2 ปวดท้องคลอด
เขาอุ้มร่างนั้นกระชับเอาไว้ในอ้อมแขนอันแข็งแกร่ง พาออกมาจากห้องนั้นด้วยลักษณะกึ่งเดินกึ่งวิ่ง โดยมีสตรีสองนางที่คลุมใบหน้าเอาไว้เช่นกัน วิ่งตามประกบตลอดเวลา
“เปิดประตูเร็วปรับเบาะเอนราบ ให้เธอนอนทางด้านหลัง”
“ค่ะ คุณทานาบี เรียบร้อยแล้วค่ะ”
เสียงหวานใสจากสตรีร่างบางดังขึ้นท่ามกลางความมืดภายในรถที่ยังไม่ได้เปิดไฟ เพียงไม่นานหญิงท้องโตนอนตัวเกร็ง หายใจหอบถี่ มือทั้งสองข้างจับมือของหญิงทั้งสองที่นั่งขนาบข้างเอาไว้แน่น
“อดทนหน่อยนะ ถึงโรงพยาบาล คุณก็จะปลอดภัย อีกไม่นานเราจะได้เห็นหน้าลูกแล้ว”
“ทา ทานาบี ฉันปวดมากเลย ไม่รู้ว่าจะทนไหวไหม”
“ไม่เอา อย่าพูดอย่างนั้น ผมจะขับรถให้เร็วที่สุด ทนเอาไว้ที่รัก”
สิ้นคำปลอบใจหวาน ๆ จากนักธุรกิจหนุ่ม รถออฟโรดพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว เสียงกระหึ่มดังก้องในความมืด มีแค่เพียงแสงไฟทางด้านหน้าและหลังเท่านั้นที่สาดส่องให้บริวารที่ออกมาส่งเจ้านายที่หน้าบ้านจนรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง
“ขอให้นายหญิงปลอดภัย กลับมาพร้อมกับนายน้อย ๆ ด้วยเถิด”
“ใช่ ฉันจะดูแลนายน้อยอย่างดี”
“ฉันเชื่อว่านายน้อยจะต้องสวยหรือหล่อเพราะท่านทานาบีหล่อมาก นายหญิงก็สวย”
“เราหวังแต่เพียงว่าถ้านายน้อยเป็นผู้ชายคงไม่เจ้าชู้ตามบิดาหรอกนะ”
ลูกจ้างคนหนึ่งเอ่ยเสียงแผ่วด้วยความกังวลต่อนิสัยของทานาบี เจ้าชู้ มีผู้หญิงเยอะ ชอบเที่ยวตามสถานที่สำหรับผู้ชายซึ่งเป็นที่รู้ดีว่าระยะหลังมานี่มีสตรีสาวสวยจากต่างชาติเข้ามาทำมาหากินด้วยการพลีเรือนร่างให้แก่เศรษฐีผู้นิยมชมชอบในเรื่องดังกล่าว ทานาบีก็คือหนึ่งในบุรุษเหล่านั้น หลังจากภรรยาตั้งครรภ์เขามักจะกลับบ้านผิดเวลาบ่อย ๆ
“เจ้าอย่าพูดไปเชียวนะ รู้ถึงหูท่านทานาบีล่ะก็ ไม่เพียงแต่จะได้รับโทษเท่านั้น เจ้าจะต้องระเห็จไปอยู่ที่อื่น”
เสียงกำชับจากเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกันดังขึ้น ก่อนจะขยับผ้าคลุมใบหน้าให้แนบแน่นแล้วหมุนร่างค่อนข้างท้วมเดินเข้าไปในตัวบ้าน ตามด้วยลูกจ้างทั้งหมด พาเหรดตามกันไปเป็นขบวน เหลือแต่เพียงเจ้าคนช่างพูดยืนนิ่งเพียงลำพัง ฝ่ามือเรียวที่ข้อมือประดับด้วยกำไลโลหะยกขึ้นลูบแก้มตัวเองเบา ๆ
“เรื่องจริงนี่นา ขนาดเราเป็นแค่เพียงลูกจ้างยังถูกท่านทานาบีโอบรัดเวลาเกิดความเสน่หา ไม่รู้ว่าจะรักษาพรหมจรรย์เอาไว้นานสักแค่ไหน หากว่าท่านต้องการ เราหรือจะกล้าขัด”
