บทที่ 3
ดูเหมือนท่าทางหวาดกลัวของนางจะยังไม่หนำใจ ชายหนุ่มผลักไสนางไปด้านหน้าอย่างไม่ปรานีปราศรัย ให้ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเหอหญงเต๋อกับเขา
“หรือเจ้ามีใจเป็นอื่น ถึงกล้าส่ายหน้าปฏิเสธข้าเช่นนี้” น้ำเสียงเนิบนาบราวกับถามไถ่เรื่องดินฟ้า หากแต่แววตาส่องประกายวาวโรจน์แฝงนัยข่มขู่
หญิงสาวก้มหน้าสะอึกสะอื้นอย่างสุดกลั้น นิ้วทั้งสิบขยุ้ม
กระโปรงแน่น อากัปกิริยาของนางพาให้คนอดสงสารเสียมิได้ ทว่าชายหนุ่มขยับปลายเท้าเข้ามาใกล้นางอีกนิด ดวงตาคมกริบทอดมองนางอย่างอ่อนโยน แต่ในเสี้ยวพริบตาดาบสั้นพลันวาบขึ้น
กุ้ยหลินสะดุ้งเฮือก สูดหายใจแรงด้วยความเหน็บหนาว ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาวขณะเบิกตากว้างจ้องมองใบดาบวาววับคมกริบที่พาดอยู่บนลำคอขาวผ่องของตน
“ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะทรยศต่อความรักของข้า เช่นนั้นก็เตรียมตัวไปเสวยสุขกับชายอื่นในภพหน้าเถิด” ไม่เพียงพูดเปล่า เขายังเลื่อนสายตาเยือกเย็นประดุจน้ำแข็งไปยังเหอหญงเต๋อ ยังผลให้อีกฝ่ายชาวาบไปทั้งร่าง ก่อนเลื่อนสายตากลับมามองนางอีกครั้ง
ฮือ นึกไม่ถึง ครั้งแรกที่นางก้าวเข้าสู่ยุทธภพ สวรรค์จะลิขิตให้นางต้องตายด้วยน้ำมือของผู้ชายที่นางไม่รู้จักอย่างน่าสมเพช หนำซ้ำยังถูกปรักปรำทั้งที่ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง นางยังอายุไม่ถึงยี่สิบและยังมิได้ออกเรือนด้วยซ้ำ!
ประการสำคัญ ถ้าหากนางยังเดินทางไปไม่ถึงสำนักหมื่นพิษตามคำสั่งของเจ้าสำนักฝู้กุ้ยเซียน นางต้องถูกขับออกจากสำนักบุปผาหยกเป็นแน่แท้!
กุ้ยหลินกลั้นเสียงสะอึกสะอื้น เอ่ยแผ่วเบากับชายหนุ่มด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ หมายทวงความเป็นธรรมก่อนตาย
“ข้าไม่ได้ อึก... ข้าไม่ได้มีใจเป็นอื่น และไม่รู้จักคุณชายท่านนั้นด้วยซ้ำ” สิ้นประโยค นางแถมสะอื้นน้อยๆ
นางไม่รู้จักเหอหญงเต๋อ อีกทั้งไม่รู้จักเขา เหตุใดต้องกล่าวหาว่านางมีใจเป็นอื่นด้วย เอาเถิด... ก่อนลงไปยังปรโลกนางต้องล้างมลทินให้ตนเองเสียก่อน
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มคล้ายพึงพอใจ จากนั้นแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมมองเหอ หญงเต๋อ “งั้นหรือ ในเมื่อเจ้าไม่มีใจเป็นอื่น เหตุใดคุณชายท่านนี้ถึงไล่ตามเจ้า ซ้ำยังแอบอ้างว่าเจ้าเป็นภรรยา”
“ข้า... ข้าไม่รู้” นางรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
เหอหญงเต๋อมีสีหน้าเผือดสีลงทันที เขาแสร้งขยี้ตาทั้งสองข้างด้วยความหัวไวเพราะรู้ว่าหากไม่รีบแก้สถานการณ์ คนที่โชคร้ายรายต่อไปย่อมเป็นเขาอย่างมิต้องสงสัย
“คุณชายท่านนี้ใจเย็นก่อน เป็นข้าเข้าใจผิดคิดว่าแม่นางผู้นี้เป็นภรรยา เมื่อครู่ข้ามองเห็นนางเพียงไกลๆ เท่านั้น ไม่นึกว่าจะจำผิดคน ขออภัยคุณชายและแม่นางด้วย”
ถ้อยคำไร้ที่มาที่ไปของเหอหญงเต๋อเป็นใครย่อมดูออกว่าเขาโกหก ทว่าชายหนุ่มคร้านที่จะใส่ใจต่อ เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เก็บดาบสั้นไว้ในแขนเสื้อ ดุจมิได้นำมันออกมาใช้
“อ้อ เช่นนี้เองหรือ หากเป็นการเข้าใจผิด เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน ดูเหมือนภรรยาของข้าจะขวัญเสียอยู่มาก”
เป็นจริงดังคำของชายหนุ่ม ช่วงที่เขาชักดาบสั้นกลับ สองขาของนางพลันอ่อนยวบปานไร้กระดูก ร่างบางระหงทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างน่าเวทนา
บุรุษร่างสูงโปร่งพยุงหญิงสาวลุกขึ้น แบกนางขึ้นบ่า ใช้วิชาตัวเบาทะยานขึ้นหลังคารวดเร็วดุจภูตผี เพียงชั่วครู่ทั้งนางและเขาก็ออกมานอกเขตตลาดอันแออัด
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ นางเริ่มตื่นจากภวังค์ อาการตื่นกลัวค่อยปลิวหายไปพร้อมกับสายลม
กุ้ยหลินซึ่งถูกพาดอยู่บนบ่ากว้าง มองเบื้องล่างด้วยความงุนงง ผ่านไปครู่หนึ่ง หัวใจของนางเริ่มหดเกร็ง ตามมาด้วยอาการแตกตื่นตรึงเครียด ทั้งนี้นางเพิ่งตระหนักเดียวนี้เองว่าเท้าตนเองมิได้แตะพื้น!
