บทที่ 2 (1)
เสียงไก่ขันในยามเช้าตรู่ดังเจื้อยแจ้วเข้ามากระทบประสาทหู ร่างบอบบางบนเตียงนอนขนาดใหญ่ครางเบาๆ พลางขยับตัวอย่างเชื่องช้าเนื่องจากเจ็บระบมไปทั้งตัว เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ ลืมตาขึ้นกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง คิ้วโก่งงามดุจคันศรขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นสภาพห้องที่ไม่คุ้นเคย หญิงสาวยันกายพิงเตียงนอนก่อนจะหย่อนเท้าลงกับพื้นแล้วเลื่อนตัวลง เท้าที่ไร้เรี่ยวแรงและบวมเป่งจากการกระแทกกับรถยนต์ไม่สามารถรองรับน้ำหนักเจ้าของได้ พอหญิงสาวยืนขึ้นทิ้งน้ำหนักลงข้อเท้าก็ต้องทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นห้อง
รดานอนทำตาปริบๆ พยายามจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แล้วก็ต้องตกใจอ้าปากค้างด้วยความกลัวเมื่อเห็นชายร่างยักษ์คมเข้มหล่อเหลาเดินกระแทกเท้าเข้ามาในห้องจากนั้นก็สอดแขนเข้าใต้หัวเข่าก่อนจะยกวืดเดียวเหมือนเธอเป็นวัตถุไร้น้ำหนักและวางบนเตียงนอนอย่างกระแทกกระทั้น แค่นั้นยังไม่พอ...เจ้าของแขนแข็งแกร่งคล้ำแดดยังจ้องมองด้วยใบหน้าบึ้งตึงเหมือนไม่พอใจ สายตาส่อแววรำคาญอย่างเห็นได้ชัดจนหญิงสาวต้องขมวดคิ้วอย่างงงๆ ว่าเธอทำอะไรผิดหรือเปล่า กำลังจะอ้าปากเอ่ยถามว่าเขาเป็นใครเธอก็ถูกตวาดต่อว่าเสียก่อน
“รู้ว่าตัวเองยังเจ็บอยู่จะรีบลุกจากเตียงทำไม”
ธิปรกยืนจังก้าเท้าสะเอวต่อว่าหญิงสาวที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง เขาเบือนหน้าหนีใบหน้าหวานที่กำลังทำตาตื่นๆ เหมือนกวางสาวตื่นนายพราน เขาแอบถอนหายใจยาวไม่แปลกใจเลยว่าทำไมลูกน้องตัวแสบแต่ละคนถึงได้ทำท่าคลั่งไคล้หญิงสาวนักหนา ตอนที่หญิงสาวหลับพริ้มดูว่าสวยแล้ว ในขณะนี้ยิ่งดูสวยชวนพิศน่าหลงใหลมากกว่าเดิมหลายเท่า
“รดา...เอ่อ...ฉัน...อยากเข้าห้องน้ำ”
รดาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักยังไม่เข้าใจว่าใครไปทำอะไรให้ผู้ชายคนนี้โกรธมากมายก่ายกองถึงได้ทำหน้าบึ้งตึงเป็นยักษ์ขมูขี
“แล้วทำไมไม่ตะโกนเรียกให้ใครมาช่วยประคองไปห้องน้ำ ขายังไม่มีแรงแบบนี้ขืนทะเล่อทะล่าลงมาจากเตียงเดี๋ยวก็ได้ล้มหัวทิ่มหน้าผากแตกกว่าเดิมอีก”
ธิปรกต่อว่าหญิงสาวอย่างหงุดหงิด เขาไม่เข้าใจตนเองเหมือน
กันว่าทำไมต้องมาคอยเป็นห่วงเป็นใยแม่ดาราสาวที่เพิ่งพบหน้ากันแค่ไม่กี่ชั่วโมง อย่างเมื่อคืนกว่าเขาจะเข้าไปนอนก็ปาไปตีสาม เพราะเป็นห่วงคนที่นอนห้องข้างๆ จนต้องเทียวลุกมาดูเกือบทุกสิบนาที รุ่งเช้าขึ้นมาแทนที่จะรีบออกไปไร่ส้มแต่เช้าตรู่เหมือนดังทุกๆ วันก็กลับเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องเป็นกังวลว่าหญิงสาวจะฟื้นหรือยัง
