บท
ตั้งค่า

ขบคิดหาสาเหตุ

ยอดหน้าผาที่เดิม ยังคงมีป้ายศพตั้งอยู่หน้ากองหินที่วางเรียงรายยกสูงคล้ายหลุมศพสามศพเหมือนเดิม โดยมีเฟิงหลิวนั่งนิ่งอยู่บนต้นไม้ด้วยโรคสุ่ยหลินอยู่ที่เดิม

เพียงครู่ต่อมาตรงริมหน้าผา พลันมีกลุ่มชายฉกรรจ์มากมายปรากฏกายวูบไหวจนพุ่มไม้กระเพื่อมรุนแรง พวกเขาเป็นชายที่มีรูปร่างสูงใหญ่กว่าคนทั่วไป ลำตัวเต็มไปด้วยมัดกล้ามตึงแน่นใหญ่โต ใบหน้าดำทะมึนคล้ายเมฆฝนก่อนพายุโหมกระหน่ำ นัยน์ตาของพวกเขาล้วนแวววาวกราดเกรี้ยวประหนึ่งเสือสิงห์กระหายเลือดกระหายเนื้อ รอบเรือนกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความโหดเหี้ยมเหนือสามัญ ดุจโผล่ออกมาจากห้วงอเวจี

สองมือของพวกเขาล้วนพกพาอาวุธหน้าตาแปลกประหลาด มิใช่กระบี่หรือหอกธรรมดา อาวุธของพวกเขาทั้งใหญ่ทั้งยาว บางอันแหลมเล็กมีคมเขี้ยวรอบด้าน บางอันหนาหนักประหนึ่งภูเขาไท่ซาน บางคนพกตุ้มเหล็กที่วางลงบนพื้นดินก็เกิดเป็นหลุมลึก บางคนพกอาวุธประหนึ่งเครื่องประดับ คล้ายสร้อยไข่มุกเรียงตัวสวยงามเป็นเส้นเป็นสาย แต่หากมองดูดีๆ จะพบว่าเป็นโซ่ตรวนลูกเหล็กที่มีหนามรอบด้านซ่อนอยู่ บางคนพกมีดดาบที่คล้ายกับเคียวเกี่ยวข้าว มิรู้ได้ว่าจะทำนาที่ใด แต่ที่แน่ใจ อาวุธชนิดนี้เมื่อเหวี่ยงออกไปล้วนตัดหัวศัตรูจนขาดสะบั้นได้ครั้งละหลายๆ คน ก่อนจะกลับมาสู่ฝ่ามือเจ้าของดั่งมีชีวิตเป็นของตนเอง

เฟิงหลิวสังเกตเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ราวกับหลุดมาจากขุมนรกทั้งหลายนั่นเต็มสองตา ทั้งยังได้ยินประโยคสนทนาของพวกเขาชัดเจนอีกด้วย

“เรียนท่านหัวหน้า ตรงริมหน้าผามีหลุมศพและป้ายหน้าศพอยู่สามป้ายด้วยกัน” เสียงทุ้มห้าวของชายกล้ามใหญ่ผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นกับชายในอาภรณ์สีแดงเพลิง

ชายกล้ามใหญ่ยังคงกล่าว หากแต่น้ำเสียงเริ่มติดขัด “หน้าป้ายหนึ่ง เอ่อ...สลักคำว่า...”

“คำว่าอะไร?” น้ำเสียงเย็นเยียบเสียดแทงไปถึงกระดูกของชายชุดสีแดงเพลิงเอ่ยถามทันใด

ชายกล้ามใหญ่จึงตอบกลับเสียงเบาผิดกับรูปร่างน่ากลัวของตนเอง “คำว่า...หงซือกวน”

“หืม...” ชายชุดแดงถึงกับขมวดคิ้วพลางพุ่งกายวูบไปยังทิศทางที่มีป้ายศพในทันที และเมื่อได้เห็นป้ายที่ถัดจากหญิงคนรัก นกประหลาด จนเจอกับป้ายที่มีคำว่าหงซือกวน นัยต์ตาคู่แดงสีเดียวกับอาภรณ์พลันเบิกโพลง “เป็นไปไม่ได้” เขาพึมพำออกมา ท่าทางหวาดผวาตกใจยิ่ง!

