็นหน้าผาสูงชัน พวกเขาพากันก้มหน้ามองพร้อมจับยึดต้นไม้ข้างกายเอาไว้แน่น ในหัวอกวูบโหวงเหลือเกินเมื่อเห็นเป็นหุบเหวลึกมาก ประหนึ่งดั่งไร้ก้นบึ้งกระนั้น
มุมปากบางเฉียบของเฉียงยวิ๋นพลันยกโค้ง
หึหึ! รอยล้อของรถม้าที่เขาตามแกะรอยมาจากในวัดแห่งนั้น หายไปในหุบเหวลึกถึงเพียงนี้ ทั้งยังมีซากศพหมาป่าเต็มไปหมด ไม่บอกก็รู้ว่า รถม้าขององค์หญิงคงไม่แคล้วถูกหมาป่ารุมขย้ำจนเตลิดตกเหวและศพขององค์หญิงจักแหลกเหลวปานใด
ในขณะที่เฉียงยวิ๋นกำลังยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ในการตายได้อย่างแนบเนียนขององค์หญิงโจวเหม่ยหลิน เสียงทุ้มห้าวของชายชุดดำคนเดิมพลันเอ่ย “เรียนใต้เท้า ทางนี้มีป้ายศพปักอยู่ขอรับ” จบคำก็เบนสายตาไปทางหลุมศพที่สร้างขึ้นแบบเรียบง่ายโดยการนำหินมาวางเรียงรายยกสูง ซึ่งมีด้วยกันสามหลุมศพ
หน้าหลุมศพทั้งสามมีป้ายไม้ตั้งอยู่ แผ่นแรกสลักคำว่าหญิงคนรัก แผ่นที่สองสลักคำว่านกประหลาด และแผ่นที่สามคำว่าหงซือกวน
ชายชุดดำรู้สึกสะดุดกับนามบนป้ายศพแผ่นสุดท้ายยิ่งนัก เขาถึงกับกลอกตาไปมาครุ่นคิด นามนี้คลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยได้ยินมาก่อน น่าจะเป็นนามของผู้ยิ่งใหญ่สักคนหนึ่ง ใครกันนะ!
แต่ยังมิทันที่ชายชุดดำจะคิดการณ์อันใด เสียงหัวเราะแหลมสูงพลันดังจนเสียดแทงแก้วหูไปหมด
เฉียงยวิ๋นหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย ในใจรู้สึกยินดีปรีดาเสียยิ่งกว่าได้เสพสมกับบุรุษในคราเดียวกันถึงสองคน เขามิได้สนใจป้ายศพของครอบครัวผิดปกติที่มีชายหญิงและนกตรงนี้เลยสักนิด หากแต่ในใจคิดเพียงว่า การที่ริมหน้าผาแห่งนี้มีป้ายศพตั้งอยู่ นั่นก็หมายความว่าคนที่ตกลงไปย่อมต้องตายอย่างแน่นอน...
องค์หญิงเหม่ยหลินสิ้นชีพแน่แล้ว! ว่ะฮาฮ่า
เมื่อหัวเราะจนพอใจ จึงหันมากล่าวกับชายชุดดำ “ดีมาก หนุ่มน้อยเจ้าพูดได้ดี ข้าชอบเจ้า คืนนี้...”
ชายชุดดำไม่รอให้เฉียงยวิ๋นกล่าวจบ เขารีบประสานมือทำความเคารพแล้วหมุนตัววิ่งไปหยุดยืนรอที่รถม้าทันที
เฉียงยวิ๋น “...!?”
ในเวลาเดียวกันอีกทางด้านหนึ่ง ห่างออกมาจากริมหน้าผาประมาณหนึ่งลี้[2] เฟิงหลิวรู้สึกว่าตนเองยังทำใจมิได้เลย ที่เป็นต้นเหตุให้ท่านหงซือกวนผู้ยิ่งใหญ่ต้องตกหน้าผาแล้วตายไป เขาจึงกลับมายังต้นไม้ใหญ่ที่ห่างออกมาจากริมหน้าผาไม่ไกลมากนัก แล้วบรรเลงเพลงคร่ำครวญรัญจวนใจจากเซียวหยกด้วยความรู้สึกที่โศกศัลย์ลึกซึ้ง
เขากำลังเป็นโรคสุ่ยหลิน[3]อย่างแท้จริง
ยามเมื่อเสียงทุ้มลึกแฝงความกังวานใสแว่วซึ้งตรึงใจดังไปจนทั่ว ยังผลให้เหล่าหมาป่าตัวใหญ่ที่หลับใหลได้ตื่นลืมตาขึ้นมาอีกครา พวกมันพากันเคลื่อนตัวทรงพลังจนโพรงหญ้ากระเพื่อมไหว คมเขี้ยวของพวกมันมีน้ำลายไหลยืด คล้ายกับเศร้าสลดและแค้นเคืองในคราเดียวกัน
ริมฝีปากหยักได้รูปของเฟิงหลิวยังคงส่งลมร้อนกรุ่นเป่าใส่เซียวหยก โดยลืมไปเสียสิ้นว่า บทเพลงนี้สามารถสร้างอารมณ์เคียดแค้นและความรู้สึกเศร้าสร้อยให้แก่ฝูงหมาป่าทมิฬเป็นอย่างมาก พวกมันยืนโงนเงนส่งเสียงร้องโหยหวนอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพากันคืบคลานไปหาเหยื่อที่เป็นต้นเหตุทำให้พวกมันตรอมตรม พวกมันต้องขย้ำศัตรูให้จมเขี้ยวแล้วฉีกกระชากเนื้อจนเลือดสาด ทึ้งกระดูกให้แหลกเหลว สะบั้นหัวให้หลุดจนลอยกระเด็นให้จงได้
เจ้าของเซียวหยกกำลังเป็นโรคสุ่ยหลินแบบเต็มขั้น จึงมิได้รับรู้อันใดทั้งนั้นแล้วในยามนี้ และแล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันพลันบังเกิด เมื่อหมาป่าจอมโหดเขี้ยวใหญ่มองเห็นรถม้าของเฉียงยวิ๋นเข้าพอดี พวกมันพากันพุ่งร่างทะยานไปยังทิศทางนั้นในทันที
เพียงชั่วลมหายใจเดียว เสียงกรีดร้องแหลมสูงปานสตรีพลันดังขึ้น ตามด้วยเสียงแหบห้าวร้องร่ำอย่างเจ็บปวดเหลือประมาณของชายหนุ่ม ผสมผสานกับเสียงขู่กรรโชกรุนแรงของฝูงหมาป่าที่ได้ชื่อว่าหฤโหดเหนือพนาไพร...
และเพียงชั่วอึดใจ เศษซากชิ้นเนื้อมนุษย์พลันกระจัดกระจายปะปนกับเลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณพร้อมซากไม้ของรถม้าที่พังยับไปทั้งคัน
[1] ไท่เจี้ยน คือชื่อที่ใช้เรียกชายที่ถูกตอน
[2] 1 ลี้ = 500 เมตร
[3] โรคซึมเศร้า