บท
ตั้งค่า

อย่าคิดอีกเลย

เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน สองชายหญิงกับหนึ่งนกประหลาดจึงเดินเข้าอาณาเขตของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง

ถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลมากนักในระดับสายตา หากแต่หงซือกวนกลับรับรู้ได้ว่า หมู่บ้านทางข้างหน้าผิดปกติบางประการ กลิ่นอายวังเวงมืดครึ้มแผ่กำจายไปทั่วจนเขารู้สึกได้

“เฟยเฟย” เสียงทุ้มจึงเอ่ยเรียกนกประจำกายแค่นั้น

และนั่นก็เปรียบดั่งคำสั่งคล้ายรู้ใจกันได้อย่างน่าแปลกใจ เจ้านกตัวใหญ่นามว่าเฟยเฟยพลันสะบัดปีกพุ่งทะยานไปอย่างปราดเปรียว ยังทิศทางของหมู่บ้านที่เห็นอยู่ไกลลิบข้างหน้าของสองชายหญิง

ชั่วสิบลมหายใจเจ้านกตัวใหญ่ก็บินโฉบกลับมาพร้อมบางสิ่งในจะงอยปาก

เมื่อมันคายออกจนเจ้าสิ่งนั้นหล่นตุบลงพื้นดิน เหม่ยหลินพลันเบิกตากว้างอย่างตกใจ ในขณะที่หงซือกวนเพียงหรี่ตามองอย่างเย็นชา

เจ้าสิ่งนั้นคือโครงกระดูกมนุษย์ในส่วนฝ่ามือที่มีเนื้อเน่าเปื่อยเหม็นคลุ้งและมีหนอนชอนไชอยู่ตามข้อนิ้วมือ

เหม่ยหลินถึงกับยืนจ้องนิ่งที่ฝ่ามือปริศนาเน่าเฟะนั้นอย่างเงียบงัน ทั่วทั้งเรือนร่างพลันชะงักเกร็ง นางพยายามอย่างเต็มที่มิให้ตนเองอาเจียนออกมา

หงซือกวนจึงออกเดินทางต่อไปโดยให้นางข้างกายได้เดินตามหลังมา เพื่อที่จะได้ละสายตาจากภาพฝ่ามือปริศนาตรงหน้า แต่ทว่าทิศทางเดียวที่พวกเขาจำต้องเดินไปนั้น หาได้เป็นทางอื่นใดนอกจากหมู่บ้านที่เห็นอยู่ไกลๆ นั่นไม่

และก็อีกเช่นเคย ที่เหม่ยหลินย่อมไม่เดินห่างจากชายร่างสูงที่มักจะแผ่กลิ่นอายเย็นเยียบตลอดเวลา ความอันตรายจนน่าสะพรึงรอบด้านล้วนราบเรียบเมื่อเทียบกับเขา

ทั้งสองใช้เวลาแค่ไม่นานก็เดินมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หมู่บ้านแห่งนี้ใหญ่โตมากกินอาณาเขตค่อนข้างกว้างขวาง บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นหมู่บ้านที่เจริญเป็นอย่างมากมาก่อน

หากแต่ทั้งหมู่บ้านกลับมีสภาพที่ไม่ต่างจากสุสานเลยสักนิด รอบทิศที่ควรมีบ้านเรือนเป็นหลังสวยงามล้วนพังพินาศย่อยยับ มองไปทางใดเห็นแต่ซากปรักหักพัง นอกจากนั้นยังมีซากศพที่เหลือเพียงโครงกระดูกกระจัดกระจายเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด ใกล้ๆ กับซากศพเหล่านั้นมีอาวุธหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นดาบกระบี่หรือว่าหอกและทวน กลิ่นคาวคละคลุ้งเหม็นเน่าลอยตลบอบอวลส่งกลิ่นน่าคลื่นเหียนรุนแรงยิ่งนัก

เหม่ยหลินพลันชะงักปลายเท้าน้อยๆ ทันใด นางไม่อาจก้าวเท้าได้ต่อไปแม้เพียงครึ่งก้าว

หงซือกวนยังคงเดินเข้าไปยังหมู่บ้านสุสานแห่งนี้อย่างใจเย็น สายตาคมดำเพียงหรี่เล็กลงเพื่อพิจารณา หากแต่ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ ความรู้สึกไม่ธรรมดาพลันบังเกิด เขารู้สึกคุ้นชินกับบรรยากาศเยี่ยงนี้อย่างประหลาด เสมือนว่ามันควรเกิดขึ้น หมู่บ้านแห่งนี้ควรอยู่ในสภาพนี้อย่างที่เห็น ไม่ควรเป็นอื่น