ชายผู้หนึ่งที่มีโซ่ตรวนพาดเฉียงทั้งไหล่ซ้ายไหล่ขวาเดินเข้ามาแล้วเอ่ยเสียงห้าวใหญ่ “เรียนท่านหัวหน้า เป็นไปได้หรือไม่ว่า ท่านประมุขจะตกหน้าผา”

เพราะป้ายหลุมศพประดับอยู่ริมหน้าผา ย่อมต้องตกหน้าผา เรื่องนี้วิเคราะห์ง่ายดายยิ่ง!

ชายชุดแดงถลึงตาดุดันแล้วเถียงออกมา “จะบ้ารึ! ท่านประมุขมิใช่แมวนะ จะได้ตกหน้าผาง่ายดายนัก”

ชายกล้ามโตอีกคนรีบวิเคราะห์เสริม “หรือว่าท่านประมุขจะถูกพิษร้าย จนช่วยเหลือตัวเองมิได้ แล้วตกหน้าผา”

ประเด็นคือตกหน้าผา ด้วยสาเหตุต่างๆ พวกเขาล้วนต้องช่วยกันขบคิด

ชายชุดแดงจึงถมึงทึงคำรามลั่น “จะบ้ารึ!” ใครก็อย่าริบังอาจมาดูถูกฝีมือท่านประมุขของเขา

“วิชาสยบหมื่นพิษของท่านประมุขมิใช่เรื่องล้อเล่น ต่อให้ท่านประมุขถูกพิษเป็นร้อยพันชนิดในคราเดียวกัน แค่ท่านสำลักโลหิตออกมา ก็ขับพิษออกได้หมดแล้ว จะตกหน้าผาด้วยเหตุนั้นได้อย่างไร” ชายชุดแดงบ่นยาวเหยียด

ชายผู้หนึ่งวางลูกตุ้มเหล็กหนาหนักลงบนพื้นจนดินยุบไปหลายชุ่นแล้ววิเคราะห์บ้าง

“หรือว่าท่านประมุขเดินสะดุดก้อนหินแล้วตกลงไป”

“...!?”

ทุกชีวิตถึงกับทำอาวุธหลุดมือเสียงดังเคล้ง!

ชายชุดแดงยิ่งกราดเกรี้ยว “ตบปากมัน!”

อึดใจเสียงผลัวะพลั่กมากกว่าตบปากพลันเกิดขึ้น

ชายในอาภรณ์สีแดงเพลิงอยากจะร้องไห้นัก ท่านประมุขหงผู้ยิ่งใหญ่ของเขา จะตกหน้าผาด้วยเหตุใดก็ได้

แต่ต้องมิใช่เดินสะดุดก้อนหิน ฮึ่ม!

ทางมุมหนึ่งเหนือขึ้นไปบนต้นไม้ เฟิงหลิวนั้นวิชาตัวเบาเป็นเลิศการซ่อนเร้นเป็นเยี่ยม จึงไม่มีใครมองเห็นเขาสักคน เว้นเอาไว้แค่เจ้านกประหลาดเท่านั้นที่สามารถมองเห็นเขา

แต่เรื่องนั้นปัดไปก่อน ยามนี้การแก้ตัว อ่า...มิใช่ มันมิใช่การแก้ตัว แต่เป็นการแก้ไขสิ่งที่พวกเขากำลังเถียงกันเกี่ยวกับท่านหงซือกวนต่างหากเล่า เพราะอย่างไรเสีย ความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนย่อมต้องมี

เขาหาใช่บุรุษขี้ขลาดไม่!

ชายหนุ่มคิดในใจด้วยท่าทางองอาจผึ่งผาย เปิดเผยจริงใจ จึงเลือกที่จะปรากฏกายออกมาสู่สายตาของเหล่าชายกล้ามใหญ่ทั้งหลายด้วยตนเองในทันที

เสียงรุมประชาทัณฑ์เจ้าของตุ้มเหล็กที่บังอาจวิเคราะห์สาเหตุการตกหน้าผาของท่านประมุขได้ต่ำตมพลันเงียบลง เมื่อเฟิงหลิวปรากฏกายออกมาดังสายน้ำพลิ้วไหว สายลมอ่อนโชย ประหนึ่งดั่งลอยลงมาจากสรวงสวรรค์

กลุ่มชายฉกรรจ์พลันหันหน้ามองเฟิงหลิวเป็นตาเดียวกัน พร้อมทั้งยืนตัวตรงตระหง่านดำทะมึนคล้ายปราการสูงใหญ่ สายตาเย็นเยียบแฝงความนัยว่าพร้อมฆ่าล้างสังหารจนแดดิ้น มิให้ชายตรงหน้าเหลือแม้แต่เถ้ากระดูกเก็บใส่โถ

เฟิงหลิวลอบกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก เขาอุตส่าห์โรยตัวลงมาด้วยท่วงท่าอันงดงามแล้วเชียว

ไม่รื่นรมย์กันเลยรึ!

