Chapter 8 ไม่ได้คาดหวัง
ภายในบ้านหลังเล็กที่ทำจากไม้ซุงในป่าสน เอลเลียตยังคงยืนอยู่ที่เดิม สองมือกำหมัดแน่น แม้ว่ารีชม่อนจะจากไปได้สักพักแล้วก็ตาม
ในตอนแรก เอลเลียตคาดหวังความตื่นเต้นที่จะได้ต่อสู้กับจอมมารตนใหม่ พลังที่สูสี ผลัดกันรุกผลัดกันรับ มันจะน่าสนุกขนาดไหน แค่คิด หัวใจของเอลเลียตก็พองโตและเต้นแรง
ทว่าการได้พบจอมมารตนใหม่กลับมีอะไรที่น่าสนใจกว่าการได้ต่อสู้กัน
มากกว่าการเข่นฆ่า จอมมารรีชม่อน ซึ่งเป็นชื่อที่เอลเลียตถามมาจากมังกรเหมันต์ ก่อนที่จะถูกเขาฟันด้วยดาบศักดิ์สิทธิ์ และถูกส่งกลับบ้านเกิด
จอมมารรีชม่อนนั้นไม่ได้คิดจะทำลายอาณาจักรกริฟส์ เพราะหากมองให้ดี รีชม่อนมีความรีบร้อน หัวคิ้วย่นเข้าหากันราวกับกำลังกังวลและฝืนใจ ใบหน้าสวยๆ มีความขัดแย้ง แต่กลับทำให้เอลเลียตละสายตาไม่ได้
ลึกลงไป เอลเลียตกลับรู้สึกคุ้นเคย
ชายหนุ่มมั่นใจว่าไม่เคยพบกับรีชม่อนมาก่อน แต่ไม่รู้ทำไมในอกถึงได้กู่ร้องอย่างยินดีกับการได้พบกัน(อีกครั้ง)
ดังนั้น เอลเลียตจึงพาจอมมารตนใหม่ที่มีระดับความสามารถน้อยกว่าตนหลายเท่าตัว มายังสถานที่ซ่อนตัวซึ่งมีแค่เขาเท่านั้นที่รู้
บ้านหลังนี้เอลเลียตเป็นคนสร้างขึ้น หลังจากเดินทางทำภารกิจเสี่ยงอันตรายตามคำสั่งของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ และได้พบกับสถานที่แห่งนี้ รอบด้านเงียบสงบ เบื้องหลังคือภูเขา เบื้องหน้าเป็นทะเลสาบ
แต่เดิมแล้ว เอลเลียตไม่ชอบการเข้าสังคม เนื่องจากในยุคนี้ เขาเป็นผู้กล้าเลือดผสม แม้จะทุ่มเทปกป้องอาณาจักรในฐานะผู้กล้า ฝ่าฟันอันตรายเพื่ออาณาจักรมากมาย แต่สำหรับมนุษย์ สายเลือดผสมของเอลเลียตยังคงเป็นสิ่งที่ไม่น่าไว้วางใจ
เอลเลียตจึงได้ใช้สถานที่แห่งนี้หลีกหนีจากสังคมใส่หน้ากาก และสายตาที่แสดงออกถึงการแบ่งแยก
ทว่าสายตาของรีชม่อนที่มองมายังเขากลับต่างออกไป เหมือนมีบางอย่างในใจ ไม่ใช่แค่ความหวาดกลัว หากแต่แฝงไว้ด้วยความรังเกียจ
ได้ยินว่าเผ่าปีศาจไม่เกี่ยงเรื่องเพศ ต่อให้เป็นเพศเดียวกันก็สามารถรักกันได้อย่างเปิดเผย แต่สายตาที่รีชม่อนมองมาที่เขากลับแตกต่าง หากก็ไร้ซึ่งความเสแสร้งอย่างแท้จริง
รุกรานดินแดนมนุษย์ทั้งที่ระดับพลังเวทต่ำ แน่นอนว่าทำไม่สำเร็จ ซ้ำยังรู้ตัวช้า ทั้งตลกทั้งน่ารัก ทำเอาหัวใจของเอลเลียตเต้นแรง
อยากช่วงชิง
อยากเห็นด้านอื่นๆ อีกเยอะๆ
แต่แล้วรีชม่อนกลับบอกว่ายอมตาย มันทำให้ในอกของเอลเลียตเดือดดาลและอึดอัดไปหมด เพราะอย่างนั้น เขาจึงต้องยอมปล่อยอีกฝ่ายไป
ทว่า...หากครั้งหน้ารีชม่อนยังพาตัวเองมาที่นี่ล่ะก็ อย่าหวังว่าเขาจะยอมปล่อยไปง่ายๆ เหมือนครั้งนี้
“ก็นะ รู้อยู่แล้วละว่าเจ้าทำไม่สำเร็จ ไม่ได้คาดหวังตั้งแต่แรกอยู่แล้วด้วย”
ธีโอราสยืนพูดอยู่ข้างเตียงนอนขนาดใหญ่กับคนที่เอาแต่ห่อตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม และหมกอยู่ในห้องมืดๆ ตั้งแต่เมื่อวาน
