ครวญเซียวหยก 1
บนยอดหน้าผาสูงชัน
เฟิงหลิวนั่งเป่าเซียวหยกอยู่บนต้นไม้ใหญ่ด้วยบทเพลงเศร้าสลด ดวงตาดอกท้อบนใบหน้าหล่อเหลาฉายชัดถึงความเสียใจและรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก ที่เขาทำผิดพลาดอย่างมหันต์ลงไป เขามิได้ตั้งใจจะให้เหตุการณ์ออกมาเป็นเช่นนี้ เขาเพียงแค่อยากชมฝีมือของผู้เยี่ยมยุทธ์ก็เท่านั้น มิได้ต้องการสังหารใคร และยิ่งไม่ต้องการเป็นต้นเหตุให้เจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่ต้องตกหน้าผาตายไปพร้อมคนรักเยี่ยงนั้น
อ่า...ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิด
ชายหนุ่มจึงเป่าเซียวเสียงทุ้มกังวานดังไปทั่ว เหล่าหมาป่าต่างพร้อมใจกันเห่าหอนโหยหวนชวนสยองไปทั้งผืนป่า
เพียงครู่ต่อมา เมื่อครวญเสียงเพลงอย่างอาลัยอาวรณ์จนพอใจ เฟิงหลิวจึงใช้วิชาตัวเบากระโดดลงมาจากต้นไม้สูงใหญ่เหนือยอดผาสูงชัน ไปยังริมหน้าผาแห่งนั้น สายตาของเขาพยายามมองลึกลงไปยังหุบเหวไร้ก้น หมายจะได้เห็นเจ้านกประหลาดตัวใหญ่บินโฉบไปมา ในใจคิดเพียงว่ามันอาจจะยังไม่ตายตามนายของมันไป แต่จนแล้วจนรอด เขาก็ยังมิได้เห็นแม้แต่เงาของมันบินถลากางปีกอย่างสง่าไม่ว่าจากทิศทางใด
เจ้าของเซียวหยกผู้เป็นต้นเหตุให้เกิดเหตุการณ์อันน่าเศร้าใจ ทำได้เพียงหมุนกายเดินจากไปอย่างเงียบงัน ทิ้งเอาไว้เพียงป้ายไม้สามแผ่นสลักตัวอักษรด้วยกริชของเขา ตั้งเอาไว้ริมหน้าผา
หนึ่งในป้ายทั้งสามนั้นมีคำว่า หงซือกวน...
ในเขตวัดแห่งหนึ่งที่เกิดเหตุนองเลือดเมื่อสองวันก่อน
ชายผู้หนึ่งสวมอาภรณ์สีน้ำเงินเข้ม ใบหน้าขาวผ่องแหลมเล็ก นัยน์ตาหรี่หยีเจ้าเล่ห์ เขายืนตระหง่านอยู่เหนือศพของบ่าวชายหญิงและโจรป่าที่นอนตายเกลื่อนกลาดภายในวัดแห่งนี้อย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่
เขาแน่ใจว่าแผนการที่วางเอาไว้ค่อนข้างรัดกุม องค์หญิงโจวเหม่ยหลิน พระธิดาซึ่งเกิดจากสนมอันเป็นที่รักของโจวเหวินหลงฮ่องเต้ ทรงเดินทางมายังวัดแห่งนี้มิผิดแน่ ก่อนหน้านี้เขาแอบสั่งคนให้มาอัญเชิญหลวงจีนที่วัดไปเจริญภาวนายังอารามหลวงจนหมด เพราะปล่อยไว้อาจจะเป็นอุปสรรค บ่าวไพร่ทุกคนที่ติดตามขบวน เขาล้วนซื้อตัวเอาไว้จนสิ้น โจรป่าปล้นชิงก็เช่นกัน แผนการก็เตรียมเอาไว้อย่างดิบดี หลายชั้นเสียด้วย
ยามที่ฮ่องเต้ทรงออกว่าราชการเยี่ยมราษฎรเพื่อแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติ องค์หญิงเหม่ยหลินก็ทรงแอบหนีออกมาจากวังหลวงอย่างไร้ความคิด อ่า...แต่แล้วองค์หญิงผู้สูงศักดิ์พลันถูกโจรป่าปล้นชิงแล้วสังหารโหด ตายอย่างอนาถในวัดร้างไร้คนพบเห็น อืม...อีกแผนหนึ่ง องค์หญิงทรงหนีโจรป่าจนเตลิดแบบไร้ทิศทาง กระทั่งตกหน้าผาแล้วตายไปด้วยอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง ไม่สามารถเอาผิดใครได้สักคน อา...
