บทที่ 4
ถนนสายยาวพลุ่งพล่านจอแจไปด้วยผู้คนทุกแบบทุกลักษณะ พ่อค้าแม่ขายต่างตะโกนเชื้อเชิญแขกเหรื่อเข้ามาชมดูสินค้าที่ตั้งเรียงรายสองข้างทางจนแน่นขนัดตา บรรยากาศโดยรอบแออัดคึกคัก...
ทว่ากุ้ยหลินกลับก้มหน้างุด ได้แต่ลอบชำเลืองสายตามองหาหนทางหนี!
นางรู้ตัวดีว่าตนมิได้ฉลาดหลักแหลม มิได้เก่งกาจวรยุทธ์และยิ่งมิได้ว่องไว หนำซ้ำยังเป็นคนขี้ขลาด ที่ผ่านมานางมักจะใช้พิษต้านพิษ เรื่องวิชาแพทย์นางร่ำเรียนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเหตุนี้ยานอนหลับของเหอหญงเต๋อถึงทำอะไรนางไม่ได้
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้นางมีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้คือ นางไม่คิดก้าวเข้าสู่ ยุทธภพและไม่คิดจะข้องเกี่ยวกับผู้อื่นถ้าไม่จำเป็น นั่นคือสิ่งที่นางยึดมั่นมาโดยตลอด ทว่าเมื่อหลายวันก่อน เจ้าสำนักกลับมีคำสั่งให้นางเดินทางไปยังสำนักใหญ่อย่างสำนักหมื่นพิษ หากสวรรค์ไม่เมตตา นางก็คงดวงแข็งพอที่ไม่ถูกเสือสิงห์จับกินหรือถูกโจรป่าข่มเหงรังแกระหว่างทางก่อนมาถึงจงหยวน...
หญิงสาวซึ่งเดินตามหลังชายหนุ่มทำท่างกๆ เงิ่นๆ ดวงตากระจ่างใสดุจสายน้ำคอยสำรวจภาพรอบข้าง ก่อนจะตรึงสายตาบนแผ่นหลังกว้าง
นับว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้ายได้หรือไม่ แม้จะถูกบุรุษแปลกหน้าผู้นี้จับตัวไว้ ทว่าเท่าที่นางลอบถาม เขาเองก็กำลังเดินทางไปยังเขาหมื่นพิษเช่นเดียวกับนาง
นางรู้สึกขัดแย้งในใจเหลือเกิน สัญชาตญาณบอกให้นางติดตามผู้ชายคนนี้ แต่อีกใจหนึ่งนางย่อมไม่ลืมความต้องการแท้จริงของบุรุษ...
กุ้ยหลินรวบรวมความกล้า ใช้โอกาสที่อีกฝ่ายไม่ทันสังเกต หมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว ตั้งท่าสะกิดปลายเท้าใช้วิชาตัวเบาหมายหลบหนี มิคาด เพียงร่างนั้นเอี้ยวตัวมาด้านหลัง ยื่นมือออกมาคว้าคอเสื้อนางไว้ ไม่เพียงนางหลบหนีไม่สำเร็จ ซ้ำคอเสื้อยังรัดรึงทำให้นางแทบหายใจไม่ออกอีกด้วย!
นางนิ่งชะงักงัน คล้ายกับรู้ว่าดิ้นรนไปก็ไม่เกิดประโยชน์
กุ้ยหลินหมุนตัวกลับ เงยหน้าขึ้นประสานสบตากับชายหนุ่ม
ก่อนหน้านี้นางตกใจจนมิได้สังเกตใบหน้าของเขาให้แน่ชัด บุรุษผู้นี้สูงกว่านางถึงช่วงหนึ่งศีรษะ ใบหน้านับว่าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา รูปร่างสูงโปร่ง ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน อาภรณ์สีขาวตลอดทั่วร่างช่วยขับเน้นท่าทางสุขุมลุ่มลึก หากนางไม่ได้เห็นกับตาว่าวิชาตัวเบาของเขาสูงส่งเพียงใด นางคงคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นบัณฑิตธรรมดาสามัญก็เป็นได้
ตั้งแต่ออกมาภายนอก นางได้ประจักษ์เรื่องหนึ่งว่าคนเราจะมองแต่รูปโฉมภายนอกไม่ได้จริงๆ
หญิงสาวขบริมฝีปาก จ้องมองนัยน์ตาคมกริบที่ฉายประกายเจิดจ้าราวกับสามารถฆ่าคนได้คู่นั้น ก่อนจะกัดฟันเอ่ยถาม “ท่านเป็นใคร ต้องการอะไรจากข้า”
ชายหนุ่มมิได้เอ่ยคำ ทำท่าเมินเฉยต่อคำถามของนาง
ท่าทางสุขุมอ่านยากของอีกฝ่ายทำให้นางไม่สบอารมณ์ ขณะเดียวกันคำถามมากมายก็ผุดขึ้นมาในสมอง ทั้งที่นางมิได้รู้จักเขามาก่อน เหตุใดผู้ชายคนนี้ต้องยื่นมือช่วยเหลือนางจากเหอหญงเต๋อ อีกอย่างการที่เขาเลือกเดินทางเส้นเดียวกับนาง นับว่าเป็นเรื่องประจวบเหมาะเกินไปหรือไม่นะ ที่สำคัญบนแผ่นดินนี้จะมีใครยินดีช่วยเหลือผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งทั้งที่มิได้หวังผล... นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว!