“เจ้าเป็นใคร?” เสียงห้าวใหญ่ของชายตัวโตผู้มีอาวุธเป็นเคียวเสี้ยวจันทร์เอ่ยถามทันที ไร้ซึ่งมิตรไมตรีอันใดทั้งนั้น

เฟิงหลิวยกยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยเสียงนุ่มหมายล่อลวงชายด้วยกันให้ใจเย็นลง “พวกท่านสงบสติกันก่อนเถิด ข้าแค่ออกมาเพื่อไขข้อข้องใจ อ้อ...” ชายหนุ่มลากเสียงเล็กน้อยเพื่อกล่อมผู้ฟังอย่างมีชั้นเชิง

“ก่อนอื่น ข้าต้องแน่ใจก่อนว่าพวกท่านรู้ได้อย่างไร ว่านั่นเป็นหลุมศพใคร แล้วเหตุใดจึงแน่ใจว่าเขาคือคนสำคัญของพวกท่านที่ตกลงไปที่ก้นเหวนั่น” เขาแค่อยากยืดเวลาแห่งการสนทนาให้ชายกล้ามแน่นทั้งหลายผ่อนคลาย แล้วลดทอนกลิ่นอายคล้ายขุมนรกก็เท่านั้น

ชายชุดแดงแค่นเสียงฮึคราหนึ่งแล้วยืดตัวกอดอกก่อนเลิกคิ้วสูงมั่นใจเต็มที่ “พวกข้าย่อมไปตามหาท่านประมุขที่ฝึกวิชาลับสุดยอดในห้องลับแล้วเป็นอย่างดี หากแต่กลับเจอซากศพมากมาย ทุกศพล้วนเกิดจากฝ่ามือหมื่นโลกันต์อันแสนจะร้ายกาจของท่านประมุข ซากศพหมาป่านั่นก็เช่นกัน” เขาปรายหางตามองไปทางหมาป่าจอมโหดตัวใหญ่ที่นอนตายเกลื่อนกลาดกลิ่นเลือดคาวคละคลุ้งไปทั่ว “เห็นได้ชัดแล้วว่า ท่านประมุขของข้าเคยปรากฏกายที่นี่”

ทันใดนั้นชายกล้ามใหญ่ผู้หนึ่งพลันเอ่ยแทรก “ข้ารู้แล้ว ท่านประมุขต้องถูกหมาป่าไล่กัดจนตกหน้าผาเป็นแน่”

“อ่า...” เสียงคนอื่นๆ ดังประสานขึ้นมาคล้ายกับเห็นพ้อง

เฟิงหลิวยังคงใจเย็น แม้เนื้อในอกจะกระตุกรุนแรง เมื่อการวิเคราะห์ใกล้ความเป็นจริงเข้ามาทุกที

ชายชุดแดงยังคงปกป้องท่านประมุขที่เคารพรัก “เป็นไปไม่ได้ หมาป่าพวกนี้หากเจอท่านประมุข คงไม่แคล้วหนูเจอราชสีห์ ไม่มีทาง!”

เฟิงหลิวลอบถอนหายใจโล่งอก

เสียงหนึ่งพลันเอ่ยจากกลุ่มชายกล้ามใหญ่ “อืม...แล้วเจ้าหมาป่าพวกนี้มันออกมาอาละวาดได้อย่างไรกัน มิใช่ว่าถูกผู้ใดสั่งการรึ!”

นั่นประไร! เฟิงหลิวคิ้วกระตุกถี่ๆ

แต่ก่อนที่ใครจะฉลาดจนเกินไป กระทั่งรู้ว่าต้นเหตุทั้งหมดคือเขา เฟิงหลิวจึงรีบเอ่ย “พวกท่านโปรดตรองดูให้ดีเถิด ท่านประมุขของพวกท่านฝีมือสูงส่งปานนั้น จะตกหน้าผาเพราะหมาป่าของข้าได้อย่างไร”

“หือ?”