สูง... สูงเหลือเกิน นางหวีดร้องในใจอย่างอกสั่นขวัญแขวน แต่กระนั้นก็ไม่กล้าส่งเสียงร้องออกมา ด้วยกริ่งเกรงว่าถ้าหากทำให้ผู้ชายคนนี้ไม่พอใจ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะปล่อยนางตกลงไปกระแทกกับพื้นศิลาจนร่างแหลกเหลวก็เป็นได้
เสียงลมพัดหวีดหวิวกระโชกดังไม่ขาดระยะ กุ้ยหลินยกมือขึ้นปิดปาก พยายามข่มกลั้นความหวาดเสียว นางหดคอเกร็ง สำรวมตัวยอมให้เขาพาไปแต่โดยดี อย่าว่าแต่ไม่กล้าดิ้นรนเลย กระทั่งจะร้องไห้นางยังไม่กล้า
ล้อเล่นหรือไม่... ผู้ชายคนนี้ใช้วิชาเบาพานางออกมาไกล ซ้ำยังแบกร่างนางพาดบ่า แต่ลมหายใจของเขากลับไม่สะดุด มิหนำซ้ำก่อนหน้านั้นที่เขาเผชิญหน้ากับจอมยุทธเจ้าชู้อย่างเหอหญงเต๋อ สายตาของเขาคมกริบราวกับคมมีด เห็นได้ชัดว่าพลังฝีมือของเขาต้องสูงส่งดุจเดียวกัน
ผ่านไปอีกสักพักใหญ่ ต่อเมื่อสัมผัสได้ว่าปลายเท้าของชายหนุ่มแตะถึงพื้น หากแต่วงแขนแกร่งยังคงไม่ปล่อยให้นางเป็นอิสระ นางอึกอักอ้ำอึ้งอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยถามอย่างคนกล้าๆ กลัวๆ ว่า
“ท่าน... ปล่อยข้าได้หรือไม่”
ชายหนุ่มมิได้ตอบว่ากระไร เพียงแต่ผินหน้ากลับมามองนางอย่างมิใคร่พอใจนัก จากนั้นค่อยชะลอฝีเท้า กวาดตามองรอบๆ คล้ายมองหาบางสิ่ง
นางขมวดคิ้วมุ่น รอแล้วรอเล่าแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยนางลงเสียที ดวงตาใสกระจ่างเผยแววไม่พอใจ อดมิได้ที่จะเอ่ยซ้ำ
“อย่างไรข้าก็ขอบคุณท่านมาก ถ้ามีโอกาสข้าจะตอบแทนคุณท่าน แต่ว่า... ได้โปรด ปล่อยข้าลงก่อนเถิด”
เนิ่นนานหลังประโยคนั้น บุรุษหนุ่มค่อยเอ่ยขึ้นว่า
“ไม่ได้”
“หา? ทำ... ทำไมถึงไม่ได้”
ชายหนุ่มเอี้ยวหน้ามองนางอย่างเย็นชา ดวงตาคมกริบพาให้ผู้พบเห็นสั่นสะท้านได้โดยง่าย น่าเสียดายที่นางถูกแบกไว้บนบ่าจึงไม่ได้เห็นแววตาอันตรายคู่นั้น “เพราะเจ้าต้องไปกับข้า”
คำพูดสั้นๆ ยังผลให้นางแข็งทื่อไปโดยพลัน
ไปกับเขา! ไม่จริงใช่หรือไม่ เขาคงไม่ได้คิดทำมิดีมิร้ายกับนางหรอกนะ ทั้งที่นางเพิ่งรอดเงื้อมมือมาจากเหอหญงเต๋อแท้ๆ คราวนี้ยังจะอะไรอีก...
คิดมาถึงตรงนี้ หัวใจของนางเริ่มดิ่งวูบด้วยความพรั่นพรึง หยาดน้ำอุ่นเอ่อคลอเต็มเบ้า กุ้ยหลินดิ้นขลุกขลักบนไหล่กว้างพลางกรีดร้อง “มะ... ไม่นะ ปล่อยข้า! ปล่อยข้าสิ!”
ทว่าต่อให้แผดเสียงร้องจนคอแทบแตก หรือตระโกนจนลูกกระเดือกกระเด็นออกมานอกลำคอ ชายหนุ่มก็หาได้ใส่ใจไม่ เขาขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเกร็งกระตุกขณะเดินดุ่มๆ ไปข้างหน้าปล่อยให้นางสะอึกสะอื้นบนไหล่กว้าง
ฮือ... คราวนี้นางแย่จริงๆ แล้ว!!!