ชายชุดน้ำเงินคิดลำดับเหตุการณ์อันชั่วร้ายอยู่ในใจด้วยสีหน้าปรับเปลี่ยนไปมาคล้ายเล่นงิ้ว เขาหรี่ตามองไปทางศพของบ่าวชายหญิงและโจรกระจอก
ฮึ! แล้วเหตุใดพวกมันจึงมานอนตายน่าเกลียดกันเยี่ยงนี้ บัดซบนัก!
ในขณะที่เรียวคิ้วบนดวงตาหรี่หยีของชายชุดน้ำเงินกำลังขมวดพันกันแน่นยามริมฝีปากเล็กบางบ่นพึมพำไร้ซึ่งสรรพเสียง ชายชุดดำอีกคนหนึ่งพลันเดินเข้ามา แล้วประสานมือทำความเคารพก่อนเอ่ยเสียงห้าว “เรียนใต้เท้าเฉียง ไม่พบศพขององค์หญิงเหม่ยหลินขอรับ”
ใต้เท้าเฉียงหรือ เฉียงยวิ๋น จึงหรี่ตาลงจนกลายเป็นเส้นตรงแล้วเอ่ยเสียงแหลมสูงผิดบุรุษออกมา “มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อบ่าวไพร่ติดตามล้วนตายสิ้น กระทั่งโจรป่ายังไม่รอด องค์หญิงเป็นเพียงสตรีในห้องหอไหนเลยจักมีความสามารถล้นเหลือ” กล่าวจบก็ตวัดสายตาคล้ายแง่งอนแวบหนึ่ง
ชายชุดดำลอบปาดเหงื่อเล็กน้อย อันว่าอิสตรียากแท้หยั่งถึงแล้ว แต่บุรุษเหนือบุรุษตรงหน้ายิ่งยากจะหยั่งถึงซึ่งความนัย เขาจึงเอ่ยอีกคราอย่างระมัดระวังมากกว่าเดิม “เรียนใต้เท้าเฉียง ข้าน้อยตรวจสอบโดยรอบแล้ว ไม่พบรถม้าที่ควรจะอยู่หน้าวัด บางทีเราอาจจะแกะรอยจากรถม้าได้นะขอรับ”
ดวงตาของเฉียงยวิ๋นพลันทอประกายวูบไหว เขายกยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมเดินเข้าหาชายชุดดำก่อนเอ่ยเสียงแหลมหวาน “ดีมาก เจ้าเป็นชายที่เฉลียวฉลาดยิ่งนัก ข้าชอบเจ้า!” จบคำก็เอื้อมฝ่ามือเรียวยาวขึ้นมาลูบบ่ากว้างของชายชุดดำ
เจ้าของบ่ากว้างถึงกับเข่าอ่อนแทบทรุดฮวบ เมื่อถูกไท่เจี้ยน[1] ผู้นี้เอ่ยปากว่าชอบ คืนนี้เขาคงไม่แคล้วต้องทำงานพิเศษจนนอนซม
เฉียงยวิ๋นเป็นขันทีในวังหลวงมานานปี และทุกครั้งที่ได้ออกมานอกวัง เขามักจะหาโอกาสเสพสมกับบุรุษจนอิ่มหนำก่อนกลับทุกครั้งไป และยามนี้ บุรุษผู้เป็นเป้าหมาย เขาได้เจอแล้ว “หนุ่มน้อย รีบพาข้าไปดูเถิด ว่ารถม้าไปทางใด”
มิต้องรอให้เอ่ยซ้ำสอง ชายชุดดำรีบหมุนกายแล้วเดินกึ่งวิ่งนำทางไปเชิญขึ้นรถม้า