ทุกสายตาของชายฉกรรจ์ดำทะมึนพลันมองเฟิงหลิวคล้ายกับอมโรคร้ายเอาไว้ในปาก

เฟิงหลิวพลันตระหนัก ไอ๊หยา! เผลอพลั้งปากไปเสียได้

ทว่ายังมิได้คิดสิ่งใด ร่างสูงเพรียวของเฟิงหลิวพลันลอยกระเด็นเพราะโดนฝ่าเท้ามรณะของกลุ่มชายฉกรรจ์

“เดี๋ยว...ฟัง...ข้า...ก่อน...” เสียงของชายหนุ่มผู้กำลังจะหาคำแก้ตัวเพื่อแก้ไขความผิดอย่างสวยงามห่างออกไปเรื่อยๆ และหายไปจากริมหน้าผาสู่ก้นเหวเบื้องล่างในที่สุด

หลังจากจัดการกับเจ้าของหมาป่าแล้ว พวกชายกล้ามใหญ่หน้าตาเหี้ยมเกรียมท่าทางหฤโหดก็หันหน้าเข้าหากันพลางวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง

“ข้าแน่ใจว่าหมาป่าของเจ้าบ้านั่นเป็นต้นเหตุให้ท่านประมุขตกหน้าผา แต่ทว่าถึงอย่างไร ข้าก็ไม่เชื่อว่าผู้เยี่ยมยุทธ์อย่างท่านประมุขจะตกหน้าผาเพราะหมาป่าแค่เท่านี้” ชายอาภรณ์สีแดงเพลิงเริ่มวิเคราะห์ในอีกครา

หากเปรียบฮ่องเต้ของราชสำนักเป็นโอรสสวรรค์ เช่นนั้นแล้วท่านหงซือกวนแห่งยุทธภพก็ไม่แคล้วเป็นโอรสแห่งขุมนรกอเวจี การตกหน้าผาครั้งนี้ จะธรรมดาเยี่ยงสามัญมิได้!

“ท่านหัวหน้า” ชายอีกคนกล่าวคำพลางคลึงอาวุธลับที่เป็นมีดคมสิบสองแฉกในมือ “ลองดูที่ป้ายให้ดีเถิด มีป้ายของนกประหลาด แน่นอนว่าเป็นคู่หูของท่านประมุข แต่อีกป้ายกลับเป็นคำว่า หญิงคนรัก”

ทุกคนพลันหรี่ตามองตามคำกล่าวนั้น

เพียงอึดใจเดียวพวกเขาก็มองหน้ากันไปมาด้วยความหมายทางสายตาว่า

ท่านประมุขคิดสั้นเพราะหญิงคนรัก!

เรื่องนี้นับได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ พวกกลุ่มชายฉกรรจ์ซึ่งเป็นสมุนของสำนักหมื่นโลกันต์เหล่านี้ ต่างต้องการให้ท่านประมุขหงซือกวนที่เอาแต่สังหารโหดเข่นฆ่าไล่ล่าคร่าชีวิตศัตรูไม่เว้นวันนั้น ได้มีคนรักเสียที

หากเป็นจริงดั่งวาจาทางสายตา พวกเขาก็พร้อมจะลั่นกลองร้องป่าวประกาศก้องไปทั่วยุทธภพอย่างยินดีปรีดาเลยทีเดียว

อนิจจา...ไม่มีใครเลยสักคนที่เป็นห่วงว่า ท่านประมุขจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ด้วยเพราะแน่ใจว่าเจ้าแห่งสำนักหมื่นโลกันต์ผู้ยิ่งใหญ่ ต้องไม่ตายง่ายๆ แน่

ป้ายหน้าหลุมศพทั้งสามย่อมไม่แคล้วเป็นวิธีตบตาอันแยบยลของนายเหนือหัว เพื่อพิสูจน์รักแท้ พวกเขาจึงคิดได้แค่เพียงตามสืบข่าวของท่านประมุข ว่าทำอะไรอยู่ที่ไหนกับคนรักอย่างไร เพื่อลงบันทึกกิจวัตรประจำวัน เสมือนขันทีเฒ่าที่เฝ้าลงบันทึกประวัติศาสตร์ให้ราชวงศ์ก็เท่านั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel