ตอนที่ 4
คามิเอลบังคับตัวเองให้พูดเสียงราบเรียบที่สุด ทั้งๆ ที่ภายในกายยังคงร้อนรุ่มไปด้วยเพลิงปรารถนา เขาต้องการผู้หญิงตรงหน้า ต้องการวาดจันทร์ ต้องการมากจนแทบบ้า แค่จูบ... แค่จูบเดียวเท่านั้นเขาก็แทบอยากจะเนรมิตห้องลองเสื้อผ้าให้กลายเป็นเตียงนอนใหญ่ของตัวเองเสียแล้ว บ้าชะมัด ทำไมจะต้องยอมให้แม่สาวแพศยา ราคาถูกอย่างวาดจันทร์มามีอิทธิพลเหนือความรู้สึกแบบนี้นะ หล่อนมันก็แค่ขยะ แค่ผู้หญิงราคาถูกเท่านั้น มีเงินก็ได้ชิมหล่อนแล้ว ความคิดนี้ทำให้คามิเอล การ์รัสโซ่หน้าบูดบึ้งขึ้นมาในทันที
“หลีกทาง”
หญิงสาวจำต้องขยับตัวเปิดทางให้เขาเดินออกไป ในขณะที่ตัวเองทรุดฮวบลงกองกับพื้นด้วยความอับอายและขมขื่นเป็นที่สุด ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเวลาไหน หล่อนก็แพ้คามิเอล การ์รัสโซ่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เขาคือผู้ชนะในขณะที่หล่อนคือทาสรัก คือคนแพ้ตลอดกาล
น้ำตาแห่งความอัปยศอดสูไหลพรากออกมาอาบแก้ม เมื่อไหร่นะ เมื่อไหร่ถึงจะหลุดพ้นจากเวทมนตร์ร้ายของคามิเอล การ์รัสโซ่ จอมมารร้ายคนนี้สักที วาดจันทร์คิดอย่างเจ็บปวด ก่อนจะปล่อยให้ตัวเองจมปลักอยู่ในหุบเหวแห่งความชอกช้ำต่อไปอย่างไม่มีทางปีนป่ายขึ้นมาได้
ในขณะที่คามิเอล การ์รัสโซ่เองก็ไม่ได้รู้สึกดีไปกว่ากันแม้แต่นิดเดียว จะดีกว่าก็ตรงที่ชายหนุ่มเก็บอารมณ์และความรู้สึกได้ดีกว่าเท่านั้น
“เชิญครับนาย” มาตินรีบเปิดประตูรถให้เมื่อเห็นคามิเอลก้าวยาวๆ เดินตรงมาหา
คามิเอลที่หน้าบูดบึ้งไม่ได้ตอบอะไร เขากำลังจะก้าวขึ้นไปบนรถ แต่เสียงอุทานของมาตินก็ดังขึ้นเสียก่อน นั่นทำให้เขาชะงัก และหันกลับไปมอง
“มีอะไรหรือมาติน”
“เอ่อ เนคไทของนายทำไมมันบิดเบี้ยวผิดรูปผิดร่างแบบนั้นล่ะครับ...”
คนฟังก้มลงมองเนคไทของตัวเอง ก่อนจะถอนใจออกมาเบาๆ เมื่อสมองหวนนึกไปถึงเจ้าของมือนุ่มๆ ที่ยุกยิกอยู่กับลำคอของเขาอยู่นานหลายนาที แต่สุดท้ายผลที่ออกมาคือมันบิดเบี้ยวไม่เป็นรูปแบบนี้ เขาเห็นตั้งแต่แรกแล้วล่ะ แต่ก็ไม่อยากจะตำหนิหล่อน จึงแกล้งชมว่ามันสวยออกไป
“ฉันจะผูกมันใหม่ และเลิกถามได้แล้ว”
“ครับนาย”
แล้วคามิเอลก็ก้าวขึ้นรถ มาตินปิดประตูให้กับเจ้านายของตัวเองเบาๆ จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหันไปพูดกับโจชัวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“นายว่าใครผูกเนคไทให้นาย โจชัว”
คนถูกถามส่ายหน้าก่อนจะตอบออกมา “จะเป็นใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่คนผูกเนคไทเป็นอย่างแน่นอน และแน่นอนว่าจะต้องไม่ใช่ฝีมือของนายด้วย เพราะนายเป็นผู้ชายที่ผูกเนคไทได้สวยมากๆ”
“นั่นสิ แล้วใคร” มาตินพึมพำ ก่อนจะพูดออกมาอีก
“ฉันว่านายแปลกๆ นะเดี๋ยวนี้ ทั้งๆ ที่ไอ้เนคไทเส้นที่นายพึ่งซื้อและผูกมานี่ ที่ห้องแต่งตัวของนายก็มีลายนี้ แบบนี้เหมือนกันตั้งเกือบสิบเส้นฉันเห็น แต่นายดันมาหาซื้อใหม่ ฉันล่ะงงจริงๆ”