คนถูกหิ้วขมวดคิ้วแน่น กัดฟันถามซ้ำ “ท่านต้องการอะไรจากข้ากันแน่ จับตัวข้าไว้เช่นนี้มีจุดประสงค์ใด”
ชายหนุ่มมองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย ร่างสูงโปร่งไม่ขยับเขยื้อนราวขุนเขา ทว่ามือใหญ่ยังคงขยุ้มคอเสื้อนางแน่นขึ้นไปอีก ถ้าหากเขาออกแรงนิดเดียวก็สามารถบี้นางให้ตายคามือได้แล้ว
กุ้ยหลินสะดุ้งเล็กน้อย เนื่องเพราะเพิ่งตระหนักว่าเพลานี้ใบหน้าหล่อเหลาฉายประกายโทสะ นางจึงได้แต่หลุบตาลงต่ำ มิกล้าจ้องมองแววตาอันตรายคู่นั้น ไม่เอาน่า พลังฝีมือของเขาสูงเยี่ยม ถ้าหากนางไม่รีบหุบปากอย่างรู้กาลเทศะ ใครจะรับประกันได้ว่านางจะไม่ถูกคนผู้นี้ปลิดชีพด้วยฝ่ามือเดียว
นางก้มหน้าลอบสูดหายใจ เนิ่นนานกว่าจะเอ่ยผ่านน้ำเสียงแผ่วเบา “เอาเถิด ไม่ว่าท่านจะมีจุดประสงค์ใด ขอเพียงแค่ท่านไม่คิดข่มเหงรังแกข้าก็พอแล้ว”
ไม่ว่าผู้ใดก็ดูออกว่านางเพลานี้ไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือ ไม่มีทางหนีรอดเงื้อมมือผู้ชายคนนี้ไปได้ ช้าเร็วอย่างไรนางย่อมตกเป็นเบี้ยล่างของเขาอยู่ดี... หากเวลานั้นมาถึง นางค่อยหาวิธีหลบหนี คงยังไม่สายเกินไปหรอกกระมัง หรือหากคับขันจวนตัวจริงๆ นางจะ... กัดลิ้นปลิดชีพเสีย!
“ข้าไม่คิดข่มเหงเจ้า” บุรุษโพล่งขึ้น
คำพูดสั้นๆ หากแต่ยังความเชื่อมั่นมาให้นางเต็มเปี่ยม ประกอบกับประกายตาลุ่มลึกที่จ้องมองมา ทำให้หัวใจนางเต้นตุบๆ อย่างไร้สาเหตุ ความหวาดหวั่นในใจจึงค่อยๆ เลือนหายจากใบหน้าเล็ก
มิว่าผู้ชายคนนี้จะพูดจริงหรือไม่ แต่นางกลับมั่นใจโดยสัญชาตญาณว่าเขาต้องปกป้องนางได้เป็นแน่ หากไม่นับรวมพฤติกรรมเย็นชาของเขาล่ะก็ เขาต้องเป็นบุรุษที่ใครหลายคนปรารถนาฝากชีวิตด้วย...
คิดมาถึงตรงนี้ ดวงหน้าสะคราญตาพลันแดงก่ำ
บ้าจริงเชียว นางไม่สมควรคิดเช่นนี้กับคนแปลกหน้า อีกอย่างในเมื่อนางกับเขามีจุดหมายปลายทางเดียวกัน ดังนั้นเวลานี้นางจึงทำได้เพียงอ้อนวอนขอร้องชายหนุ่มอีกครั้ง
“เช่นนั้น ได้โปรดปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่ ข้ารับปากท่านว่าจะไม่หนีอีก”
สิ้นประโยค ฝ่ามือใหญ่ที่ขยุ้มคอเสื้อนางคลายออก นางจัดเสื้อผ้าของตน ต่อให้ผู้ชายคนนี้เย็นชาและน่ากลัว แต่นางจะลองเชื่อใจเขาสักครั้ง ยอมติดตามเขาแต่โดยดี...