ชายหนุ่มยิ่งมองยิ่งให้รู้สึกซับซ้อน หากแต่ในความรู้สึกนั้นกลับเพิ่มความคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เขาจึงค่อยๆ หลับตาลง ซึมซับกลิ่นอายเหม็นคาวคละคลุ้งอันน่าสะอิดสะเอียดเข้ามาในโสตประสาทอย่างเงียบงัน

ภาพของชายร่างสูงที่ยืนนิ่งเคร่งขรึมโดดเด่นเป็นสง่า มีนกประหลาดตัวใหญ่ดำทะมึนเกาะบ่ากว้าง รอบด้านล้วนน่าสะพรึงชวนหวาดผวา แต่ทว่ากลับมีประกายเย็นเยียบเฉียบขาดแผ่ปกคลุมรอบตัวเขา

ทั่วเรือนร่างของเขาเสมือนมีความมืดดำแผ่กระจาย ปกคลุมเหนืออันตรายยิ่งกว่าขุมนรกทั้งหมดทั้งมวล คล้ายกับว่าเขาสามารถนำพาความฉิบหายให้บังเกิดในทุกที่ที่เขาย่างกรายพาดผ่าน รอบด้านที่มีสภาพคล้ายกับมีคนตายทับถมจนสูงเท่าภูเขา ล้วนเกิดจากเขาผู้นี้ไม่ผิดเพี้ยน

นั่นคือภาพที่ปรากฏอยู่ในครรลองสายตาของเหม่ยหลิน นางรับรู้ได้อย่างนั้นจนน่าประหลาดใจ และนางก็เชื่อเช่นนั้นอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้

ไม่รู้ว่าทำไมกัน นางจึงมองเห็นภาพพี่หง เสมือนยืนเหยียบชิ้นส่วนศพนับร้อยบนซากปรักหักพังนั่น

หญิงสาวยืนนิ่งจ้องมองแผ่นหลังกว้างของชายตรงหน้าที่มีนกทมิฬตัวใหญ่เกาะไหล่อยู่ไม่ห่าง นางรู้สึกได้ว่า ตั้งแต่เจอกับพี่หง นางก็มักจะได้เจอเรื่องน่าสะพรึงมาโดยตลอด ตั้งแต่การฆ่าเลือดสาดจนกระทั่งสังหารโหดแบบตายหมู่ในสภาพแขนขาขาดหลุดลอยกระเด็น ศพตายเกลื่อนกลาดกระจัดกระจายให้ได้เห็น ตั้งแต่วัดร้างกระทั่งก่อนตกหน้าผา ทุกที่ที่เดินผ่านมา เหล่าสัตว์ร้ายยังต้องเว้นทางให้เขา

เหม่ยหลินสัมผัสได้ว่าพี่หงเป็นบุรุษเหนือสามัญตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน เสื้อผ้าเนื้อหนาสีดำสนิทของเขาก็ไม่ธรรมดา รองเท้าหนังสีดำด้านที่หุ้มมาถึงเข่าก็หาได้พบโดยทั่วไปที่ใครจักสามารถหามาใส่กัน กิริยาท่าทางที่สงบเยือกเย็นของเขานั้นยังแฝงกลิ่นอายอันตรายตลอดเวลา การเข่นฆ่าศัตรูก็โหดเหี้ยมมองไม่เคยทัน แค่พริบตาเดียวคนเหล่านั้นก็กลายเป็นศพเพียงชั่วอึดใจ

ยามเป็นเด็ก นางเคยอยู่ในเหตุการณ์กบฏกลางเมืองมาแล้ว ยามนั้นนางได้รับการคุ้มกันจนปลอดภัย หากแต่สายตาของนางล้วนมองเห็นและเก็บภาพการเข่นฆ่ากบฏเอาไว้ได้โดยละเอียด หากแต่นั่นกลับเป็นภาพที่ชวนหวาดผวาได้ไม่ถึงครึ่งของพี่หงยามสังหารโหดผู้คนด้วยซ้ำ

เหม่ยหลินยิ่งคิดยิ่งเริ่มตระหนักได้บางอย่าง เป็นไปได้ว่าพี่หงอาจจะมิใช่บุคคลธรรมดา มิใช่เพียงคุณชายเย็นชา และยิ่งมิใช่บัณฑิตหรือนักปราชญ์ทั่วไป

หากแต่ยิ่งพิศมองให้ละเอียดแล้วนั้น บางทีเขาอาจจะเป็นมากกว่าโอรสสวรรค์ด้วยซ้ำไป เสด็จพ่อของนางยามอยู่บนหลังอาชาเพื่อเข่นฆ่าล่าอาณาจักร พระองค์ยังไม่น่าเกรงขามเท่าพี่หงเลย

แน่นอนว่านางเคยเห็นเสด็จพ่อสังหารผู้อื่น ยามนั้นแม้จะยังเด็กมากนัก หากแต่ครั้งที่เสด็จแม่ถูกลักพาตัวกลับแคว้นบ้านเกิดพร้อมกับนาง เสด็จพ่อยกทัพไปพาตัวเสด็จแม่กับนางกลับมา นางล้วนเคยเห็นความห้าวหาญของเสด็จพ่อจนสิ้น

หากแต่ครานั้นเป็นการรบกันเฉพาะคู่ต่อสู้ที่เท่าเทียม หาได้เป็นชาวบ้านร้านตลาดเยี่ยงภาพของเศษซากหมู่บ้านตรงหน้านางในยามนี้ไม่

ความสยดสยองพร้อมธารโลหิตสีแดงฉานกับเปลวเพลิงเผาไหม้ที่ลุกโชติช่วงชัชวาลท่ามกลางซากศพร้อยพันปานขุมนรกที่นางเคยได้เห็นนั้น กำลังซ้อนทับกับพี่หงในยามนี้ เป็นไปได้ว่าพี่หงย่อมกระทำอย่างนั้นได้ไม่ยาก หากพี่หงความจำกลับคืนมา

มันอาจจะเป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่?

มิรู้ได้เหมือนกันว่าทำไมนางถึงรู้สึกได้เช่นนี้

พี่หงอาจจะเป็นใครสักคนที่สามารถทำเรื่องเลวร้ายป่าเถื่อนได้อย่างนั้น และหากเขาจำได้ว่าตัวตนจริงๆ เป็นใคร ก็เป็นไปได้ว่าเขาจักกลับไปเป็นพญามัจจุราชเยี่ยงฝันร้ายที่นางกำลังนึกถึง โดยที่เขาอาจจะโหดเหี้ยมมากกว่านี้ เย็นชามากกว่านี้ และไม่แม้แต่หันหลังกลับมามองนาง...

เหม่ยหลินเริ่มคิดการณ์ถึงภาพน่ากลัววกวนไปมา ประหนึ่งเห็นภาพจริงมิใช่มายา ความเห็นแก่ตัวในก้นบึ้งของหัวใจเริ่มปรากฏ ถึงแม้ว่านางจะเป็นสตรีสูงศักดิ์ ควรที่จะต้องเก็บข่มอารมณ์ปรารถนาและความต้องการให้มากกว่าผู้อื่น แต่ทว่า...

นางยอมรับว่านางนึกชมชอบเขา นางกำลังตกหลุมรักบุรุษผู้นี้

นางไม่สนใจหรอกว่าเขาจะเป็นใครมาจากไหน นางไม่สนใจว่าเขาอาจจะยิ่งใหญ่ปานใด แต่หากเขาความจำกลับคืนแล้วจากนางไป...

เหม่ยหลินยิ่งคิดยิ่งตระหนกและฟุ้งซ่านเป็นที่สุด สายตาสวยหวานพลันวูบไหวสาดประกายดื้อรั้น นางจ้องนิ่งที่แผ่นหลังตั้งตรงงามสง่าของหงซือกวนอย่างเงียบงัน สองฝ่ามือกำเข้าหากันแน่น

ไม่นะ! นางไม่ยอม

นางไม่อาจยอมให้เขาความจำกลับคืนมา....