“นั่นสิ นายทำเหมือนกับว่าอยากมาที่ห้างแห่งนี้”
มาตินกำลังจะแสดงความคิดเห็นออกไปกับคำพูดของโจชัว แต่เสียงของคามิเอลที่ดังทะลุกระจกรถออกมาหยุดยั้งเอาไว้เสียก่อน
“ถ้าฉันไม่ทันประชุม พวกนายได้ถูกส่งไปทำสวนนอกเมืองแน่”
“ครับนาย ผมไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”
แล้วมาตินก็รีบกระโดดขึ้นประจำฝั่งคนขับ ในขณะที่โจชัวก้าวขึ้นไปนั่งข้างๆ ไม่นานรถลีมูซีนสีดำสนิทก็แล่นทะยานออกไปจากห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอิสตันบูลอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นสมองของคามิเอลกลับหาได้ห่างไกลจากวาดจันทร์ไม่ เพราะรสจูบของหล่อนที่เขาพึ่งได้รับเมื่อรู้นี้ยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำแน่นหนา และแน่นอนว่าเขายังต้องการมากกว่านี้ ยังต้องการแม่สาวจรจัดอย่างวาดจันทร์ทั้งจิตวิญญาณ
วาดจันทร์นั่งเหม่อลอยตลอดทั้งวัน เพราะมัวแต่คิดถึงสิ่งที่คามิเอลกระทำกับตัวเอง เขาจูบปากหล่อนอีกแล้ว มันเป็นครั้งที่สี่แล้วนะที่เขากับหล่อนสัมผัสริมฝีปากกัน รสชาติของเขาทำให้กายสาวของหล่อนร้อนวูบวาบ เลือดเนื้อเดือดพล่านร้อนฉ่าโดยไร้เหตุผลใดๆ มารองรับ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเกินเอื้อม ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่คู่ควร แต่หัวใจไม่รักดีมันก็อาจเอื้อมไปรักไปหลงพ่อเทพบุตรร้ายอย่างคามิเอล การ์รัสโซ่เข้าให้เสียแล้ว รัก... รัก... ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดด้วยซ้ำไป
“น้องจันทร์...”
เสียงเรียกของเชอินทำให้คนที่กำลังนั่งเหม่อใจลอยอยู่สะดุ้ง
“เอ่อ พี่เชอินมีอะไรกับจันทร์เหรอคะ”
เจ้าของชื่อระบายยิ้มบางๆ มองสาวสวยตรงหน้าด้วยความรู้สึกแท้จริงจากหัวใจ แม้จะรู้ว่าทำได้เพียงแค่เฝ้ามองห่างๆ ก็ตาม
“ถึงเวลาเลิกงานแล้ว พี่จะมาชวนกลับบ้านด้วยกัน”
“ได้สิจ๊ะ”
วาดจันทร์พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินเคียงคู่กับเชอินออกไปยังนอกห้างสรรพสินค้า ตั้งใจจะมุ่งหน้ากลับบ้านด้วยกัน เพราะบ้านของเชอินอยู่ไม่ไกลจากบ้านของหล่อนนัก แต่แล้วความคิดของหล่อนก็พลันต้องชะงักลงเมื่อจู่ๆ ก็มีรถลีมูซีนสีดำแล่นมาจอดตรงหน้าของหล่อน แทบจะเหยียบเท้าเลยก็ว่าได้
“ขับรถประสาอะไรเนี่ย”
หญิงสาวตวาดใส่ทันทีอย่างหัวเสีย แต่พอเห็นใบหน้าของคนที่อยู่เบาะหลังชัดๆ เท่านั้น หัวใจสาวก็เต้นผิดจังหวะขึ้นมาในทันที
“คุณ... คามิเอล?!”
“ใครหรือจ๊ะน้องจันทร์” เชอินมองคามิเอลอย่างสงสัย และเอ่ยถามหญิงสาว
“เอ่อ ลูกค้าที่ห้างเมื่อเช้านี้จ๊ะ” วาดจันทร์หันไปตอบ ก่อนจะหันมาพูดกับคามิเอลอย่างเสียไม่ได้
“ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อน!”
น้ำเสียงกระด้างที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของโทสะทำให้วาดจันทร์และเชอินที่กำลังจะเดินผ่านไปชะงักและหันกลับมามองด้วยความกังขาh
“ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงาน ดังนั้นคุณจึงไม่ใช่พระเจ้าสำหรับฉันในตอนนี้ค่ะ”
คามิเอลแค่นยิ้มหยัน หรี่ตามองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ กับวาดจันทร์ด้วยสายตาน่าสะพรึงกลัว “ขึ้นรถ ฉันจะไปส่งเธอที่บ้าน”
วาดจันทร์และเชอินหันมองหน้ากัน ก่อนที่หญิงสาวจะหันมาปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย “ขอบคุณมากค่ะ แต่บ้านของฉันอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้นักหรอกค่ะ”
“แต่มันมืดแล้ว”
“ไม่ต้องกังวลค่ะ ดิฉันมีพี่เชอินกลับเป็นเพื่อน ไม่มีอันตรายอะไรแน่นอน”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำให้วาดจันทร์เลือกที่จะสอดแขนของตัวเองเข้าไปในลำแขนของเชอิน และนั่นก็ทำให้เชอินยิ้มกริ่มด้วยความดีใจเป็นที่สุด แต่คนที่กำลังเดือดดาลสุดๆ ก็คงหนีไม่พ้นคามิเอลนั่นเอง เขามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาลุกเป็นไฟ
“ฉันลืมไป... เธอคงอยากจะมีเวลาส่วนตัวกับ...” เขาแค่นยิ้ม ก่อนจะพูดต่อ “แฟน... เอ่อ ไม่สิ อาจจะผัวของเธอ โอเคฉันจะไม่รบกวน มาตินออกรถได้” จบคำพูดร้ายกาจ กระจกรถก็ถูกเลื่อนขึ้นจนสุดบาน ก่อนที่รถลีมูซีนคันงามจะแล่นจากไปอย่างรวดเร็ว
เชอินมองตามไปด้วยความเคลือบแคลงจนลับสายตา จึงหันมาถามวาดจันทร์ที่ยืนหน้าหม่นหมองด้วยความสงสัย
“ผู้ชายคนนี้ดูน่ากลัวชะมัดเลยนะน้องจันทร์ และเขาก็ยังแสดงท่าทางเหมือนกับสนใจน้องจันทร์ด้วย”
คนฟังส่ายหน้าดิกทันที เพราะมั่นใจว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน “อย่าพูดอะไรที่มันไม่มีทางเป็นไปได้แบบนั้นสิจ๊ะพี่เชอิน”
“แต่พี่พูดจริงๆ นะ พี่รู้สึกว่าเขาสนใจน้องจันทร์”
วาดจันทร์ขยับเท้าเดินไปข้างหน้า ก่อนจะพูดออกมาอย่างเจียมตัว “จันทร์ไม่ใช่ผู้หญิงในสเปกของผู้ชายคนนั้นหรอกจ๊ะพี่เชอิน จันทร์เป็นแค่เด็กกะโปโล เป็นแค่ผู้หญิงจรจัด ไม่ใช่นางฟ้า นางสวรรค์ที่คามิเอล การ์รัสโซ่จะหยิบขึ้นไปเชยชม แค่มอง... จันทร์ยังคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลยจ๊ะ”
น้ำเสียงเศร้าหมอง คล้ายกับแอบรักของหญิงสาวข้างกายทำให้เชอินอดใจคอไม่ดีไม่ได้ “น้องจันทร์พูดตัดพ้อ เหมือนกับว่าตัวเองกำลังตกหลุมรักผู้ชายคนนั้นอยู่อย่างนั้นแหละ”
“ปละ เปล่า... เปล่าจ๊ะ จันทร์ไม่อาจเอื้อมคิดแบบนั้นหรอก”
หญิงสาวฝืนยิ้มเศร้าๆ แม้จะรู้ดีว่าการโกหกตัวเองมันเป็นเรื่องที่ยากลำบากและไม่มีทางทำสำเร็จก็ตาม แต่หล่อนก็ต้องพยายามฝืนทำมัน
“เรากลับบ้านกันดีกว่านะพี่เชอิน นี่ก็เย็นมากแล้ว”
“ครับ น้องจันทร์ และถ้าน้องจันทร์ไม่รังเกียจพี่ เย็นนี้พี่ขอทานมื้อค่ำที่บ้านน้องจันทร์ได้ไหมครับ”
เจ้าของชื่อชะงักเท้าและรู้สึกลำบากใจเป็นที่สุด แต่พอหันมาเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความน่าสงสารของเชอินหญิงสาวก็ไม่สามารถใจแข็งได้
“ก็ได้ค่ะ ชดเชยที่เมื่อเที่ยงจันทร์ผิดนัดพี่เชอิน”
“ขอบคุณมากครับน้องจันทร์ พี่ดีใจที่สุดเลย”
ในขณะที่เชอินเต็มไปด้วยความยินดี แต่สำหรับวาดจันทร์กลับเต็มไปด้วยลำบากใจ หล่อนไม่อยากให้เชอินเกิดความหวังขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่หล่อนปฏิเสธเขาไป แต่ดูเหมือนว่าหล่อนจะทำไม่สำเร็จเสียแล้ว