ท้ายเสียงสั่นพร่าเพราะแรงสะอื้น ลูกจ้างสาวหน้าตาดีคนนี้ถูกลวนลามจากทานาบีเป็นบางครั้ง วิธีที่จะช่วยให้รอดพ้นก็คือ หลบเลี่ยงที่จะเผชิญหน้า เวลาเห็นเขาเข้าบ้านเธอจะขออยู่ห่าง ๆ เอาไว้ก่อน
“ช่วยเราด้วย ทำไมถึงปวดขนาดนี้ สะโพกเราเหมือนจะหลุดออกจากตัวอยู่แล้ว โอ๊ย”
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจากหญิงผู้คลุมใบหน้าด้วยฮิญาบไหมราคาแพงดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนที่ได้ยินมีความรู้สึกเดียวกันคือ หัวใจเหมือนถูกบีบให้เล็กลง สงสารเธอที่สุด แต่ช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากปลอบใจให้คลายกังวล ขณะเดียวกันทานาบีเร่งความเร็วของรถเพิ่มขึ้นอีก
รับรู้สึกการสั่นไหวในบางครั้งและเอียงวูบเมื่อล้อตกลงไปจากไหล่ทาง
“ทนเอาไว้ อีกนิดเดียว ผมเหยียบคันเร่งจนเกือบมิดแล้วนะ”
“ท่านทานาบี ท่าทางนายหญิงไม่ไหวแล้วนะ น้ำเดินแล้วด้วย”
“จริงหรือมาฮา”
“ค่ะ ดูสิเลือดออกจนเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด”
ปลายนิ้วเรียวของลูกจ้างคนสนิทชี้ไปที่ชุดอบายาสีครีมยาว บัดนี้ตรงบริเวณส่วนที่เป็นก้นและหน้าขามีเลือดซึมออกมา สตรีผู้ที่นั่งประคองภรรยาของทานาบีอยู่อีกด้านหนึ่งถึงกับเสียงเครือด้วยความเป็นห่วง
“ทำไมการคลอดลูกถึงทรมานอย่างนี้”
“หากว่าเราเป็นอะไรไป ฝากลูกด้วยนะ”
“ไม่ นายหญิงอย่าพูดเป็นลางอย่างนั้น นายหญิงจะต้องปลอดภัยพร้อมกับนายน้อยผู้น่ารัก ใช่ไหมท่านทานาบี”
“ใช่ มาฮาพูดถูก ถึงผมจะเหลวไหลไปบ้างแต่รักลูกรักเมียที่สุด เอาล่ะผมจะเหยียบคันเร่งให้มิดแล้วนะ”
ทันทีที่สิ้นเสียงห้าวลึก ความเร็วของรถเพิ่มขึ้นจนรู้สึกได้ ผู้ที่อยู่ภายในต่างใจเต้นระทึกด้วยความกลัวแต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยออกมา ได้แต่ภาวนาให้ถึงที่หมายโดยปลอดภัย
ทานาบีขับรถไปด้วยความเร็วสูง บุกตะลุยแหวกความมืดเร็วปานพายุ ในเวลานี้จิตใจจดจ่ออยู่ที่ภรรยาและลูกในท้องเท่านั้น
จู่ ๆ ทุกคนมีความรู้สึกว่ารถเฉออกไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว สิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้น เสียงระเบิดดังสนั่นพร้อมกับรถเอียงวูบเสียการทรงตัว ผู้โดยสารหญิงและทานาบีกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อเห็นจากแสงไฟด้านหน้า สาดส่องกระทบกับโขดหินขนาดใหญ่ที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นทรายก่อนจะชนเต็มแรงจนรถสั่นไปทั้งคัน