เมื่อคิดเช่นนั้น ฝ่าเท้าน้อยๆ จึงพาเรือนร่างอรชรเข้าหาชายตรงหน้าอย่างไม่อาจห้ามใจ

ในยามนี้ หงซือกวนกำลังยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าซากปรักหักพังของหมู่บ้านที่คล้ายสุสานที่เต็มไปด้วยซากศพเน่าเฟะตรงหน้า ชายหนุ่มหลับตาพลางขบคิดถึงเหตุการณ์บางประการ

เหตุการณ์นั้นคือภาพของชายผู้หนึ่งในอาภรณ์สีดำสนิทกำลังประหัตประหารไล่ล่าเข่นฆ่าผู้คนจนตายเกลื่อนทั้งหมู่บ้าน ชายผู้นั้นยืนนิ่งอยู่บนกองศพนับร้อยพัน ปลายเท้าในรองเท้าหนังหุ้มถึงเข่ากำลังเหยียบศีรษะที่ถูกเขาสะบั้นจนเลือดสาดกระเซ็น หัวกะโหลกนับพันกลิ้งไปมารอบตัว เปลวเพลิงปานไฟบรรลัยกัลป์แผดเผาไปทั่ว เป็นภาพน่ากลัวที่ชายผู้นั้นคิดว่าช่างสวยงามยามได้ยล ชายผู้นั้นเป็นใครกัน ไยเขาถึงได้รู้สึกคุ้นเคยเสียเหลือเกิน

ในขณะที่หงซือกวนกำลังคิดถึงภาพอันโหดร้ายปานอยู่ในขุมนรก เสียงแว่วหวานเสียงหนึ่งพลันดึงเขากลับคืนมา

“พี่หง”

เสียงนั้นทำชายหนุ่มจำต้องลืมตา ล้มเลิกความคิดคำนึงถึงภาพปริศนาที่คุ้นเคยอย่างประหลาดทั้งหมดไป

เหม่ยหลินมายืนอยู่ตรงด้านหน้าของหงซือกวน แล้วแหงนหน้ามองเขาด้วยประกายตาสั่นไหวนึกกลัวจับใจ หากแต่นางมิได้กลัวเขา แต่นางกำลังกลัวว่าเขาจะนึกอะไรได้ขึ้นมา

สายตาสวยหวานพันผูกกับสายตาคมเข้มอย่างแน่นหนา ความคิดชั่วร้ายบางอย่างแล่นวูบไหลผ่าน

“ไม่ต้องคิดแล้ว” หญิงสาวเอ่ยออกมาในทันที หมายขัดขวางความคิดทุกสิ่งของชายหนุ่มตรงหน้า

นางสังเกตได้ว่าเขาเครียดขรึมมากนักยามหลับตา ใบหน้าคมคายของเขาเริ่มมีเหงื่อผุดพราย เรียวคิ้วคมเข้มขมวดพันกันแน่นคล้ายกำลังครุ่นคิดหนักหน่วง กล้ามเนื้อตรงสันกรามตึงเครียดจนนูน

เขาคงกำลังพยายามคิดเรื่องราวแห่งตนอยู่เป็นแน่!

นางไร้ซึ่งการยับยั้งชั่งใจอันใดทั้งนั้น ริมฝีปากของนางพยายามคลี่ยิ้มงดงามที่สุดเพื่อส่งให้เขา หากแต่นัยน์ตาสวยหวานกำลังสั่นระริกเผยความนัยอย่างไม่อาจควบคุม

“ได้โปรด อย่าคิดอีกเลย...” นางเอ่ยอีกคราด้วยเสียงที่แผ่วลงกว่าเดิม ทั้งยังใจกล้ามากพอที่จะเอื้อมมือน้อยๆ ไปจับมือใหญ่ของเขาอีกด้วย

สายตามืดดำบนใบหน้าคมคายทอประกายอ่อนไหววูบผ่าน ตามมาด้วยฉายแววประหลาดใจไม่น้อยที่นางตรงหน้ากล้าหาญมากนัก

นางกล้าจับมือเขา ทั้งยังบีบเสียแน่น!

สัมผัสนุ่มนิ่มของฝ่ามือคนงามยามกุมมือใหญ่ ทำมุมปากบนใบหน้าคมคร้ามเริ่มยกโค้งบางเบา

ดวงตาฉ่ำน้ำพร้อมรอยยิ้มพริ้มเพราแฝงความเจ้าเล่ห์ของสตรีตรงหน้า ทำหงซือกวนรู้สึกพึงใจไม่น้อย แม้แต่เจ้าตัวยังคิดไม่ถึงว่าเขาจักพอใจในความกล้านี้ของนาง

นางตรงหน้า ทำให้เขาได้เปิดหูเปิดตาเสียแล้ว...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel