22 เที่ยวกลางคืนอีกแล้ว
“ไม่หรอก เขาเป็นคนมีความคิดที่ดี ตอนนี้ลูกกำลังเรียนรู้ชีวิต เราควรให้เวลาเขาบ้าง ผมเชื่อนะว่ารามิลฉลาด ลงมือทำงานเมื่อไหร่จะไปได้ฉลุยเลยล่ะ”
“ฉันก็ภาวนาให้เป็นอย่างนั้น กลัวจะพลาดท่า คว้าผู้หญิงอย่างว่ามานั่งเป็นคุณนายน้อยของที่นี่ ฉัน ฉันคงเจ็บปวด”
จู่ ๆ น้ำตาไหลออกมาคลอหน่วยด้วยความทุกข์ใจ กลัวว่าลูกชายจะได้ภรรยาเป็นนางระบำหน้าท้อง ไม่เพียงแต่พ่อแม่จะเสียใจ เธอยังอายญาติพี่น้องและพรรคพวกเพื่อนฝูงจะต้องมองด้วยสายตาดูแคลน ใครล่ะจะทนได้ นอกจากเก็บความระทมขมขื่นเอาไว้ภายในอก ทานาบีเห็นใจฮุนส์ที่สุด จับบ่าบอบบางแล้วบีบ สบตาสวยซึ้งที่ยังคงมีน้ำตาคลออยู่เช่นเดิม
“ใครก็เจ็บทั้งนั้น ผมคนหนึ่งล่ะ ไม่ยอมให้รามิลคว้าเอาผู้หญิงสาธารณะมาเป็นภรรยา เขาจะต้องได้คนที่คู่ควรกัน”
“คนนั้นล่ะใคร อยู่ที่ไหน”
“ผมไม่รู้ สวรรค์เท่านั้นที่ลิขิตแล้วส่งคน ๆ นั้นมาให้ลูกชายของเรา ขอบคุณที่ทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน ไปก่อนนะ”
คำกล่าวจากทานาบีไร้สิ้นซึ่งความหมาย ฮุนส์ยังคงคิดแต่เรื่องรามิลแต่เพียงผู้เดียว ปล่อยภวังค์ให้ล่องลอยไปไกลแสนไกล ดั่งเช่นสายตาที่ทอดมองไปข้างหน้า ถัดจากความเขียวขจีของแมกไม้ที่อยู่รอบ ๆ คฤหาสน์ เห็นแต่เพียงความเวิ้งว้างเต็มไปด้วยฝุ่นผง แม้ว่าความร้อนจากไอแดดคลายตัวออกมาบ้างแล้ว หากว่าเดินอยู่ในที่โล่งก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความร้อนซึ่งยังคงอวลอยู่รอบ ๆ เรือนกาย
ชีวิตกลางทะเลทรายเป็นเช่นนั้นตั้งแต่บรรพบุรุษ เธอชินเสียแล้ว ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ออกไปไหน ขลุกอยู่แต่ในบ้านเท่านั้น
รถออฟโรดแล่นเข้ามาจอดภายใต้ชายคาของโรงรถ ร่างสูงสง่าใบหน้าหล่อคมคายแต่ด้อยกว่ารามิลได้ก้าวลงมายืน เสียงฝ่ามือตบตามเสื้อผ้าดังขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่เห็นฮุนส์อยู่หน้าบ้าน
“สวัสดีครับแม่ มารอรับผมหรือครับ”
“เอ่อ จ้ะ วันนี้งานในครัวเสร็จเร็ว คิดถึงลูก”
“พูดอย่างนี้แสดงว่าเราจะต้องทานอาหารกันเพียงสองคนอีกเช่นเคย”
“ไม่เป็นไรนี่ แค่สองคนก็อร่อยได้ ปล่อยให้เหยี่ยวราตรีออกไปกางปีกถลาร่อนกันเถอะ เดี๋ยวเหนื่อยก็กลับมาเอง”
หญิงวัยเลยกลางคนปลงต่อสภาพชีวิตของสามีและลูกชายคนเล็ก จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยรับประทานอาหารเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากันตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าน้อยมาก จากอาการเนือย ๆ ที่ปรากฏบนใบหน้าอิสมาอิลสงสารมารดาจับใจ เข้ามากอดเอาไว้แน่น ปลายจมูกโด่งจรดลงที่แก้มเย็นเบา ๆและเขาก็รับรู้ว่าฝ่ามือนุ่มลูบลงที่เรียวคางไปมา อบอุ่น มีความสุข เขาชอบที่จะให้มารดาสัมผัสแบบนี้ให้นาน ๆ
“วันนี้มีอะไรทานบ้าง”
“ซุปผัก ตามด้วยซาทาลาแล้วก็เนื้อแกะย่างจิ้มซอสเผ็ด มีข้าวด้วยนะ”
“แม่เป็นผู้หญิงที่วิเศษมาก เปลี่ยนเมนูทุกวัน ไม่เคยซ้ำเลย”
“เพื่อคนที่รัก ยินดีที่จะคิดเมนูอาหารดี ๆ เอาไว้ให้แก่ทุกคน สุดท้ายก็มีแค่สองที่เท่านั้น แต่ไม่เป็นไร แม่มีความสุขแล้วล่ะ ดีกว่าทานคนเดียว”
“ผมไม่ปล่อยให้แม่อ้างว้างหรอกครับ อีกหน่อยผมแต่งงานกับบาเฮีย แม่คงไม่เหงา”
ทันทีที่ได้ยินชื่อบาเฮีย ผู้เป็นมารดายิ้มกว้าง นึกถึงสตรีอายุอ่อนกว่าบุตรชายสามปี หน้าตาสวย ผิวขาว รูปร่างอ้อนแอ้น ชอบแต่งตัวแบบอาหรับมากกว่าสมัยนิยม มีความสามารถรอบด้าน เก่งทั้งงานในบ้านและนอกบ้าน
บาเฮียเป็นบุตรสาวของยารอน ผู้จัดการฝ่ายผลิต เธอทำงานกับบริษัทของทานาบีเช่นกัน ความรักของคนทั้งสองราบรื่น ดำเนินไปด้วยดีเพราะผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายให้การสนับสนุน
“เมื่อไหร่จะแต่งล่ะ”
“คงต้องรอสักพัก ให้งานอยู่ตัวมากกว่านี้เสียก่อนหรือไม่ก็ให้รามิลมาช่วยบ้าง เราจะได้มีเวลาจัดงานแต่ง”
“แม่ก็ไม่รู้ว่ารามิลจะทำงานเมื่อไหร่ ออกเที่ยวแทบทุกคืน เจ้าชู้ หลายใจ ไม่เหมือนเรา รักมั่นคงอยู่กับบาเฮียเพียงคนเดียว”
“ผมไม่ชอบเผื่อเลือก เมื่อเจอคนดีแล้วก็ควรรักษาเอาไว้ให้ดี”
“แม่ก็รักบาเฮียนะเป็นผู้หญิงสวย เก่ง มีวิชาความรู้ที่ดี เหมาะสมกับเรามาก”
“ขอบคุณครับ บาเฮียได้ยินคงจะดีใจ”
ทุกครั้งที่เอ่ยถึงคนรัก ดวงตาของเขาทอประกายวิบวับอย่างมีความสุข ฮุนส์ก็เช่นกัน รักบาเฮียเหมือนเป็นลูกคนหนึ่ง จากที่ได้พูดคุยกันหลายครั้ง รู้ว่าเป็นผู้หญิงที่ใช้ได้ ไม่ผิดหวังหากว่าเข้ามาร่วมสกุล
“แม่ก็ดีใจ รักบาเฮียมาก เมื่อไหร่จะพามาทานอาหารที่นี่ล่ะ”