รดาเห็นท่าทางหงุดหงิดของคนตรงหน้าก็เริ่มใจเสียรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ต้อนรับเธอสักเท่าไหร่ หญิงสาวก้มหน้านิ่งน้ำตารื้นขอบตากัดริมฝีปากที่สั่นระริกไว้แน่นก่อนจะเอ่ยถามเสียงสั่น
“ที่นี่ที่ไหนคะ”
“ไร่ธิปรกอยู่จังหวัดเพชรบูรณ์” ธิปรกเอ่ยตอบห้วนๆ ใจคอเริ่มไม่ดีเมื่อเห็นน้ำตาคลอเบ้าตาคู่สวย
“เราขับรถมาไกลขนาดนี้เลยหรือ” รดาเอ่ยพึมพำกับตนเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นเอ่ยถามชายหนุ่มมาดเข้มที่ยังทำหน้าบึ้งตึงด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “รดา...เอ่อ...ฉัน...มาอยู่ที่นี่ได้ไงคะ”
“เธอขับรถชนต้นไม้หน้าไร่ธิปรก” พ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยตอบเหมือนรำคาญก่อนจะหรี่ตาลงแล้วเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ “เธอจำอะไรได้หรือเปล่า”
“จำได้ค่ะ จำได้แค่ว่าขับรถออกมาจากคอนโดตอนที่เห็น...” รดาชะงักคำพูดที่จะเอ่ยต่อ นัยน์ตาหวานกลมโตเผยแววผิดหวังให้เห็นชั่วขณะหนึ่งก่อนจะกะพริบตาให้เป็นปกติแล้วเอ่ยบอกต่อ “รดาจำได้ว่าขับรถมาจากกรุงเทพฯ แต่ไม่รู้ว่าตัวเองขับมาถึงเพชรบูรณ์ได้ไง”
“เธอกินเหล้าหรือเปล่า” ธิปรกจ้องมองหญิงสาวเขม็งเอ่ยถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้งทั้งๆ ที่เมื่อวานตนเองก็ได้พิสูจน์ทราบแล้วว่าหญิงสาวไม่ได้ดื่มเหล้า
รดาส่ายหน้าปฏิเสธโดยเร็วจนเส้นผมยาวดำขลับนุ่มสลวยกระจายเต็มหลัง “รดาไม่เคยดื่มค่ะ เพราะรดาแพ้แอลกอฮอล์”
“แล้วทำไมถึงขับรถมาถึงเพชรบูรณ์ได้ เธอหนีอะไรมา”
ธิปรกเอ่ยถามแทงใจดำ เมื่อเห็นใบหน้าหวานซีดเผือดลงพร้อมกับน้ำตาที่หยดแหมะก็ร่ำๆ อยากจะเข้าไปประคองกอดปลอบประโลมให้หายเสียใจ
รดาไม่ยอมเอ่ยบอกได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเดียว ธิปรกถึงกับถอนหายใจยาวเห็นได้ว่าเอ่ยฝ่ายคงกำลังเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นจึงไม่อยากเอ่ยย้ำให้เสียใจไปมากกว่านี้
“ช่างมันเถอะ! ถ้าเธอไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร ฉันเองก็ไม่อยากรู้เหมือนกัน ดีขึ้นแล้วใช่ไหม รีบๆ เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะจะได้รีบกลับกรุงเทพ” ธิปรกเอ่ยไล่ห้วนๆ กำลังจะเดินหนีออกไปจากห้องแต่รดาเอ่ยเรียกไว้ก่อน
“อย่าเพิ่งไปได้ไหมคะ คุณชื่ออะไรคะ” รดาพยายามยิ้มหวานให้อย่างเป็นมิตรแล้วเอ่ยถามเสียงนุ่มนวล
“ธิปรก อยากรู้นามสกุลด้วยมั้ย” พ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยตอบสั้นๆ ห้วนๆ พร้อมกับประชดหญิงสาวไปในตัว
รดาหัวเราะคิกอยากรู้จริงๆ ว่าอะไรที่ทำให้ชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้โกรธโมโหจนต้องแสดงอาการหงุดหงิดงุ่นง่านได้ถึงเพียงนี้
“คุณธิปรกคะ รดาอยากเข้าห้องน้ำ คุณช่วยประคองรดาหน่อยได้ไหมคะ” รดาเอ่ยขอร้องเสียงหวานพร้อมจะช้อนสายตามองอย่างรอคอย
“ยุ่งฉิบหาย!”
ธิปรกสบถเสียงดังจนรดาหน้าเสีย ร่างสูงใหญ่หล่อเข้มกระแทกเท้าเข้าไปใกล้ๆ เตียง สอดมือใต้ร่างบางยกวืดเดียวเหมือนครั้งแรกแล้วอุ้มร่างบางระหงหอมกรุ่นเข้าไปในห้องน้ำ
“รีบทำธุระซะจะได้ออกไปจากไร่ธิปรกเร็วๆ” ธิปรกเอ่ยไล่อีกครั้งโดยไม่คิดรักษาน้ำใจคนฟัง
“รดาขออยู่ที่นี่สักวันสองวันได้ไหมคะ” รดาจับประตูห้องน้ำไว้จ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาอ้อนวอนขณะที่เอ่ยขอร้อง
“ไม่ได้!”
ธิปรกปฎิเสธเสียงห้วนแล้วกระแทกเท้าเดินออกมา เขาอยากให้หญิงสาวไปไกลๆ เพราะเริ่มไม่มั่นใจตนเองว่าจะทนใกล้ชิดกับหญิงสาวได้นานแค่ไหน แค่ได้สัมผัสร่างนุ่มหอมกรุ่นเมื่อสักครู่ก็ทำให้อารมณ์ความต้องการของเขาเตลิดเปิดเปิงไปไกล เขาไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าทำไมเวลาอยู่ใกล้กับรดาแล้วถึงมีความต้องการมากเพียงนี้ ใช่ว่าเขาจะขาดผู้หญิงเสียเมื่อไหร่ ดูอย่างริสา...แทบจะเสนอตัวให้เขาทุกครั้งที่มาหาแต่เขาก็รู้สึกรำคาญจนต้องเดินหนีทุกครั้งไป เขาหันหลังกลับไปมองหญิงสาวที่ยังยืนทำหน้าเศร้าหน้าห้องน้ำอีกครั้งก่อนจะกระแทกประตูห้องนอนปิดอย่างแรงแล้วเดินดุ่มๆ ลงไปจากเรือนกล้วยไม้
คนงานในไร่ส้มเกือบห้าสิบคนทั้งหญิงทั้งชายต่างก็พากันยืนอออยู่หน้าเรือนกล้วยไม้ พอเห็นพ่อเลี้ยงเดินออกมาจากเรือน ชาญก็ถูกเพื่อนๆ ร่วมงานผลักหลังมาข้างหน้าเพื่อให้เป็นหน่วยกล้าตายเอ่ยถามสิ่งที่พวกตนอยากรู้และกำลังรอคอยอยู่ ชาญเหงื่อแตกพลั่กเมื่อเห็นใบหน้าถมึงทึงน่ากลัวของพ่อเลี้ยง เขาพยายามจะก้าวถอยหลังแต่ถูกเพื่อนๆ นับสิบดุนหลังไว้แล้วกระทุ้งสีข้างหนักๆ กระตุ้นให้เอ่ยถามพ่อเลี้ยง
“เอ่อ...พ่อเลี้ยงครับ...คุณดาราฟื้นหรือยังครับ”
ชาญเอ่ยถามเสียงหวาดๆ มองซ้ายมองขวาหาทางหนีฝ่าเท้าหนักๆ ของพ่อเลี้ยง
“ส้มในไร่กูถูกอีแร้งอีกากินหมดแล้วหรือไง พวกมึงถึงไม่ยอมไปทำงานทำการกัน”
ธิปรกตวาดด่าเสียงดัง กวาดสายตาคมกริบมองลูกน้องแต่ละคนที่ทำท่าคอหดเหมือนเต่าไม่มีผิด เห็นท่าลูกน้องแล้วก็แอบยิ้มขำ เขารู้ว่าไอ้พวกนี้บ้าเห่อดาราที่สุดถ้ายังไม่รู้เรื่องของแม่ดาราสาวพราวเสน่ห์คงไม่ยอมไปทำงานแน่
สนซึ่งยืนอยู่ด้านหลังชาญพยายามดุนหลังเพื่อนให้มาข้างหน้าอีกก้าวแล้วหยิกแขนเพื่อนเบาๆ กระตุ้นให้ถามอีกรอบ ชาญหันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อนที่บังอาจให้ตนเป็นคนแรกที่โดนตีนหนักๆ แต่พอเพื่อนๆ ทำปากพะงาบๆ ว่า ‘เงินๆ’ ชาญก็เลยจำยอมหันมาเอ่ยถามพ่อเลี้ยงอีกครั้ง
“คุณดารายังไม่ฟื้นหรือครับ คือ...พวกผมอยากพบคุณดาราก่อน”
“ฟื้นแล้ว” ธิปรกเอ่ยตอบสั้นๆ ส่ายหน้าอย่างระอาในความบ้าเห่อดาราของพวกมัน
“คุณดาราแจกลายเซ็นต์หรือยังครับ”
รามเป็นคนเอ่ยถามกำลังนึกถึงเงินก้อนโตว่าจะตกไปอยู่ในมือของใคร เพราะถ้าคุณดาราจับกระดาษแผ่นแรกมาเซ็นต์แล้วแผ่นนั้นเป็นชื่อของใคร คนๆ นั้นก็จะได้เงินพนันไปทั้งหมด
ธิปรกกลอกตาขึ้นบนอย่างเซ็งจัด ถ้าไม่ได้คำตอบพวกมันคงไม่เลิกราง่ายๆ “ยังไม่เซ็นต์ คงไม่เซ็นต์ด้วย เธอจะกลับกรุงเทพฯ แล้ว”
“อ้าว!...ทำไมกลับเร็วนักละครับ เธอหายดีแล้วหรือครับ” ชาญขมวดคิ้วถามด้วยความแปลกใจก็เห็นๆ อยู่ว่าอาการของคุณดาราค่อนข้างหนักทำไมถึงได้กลับกรุงเทพฯ เร็วนัก คนงานในไร่พากันถอนหายใจทำสีหน้าผิดหวังไปตามๆ กัน
แต่ยังไม่ทันที่พ่อเลี้ยงจะตอบคำถามของชาญ คนงานทุกคนต่างก็กรูเข้ามาจนแทบชนพ่อเลี้ยงธิปรกหงายหลัง
ธิปรกหันไปมองข้างหลังรู้ว่าคนที่เป็นต้นเหตุให้ลูกน้องกรูเข้ามาคงหนีไม่พ้นแม่รดาคนสวย คนงานต่างก็พากันเข้าไปล้อมหน้าล้อมหลังหญิงสาวที่กำลังเดินกะเผลกๆ ลงมาจากเรือน สนรีบวิ่งไปที่โรงอาหารแล้วกลับมาพร้อมกับเก้าอี้ยาว1 ตัวเอามาวางแหมะให้หญิงสาวนั่ง ป้าอ้วนวิ่งจนเนื้อกระเพื่อมมาที่วงไทยมุงเหมือนกัน มืออวบอูมค่อยๆ แวกคนงานในไร่ออกจนสามารถฝ่าด่านมาถึงตัวหญิงสาวจากนั้นแกก็เป็นคนเอ่ยถามแทนทุกคน
“อีหนู! เอ็งเป็นยังไงบ้าง” ป้าอ้วนโอบแขนอวบๆ ไปรอบตัวหญิงสาวแล้วรัดแน่นปานงูเหลือมกำลังรัดเหยื่อ
รดายิ้มหวานให้คนงานทุกคนพร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณที่ช่วยชีวิตเธอไว้