บทที่2.คว้าดาว........
พรรณีกัดฟันกรอดๆ นางเถียงไม่ได้ เพราะไม่มีเงินจ่ายให้กับคนรับใช้จริงๆ จึงได้แต่กัดฟันกรอดๆ
“เหอะ!! อย่าให้กูรวยนะอีติ๋ม กูจะเอาเงินยัดปากมึง แล้วก็เฉดหัวไปอยู่ที่อื่น”
พรรณีตะโกนตามหลัง ติ๋มเตรียมจะย้อน แต่ติดตรงเมวิกาปรามไว้
“ติ๋ม ปล่อยคุณน้าเถอะ เธอคงอารมณ์ไม่ดี”
“ถ้าไม่เห็นแก่คุณเม ติ๋มจะฉะคุณนายให้หน้าหงาย...ติ๋มกับป้านางทนมานานแค่ไหนแล้ว...ทำยังกับติ๋มเป็นควายที่ต้องรองรับอารมณ์คุณนายอย่างเดียว ติ๋มก็คนนะคะ”
“รู้แล้วว่าเป็นคน ไม่งั้นเอ็งก็แดกหญ้าได้สิวะ”
นางประชดหลานสาว เดินไปจัดการล้างผัก ยุติการทะเลาะเบาะแว้ง ที่รังแต่จะทำให้เกิดความไม่สบายใจเปล่าๆ
“คุณนายคงหิว เอ็งก็หาอะไรไปให้เธอกินหน่อยสิ สายแล้ว”
แม้ไม่อยากจะทำ แต่ติ๋มเป็นคนรับใช้มาตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น ถึงจะไม่พอใจพรรณีอย่างมาก แต่งานในหน้าที่คือต้องคอยรับใช้พรรณีแม้หล่อนจะไม่ได้จ่ายค่าแรง
ไม่ถึง10 นาทีกาแฟร้อนๆ ควันกรุ่น กับอาหารเช้าแบบง่ายคือไข่ดาวสุก1ฟองกับขนมปังปิ้ง2แผ่นก็ถูกยกมาเสิร์ฟ โดยที่คนยกมาเม้มปากแน่น
ติ๋มรีบโกยแน่บ ไม่ใช่เพราะกลัวแววตาจัดจ้าของพรรณี แต่กลัวใจตัวเอง หากพลั้งปากพูดออกไปอีกคนที่ร้อนใจคือเมวิกา...
อากาศยามเย็นมีสายลมพัดโชยไปมาตลอดเวลา แม้ผู้คนจะเนืองแน่นแต่ก็ไม่ร้อนจัดจนเกินไป ร้านค้าเจ้าใหม่มีน้ำพริกกับผักต้ม และผักสดวางเต็มแผง มีลูกค้าให้ความสนใจเป็นพิเศษ ไม่ใช่เพราะน้ำพริกรสเด็ด แต่เป็นตัวแม่ค้าหน้าหวานต่างหากที่ทำให้ลูกค้าหนุ่มๆ ตบเท้าเดินเข้ามาจับจ่าย และได้สินค้าติดมือกลับไปด้วย เมื่อแม่ค้าคนสวยยิ้มหวานจนเหล่าลูกค้าหลงละเมอ...
“ขอบคุณค่า พรุ่งนี้มาใหม่นะคะ ไม่คิดว่าจะขายดีขนาดนี้เลยทำมาไม่กี่อย่างเอง”
ติ๋มยกมือไหว้ เธอเอ่ยเสียงหวาน แต่หาได้มีหนุ่มๆ คนไหนสนใจหล่อนไม่ สายตาคนเหล่านั้นมองตรงไปยังเมวิกาที่กำลังเก็บถาดใส่ของโดยไม่ได้เงยหน้ามองใคร
“ป้าๆ ดีนะเราได้ที่ดี...แหมๆ แบบนี้ค่อยมีแรงตำน้ำพริกหน่อย”
ธนบัตรอัดแน่นอยู่ในกระป๋องใส่สตางค์ ถึงจะยังไม่ได้นับจำนวน แต่จากการประเมินคร่าวๆ วันแรกก็ขายหมดเกลี้ยงในเวลาไม่ถึง2 ชั่วโมงแบบนี้ วันต่อๆ ไปคงไม่ต่างกัน
“หากคุณเมมาด้วยทุกวัน คงขายดีแบบนี้แหละ แต่ถ้าเอ็งกับข้าสองคนคงได้นั่งตบยุง”
นางเปรยยิ้มๆ ลูกค้าส่วนใหญ่แวะมาเพราะแรงดึงดูดของเมวิกา หากเป็นตนเองกับติ๋มแล้วละก็คงไม่ขายดิบขายดีเช่นนี้
“พอเขาได้ชิมรสมือป้านางแล้ว...เมก็คงไม่มีความหมาย”
เมวิกากล่าว เธอยิ้มให้กับสองสาวต่างวัย
“อะไรวะติ๋ม!! ขายดีขนาดนี้เชียว ฉันมาไม่ทันเหรอนี่”
แววบ่นขรม เธอสู้อุตส่าห์ปลีกตัวมาเพราะอยากชิมฝีมือของนาง แต่ความตั้งใจของตนเองกลับเป็นหมัน เมื่อมาถึงร้านน้ำพริกของนางขายหมดเกลี้ยงเสียแล้ว...
“แกมาช้า...แต่ไม่อด ฉันเก็บไว้ให้แกแล้วว่ะ”
ติ๋มยิ้มเผล่ สอดมือไปใต้โต๊ะ หยิบน้ำพริกที่ตนเองกันไว้ให้เพื่อนขึ้นมาชูตรงหน้า
“ค่อยยังชั่ว นึกว่าเสียเที่ยว”
แววควักสตางค์ส่งให้ แต่ติ๋มรีบโบกมือห้าม
“ไม่ต้องๆ ฟรี ในฐานะผู้ชี้นำ...หากติดใจพรุ่งนี้แกค่อยมาซื้อว่ะแวว”
“ก็ได้...เดี๋ยวชิมก่อน ถ้าเด็ดจริงจะช่วยโฆษณาให้”
เป็นการถ้อยที ถ้อยอาศัยกัน มีมิตรดีกว่าสร้างศัตรู เป็นเทคนิคของการบริการที่ดี...
พรรณีผุดลุกผุดนั่ง นางเมียงๆ มองๆ ตั้งแต่สาวใช้สองนางกับลูกเลี้ยงสุดชังช่วยกันลำเลียงของออกไปขายที่ตลาดนัดหน้าหมู่บ้าน เสียงคุยโขมงของติ๋มดังมาก่อนที่ตัวจะมาถึง พรรณีจึงรีบวิ่งไปเปิดทีวีจอยักษ์ ทำเหมือนกับว่ากำลังสนุกกับรายการโปรด ทั้งที่หูคอยตะแคงฟังเสียงพูดคุยของคนเหล่านั้นตลอด
“พรุ่งนี้คุณเมไม่ว่างด้วยสิ จะขายดีเหมือนวันนี้มั้ยป้า” ติ๋มทำหน้ายับ เมื่อพรุ่งนี้เมวิกาต้องไปโมเดลลิ่งของสกาย
“เมจะรีบมาให้ทันค่ะ...แต่ฝีมือของป้ารับประกันอยู่แล้วไม่ต้องห่วงหรอก” เมวิกากล่าวพร้อมกับยิ้มอ่อน เธอกำลังนับสตางค์ที่ขายได้ทั้งหมด