บทที่3.คีริน เดอออง
“ป้า...ทั้งหมด4450 บาท เท่ากับว่า...เราได้กำไรเกินครึ่งนะคะ”
เมวิกายิ้มกว้างหลังนับเงินทั้งหมดเสร็จ การลงแรงแสนคุ้ม หากเป็นแบบนี้ทุกวัน นางกับติ๋มคงมีความเป็นอยู่ดีขึ้น เมื่อเงินลงทุนนั้น เมวิกาควักกระเป๋าจ่ายให้ไปแค่2000 แถมยังใช้ไม่หมดด้วย
“โห...ต้องรอดู ถ้าพรุ่งนี้ขายดีเหมือนวันนี้ก็น่าจะเพราะของเราดีจริง แต่ถ้าฝืดๆ คงเพราะคุณเม แล้วถ้าคุณเมไปนอก...เรามิแย่เหรอป้า” ติ๋มขมวดคิ้ว รอดูผลในวันรุ่งขึ้น หากขายไม่ดีเหมือนวันที่มีเมวิกาไปช่วย...คงต้องหาวิธีใหม่ เพื่อให้มีรายได้เท่าเดิมเหมือนทุกวัน
“เมอาจจะเป็นจุดสนใจนะติ๋ม แต่หากใครก็ตามได้ลองชิม ก็ต้องหันมาชื่นชอบฝีมือของป้านางอยู่แล้ว”
เมวิกาออกความเห็น ตนเองอาจจะเป็นจุดสนใจของหนุ่มๆ จอมเจ้าชู้ แต่ก็มีลูกค้าส่วนหนึ่งที่เป็นผู้หญิง เขาเหล่านั้นน่าจะเป็นลูกค้าหลัก มากกว่าผู้ชายที่เป็นขาจร เมื่อฝีมือของนางไม่เป็นรองใคร
“เอาน่าติ๋ม...สู้กันสักตั้ง...ยังไงเสียคุณเมก็ยังไม่ได้ไปวันนี้ พรุ่งนี้เสียหน่อย”
นางเปรย มือไม่ได้หยุดนิ่ง หยิบจับเตรียมเครื่องไว้ทำน้ำพริกต่อ...เมื่อมันคือความหวังของตนเองและติ๋ม
พรรณีขมวดคิ้ว เท่าที่จับใจความได้...ลูกเลี้ยงของนางกำลังจะไปที่ไหนสักที่...และอาจจะไม่ได้อยู่ในประเทศนี้เสียด้วย ความคิดชั่วร้ายบังเกิด หากไม่มีเมวิกา...นางจะจัดการงุบงิบ...เอาบ้านไปจำนอง...เพื่อส่งเงินให้ช่อชบาใช้ กว่าที่อีลูกเลี้ยงหน้าโง่จะรู้...บ้านหลังนี้ก็คงหลุดมือ...เมื่อขายไม่ได้ นางก็จะปล่อยให้เจ้าหนี้ยึด หากเมวิกาอยากได้ ก็ปล่อยให้มันหาเงินมาไถ่ถอนเอง...
คนหนึ่งคิดดีทำดี ประพฤติดีประพฤติชอบมาตลอดชีวิต แต่เพราะวิบากกรรมทำให้เธอคนนั้นยังไม่พบกับความสุขแท้จริงสักที
อีกคนหนึ่งคิดจะสร้างแต่กรรมชั่ว...คิดคดจ้องแต่จะเอาเปรียบ...กรรมกลับทำเป็นแกล้งมองไม่เห็น ปล่อยให้เสวยสุขอยู่บนความทุกข์ของคนอื่น...แต่มันเป็นสัจธรรม ใครทำดีความดีย่อมส่งผล เช่นเดียวกัน คนไหนทำชั่ว อีกไม่นาน เจ้ากรรมนายเวรก็จะไปทวงคืน...
ปารีส...ฝรั่งเศส...
นาทีนี้ไม่มีผู้ชายคนไหนเด่นเกินหน้าชายหนุ่มผู้นี้ คีริน เดอออง ผู้ชายที่ประสบความสำเร็จแบบท่วมท้น หลังหันมาจับงานแฟชั่นเต็มตัว เขาไม่ใช่ผู้ชายที่ชื่นชอบเพศเดียวกันเหมือนดีไซเนอร์คนอื่นๆ คีรินเป็นแมนเต็มตัว แต่ความชอบของเขาคือการเห็นผู้หญิงสวยสง่าเมื่อสวมใส่เสื้อผ้าหรูมีสไตล์ ดังนั้นชายหนุ่มจึงเอาความชอบนั้นมาก่อเกิดประโยชน์ เขาควานหาคนมีฝีมือมาร่วมงาน และสร้างเบลิสต้าโพสิตขึ้นมา...จนประสบความสำเร็จสมความตั้งใจ หลังปล่อยคอลเลคชั่นในแบรนด์ตนเองออกสู่สายตาคนทั้งโลก เมื่อปารีสคือเมืองแห่งแฟชั่น แม้จะมีดีไซเนอร์มือดีจับจองพื้นที่อยู่หลายเจ้าแล้วก็ตาม
“ว่าพริส...ถึงไหนแล้ว”
ชายหนุ่มดันประตูกระจกใสของห้องประชุมใหญ่ ชะโงกหน้าเข้าไปถามเพื่อนร่วมงานสำหรับโปรเจ็คใหม่ที่กำลังเริ่มต้นในไม่ช้า
พริสซิร่าเงยหน้าขึ้นมองเจ้านายหนุ่ม หล่อนยิ้มกว้างก่อนจะตอบเสียงใส “ถึงรอบคัดตัวแล้วเจ้าค่ะ คุณจะมาดูเองมั้ย หรือให้พวกเราจัดการเอง”
คีรินไม่เคยปล่อยผ่าน เขาตรวจงานเองทุกชิ้น และการควานหาดาวรุ่งสุดโสภา มีหรือชายหนุ่มจะพลาด
“เมื่อไหร่?”
ชายหนุ่มถามสั้นๆ เขาเดินผ่านประตูเข้ามา ใช้ปลายนิ้วเขี่ยภาพบนโต๊ะ เมื่อภาพเหล่านั้นคือจำนวนผู้หญิงสาวๆ ที่กำลังจะเดินทางมาเพื่อคัดเลือก
“อีก3 อาทิตย์ค่ะ” พริสซิร่าตอบ หล่อนแอบเบ้ปาก เพราะงานจวนตัวมาก ไหนจะการออกแบบชุดใหม่คร่าวๆ เพื่อความเหมาะสมกับนางแบบที่กำลังควานหาตัว
“นาน...มีคนไหนน่าสนใจมั้ย?” ชายหนุ่มบ่น เขาละมือจากการเขี่ยภาพ เงยหน้าขึ้นมองทีมงาน เมื่อคีรินรู้ดี พวกเขาต้องมีตัวเก็งไว้ในใจ และเขาต้องการเห็นก่อน