บทที่2.คว้าดาว....
พรรณีหน้าซีด อย่าว่าแต่เงินแสนตอนนี้เลย เงินหมื่นนางยังไม่มีติดกระเป๋า แถมช่อชบายังร้องขอมาอีก นางปวดหัวแทบจะแตก ยังไม่รู้ว่าจะไปหาเงินจากที่ไหนส่งให้บุตรสาวด้วยซ้ำ
“แกทวงเงินฉันเรอะ!! ไม่มีโว้ย”
เสียงแหลมปรี๊ดใบหน้าตึงเปรี๊ยะ แต่ก็ไม่กล้าโวยวายมากกว่านั้น กลัวคนใช้บ้าเลือดเอาจริงขึ้นมา นางคงได้ขายขี้หน้าคนทั้งหมู่บ้าน
“ไม่มีเงินจ่ายติ๋มกับป้า ก็ช่วยทำตัวให้มันดีๆ หน่อยค่ะคุณนาย อีกอย่างนะคะ คุณเมน่ะ เป็นเจ้าของบ้านกึ่งหนึ่งไม่ใช่คนอาศัยที่จะต้องมาเกรงใจ คุณนายช่วยให้เกียรติเธอหน่อยค่า”
ติ๋มกล่าวเสียงเคร่ง เบ้ปากใส่พรรณี พร้อมกับเดินเข้าไปหาเมวิกา “คุณเมเจ็บตรงไหนมั้ยคะ?”
หญิงสาวส่ายหน้าช้าๆ เธอเสก้มหน้าหลบ เมื่อแม่เลี้ยงแอบถลึงตาใส่ ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เธอไม่อยากทำให้ทุกคนไม่สบายใจ ไหนๆ ก็อยู่ใต้ชายคาเดียวกัน
“ไปค่ะคุณเม ปล่อยให้คุณนายอาละวาดไปคนเดียว ไม่อายเพื่อนบ้านก็เชิญแหกปากตามสบายนะคะ”
นางเอ่ยชวนเมวิกา สาวใหญ่ดันหลังเจ้านายสาว พร้อมทั้งว่ากระทบคนหน้าตึงที่ยืนจังก้าอยู่หน้าโถงทางเดิน
เมวิกาทรุดนั่ง เธอรับน้ำเย็นจากมือของติ๋ม เมื่อสาวใช้ตัวแสบรีบไปรินน้ำเย็นๆ มาให้
“สงสัยคุณช่อเธอคงขอเงินมา...อะไรกันคะเพิ่งจะกลางเดือนเอง”
ติ๋มบ่น สาเหตุเดียวที่ทำให้พรรณีไม่สบายใจคือเรื่องของช่อชบา
“เอ็งก็ทำเป็นสู่รู้” นางบ่น ฉวยหยิบตะกร้าเครื่องเทศมาถือไว้ พร้อมกับลงมือทำงานต่อ
“คุณเม ป้านางคิดจะทำแกงไปขายหน้าหมู่บ้านค่ะ เพราะหากรอแค่เงินคุณนาย คงได้กินข้าวกับเกลือแทน”
ติ๋มเปรย เมื่อต้องเอาตัวรอด เนื่องจากสถานภาพทางการเงินอัตคัด พรรณีจ่ายให้เท่าหยิบมือ ไม่พอแม้แต่จะซื้ออาหารเลี้ยงคนทั้งบ้าน ไหนๆ ก็มีเครื่องมือ มีฝีมือ นางจึงคิดจะลงแรง ดีกว่าจับเจ่าอยู่เปล่าๆ
“ดีค่ะ เมออกทุนให้เอง...หากเมว่างเมจะออกไปช่วยขาย”
หญิงสาวสนับสนุน เมื่อเป็นหนทางสร้างรายได้ของทั้งสองคน
“จริงเหรอ ป้าแกงอะไรดี ติ๋มตื่นเต้นแล้วสิ...น่าจะขายได้นะป้า ติ๋มเห็นคนเดินกันให้ควัก”
สาวใช้วัยรุ่นเริ่มฝันหวาน เมื่อหมู่บ้านที่อาศัยอยู่เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ มีเพื่อนบ้านมากมาย ดังนั้นการขายกับข้าวน่าจะไปได้ดี
“นั่นดิ คุณเมช่วยป้าคิดหน่อยสิคะ”
เป็นคนใช้มาตั้งแต่จำความได้ พอคิดจะเป็นแม่ค้า ความคิดดันตันขึ้นมาเสียแบบนั้น เมื่อบรรดาเมนูอาหารมีมากมายหลายหลากจนไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหนก่อนดี
“เมคิดว่า...น้ำพริกน่าจะเวิร์คนะคะป้านาง...คนน่าจะเบื่อผัดๆ ต้มๆ อีกอย่างไม่ค่อยมีคนทำขายด้วย เพราะมันยุ่งยาก”
“เอาแบบนั้นเลยป้า...ไหนๆ ก็แกะกระเทียม ปอกหอมทุกวัน ทำน้ำพริกสักสี่ห้าอย่าง เดี๋ยวเช้ามืดติ๋มออกไปตลาดหาซื้อผักมาต้มเอง”
ใบหน้ายิ้มแย้ม เสียงหัวเราะดังเบาๆ เมื่อทั้งสามคนมีความสุข คนที่ทุกข์ใจคือพรรณี นางหมุนซ้ายหมุนขวา แต่ก็ยังหาวิธีหาเงินส่งให้ช่อชบาไม่ได้
ปารีส...ฝรั่งเศส
ปัง!!
เสียงของหนักๆ ตกกระแทกพื้นดังๆ จนคนที่นอนหลับสะดุ้งตื่น เลย์ปรือเปลือกตา เขาบิดตัวช้าๆ แก้อาการปวดเมื่อยก่อนจะร้องถามคู่ขาคนใหม่
“เป็นอะไรทูนหัว เหมือนจะอารมณ์ไม่ดีเลย”
ช่อชบาตวัดตากลับมาที่คู่ขาคนใหม่เอี่ยมที่เพิ่งจะรู้จักกันไม่ถึง24ชั่วโมงแต่กลับมานอนฟัดกันบนเตียงเสียแล้ว
หล่อนยกมือขึ้นเสยผมบนศีรษะแรงๆ พร้อมกับบ่นพึมพำ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ช่อแค่กำลังหงุดหงิดคุณแม่ส่งเงินมาให้ช่อใช้ไม่ทัน แบบนี้ช่อจะเอาที่ไหนใช้ล่ะคะ”
หล่อนทิ้งตัวลงนั่ง ก่อนจะทอดกายนอนยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก เมื่อเงินก้อนสุดท้าย ช่อชบาละลายทิ้งในผับตั้งแต่เมื่อคืน เพราะคิดว่ามารดาคงจะมีสำรองไว้ให้ตนเอง
“แย่ดิ...ผมเองก็กำลังถังแตก”
เลย์รีบออกตัว...เขาเองก็เพิ่งตกงาน หวังพึ่งพาช่อชบาด้วยซ้ำเมื่อเท่าที่เห็นหล่อนใช้จ่ายแบบมือเติบ สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าหล่อนเองก็กำลังจนกร็อบไม่ต่างกับตนเองเลย