หลังจากกลับมาจากดินแดนมนุษย์ ช่วยตัวเองไปแล้วหลายรอบ รีชม่อนก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ทำตัวมืดมนเหมือนกับคนที่เขาเกลียด
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” ธีโอราสเอ่ยถาม
“ข้าทำเสียแผน แล้วยังทำให้ฟีลิคซ์เป็นหม้าย”
รีชม่อนพูดหลังจากดึงผ้าห่มลงให้เห็นแค่ส่วนปากเท่านั้น
“แล้วไง”
“รู้สึกผิดจัง”
รีชม่อนในอดีตจะนิสัยอย่างไร เขาไม่สนใจอยู่แล้ว แต่ที่อยู่ตรงนี้คือคนที่เคยเป็นมนุษย์มาก่อน อย่างน้อยๆ เขาก็รู้สึกผิดต่อฟีลิคซ์
“เฮ้อ...” ธีโอราสถอนหายใจเหมือนทนไม่ไหวอีกต่อไป ก่อนพูดว่า “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าเอาแต่ใจกว่าลีลีสต์มาก แต่ไม่คิดว่าจะโง่ด้วย”
“อย่าซ้ำเติมกันได้ไหม ว่าแต่ ธีโอราสไม่พูดกับข้าอย่างเคารพยกย่องแล้วเหรอ”
“ไม่ละ ข้าไม่อยากเสแสร้งกับจอมมารไร้ประโยชน์อีกแล้ว”
“แต่ถ้าเป็นลีลีสต์ ธีโอราสก็จะปลอบใจ ไม่พูดประชดเหมือนพูดกับข้าใช่ไหมล่ะ”
“เลิกพูดถึงคนทรยศนั่นดีกว่า”
“อืม ขอโทษ”
แต่คนที่เริ่มก่อนคือธีโอราสไม่ใช่เหรอ เขาคิดอย่างข้องใจ แต่ก็เลือกที่จะเม้มปาก ไม่เอ่ยชื่อของลีลีสต์อีก
ในห้องเงียบกริบ เมื่อทั้งสองปิดปากเงียบ
อย่างที่บอก คนที่สมควรรับตำแหน่งจอมมารลำดับที่ 32 ไม่ใช่เป็นรีชม่อน แต่เป็นลีลีสต์
ทว่าจู่ๆ พี่ชายของเขาก็หนีออกจากปราสาทจอมมาร ทั้งที่สถานที่แห่งนี้เลี้ยงดูพวกเขาจนเติบใหญ่ เมื่อหาลีลีสต์ไม่พบ รีชม่อนจึงต้องมารับช่วงต่อ กลายเป็นจอมมารโดยปริยาย
ส่วนสาเหตุที่รีบร้อนแต่งตั้งจอมมารแห่งปราสาทจอมมารซิกเนอร์ ทั้งที่ตำแหน่งว่างเว้นมาเป็นร้อยๆ ปี เป็นเพราะตั้งแต่อาณาจักรกริฟส์ได้รับพรให้ผู้กล้าจุติในทุกๆ หนึ่งร้อยปี ทำให้โลกนี้กำลังขาดความสมดุล เผ่าพันธุ์ปีศาจกำลังจะหายไป รวมถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในดินแดนรกร้างแห่งนี้
ตอนที่ลีลีสต์อยู่ ยังพอสร้างความหวังให้กับเผ่าต่างๆ ในดินแดนรกร้างได้บ้าง แต่เมื่อลีลีสต์หนีไปจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ต้องหาคนใหม่มาแทน
รีชม่อนที่รู้ตัวว่าสู้พี่ชายไม่ได้ มีความอิจฉาเล็กๆ จึงแบกหน้าขอรับหน้าที่อันหนักหน่วงนี้
ด้วยเหตุนี้ หลังจากรีชม่อนเลื่อนขั้นเป็นจอมมาร ธีโอราสจึงส่งเขาไปรุกรานอาณาจักรกริฟส์ เพื่อใช้โอกาสนี้ประกาศสมญานามของจอมมาร ทว่าก็ทำไม่สำเร็จ
...และนั่นก็คือปมเรื่องส่วนหนึ่งของมังงะเรื่องนี้
“เอาเถอะ ข้าจะบอกเรื่องสำคัญให้เจ้าฟังแล้วกัน ฟีลิคซ์ไม่ได้เป็นหม้ายอย่างที่เจ้ากังวล ถึงดาบศักดิ์สิทธิ์ของผู้กล้าจะสร้างบาดแผลให้กับแซนโซและลึกมาก แต่ด้วยเวทฟื้นฟูแห่งมังกร ทำให้เขารักษาชีวิตเอาไว้ได้ แค่กลับมาอยู่ร่างมนุษย์ไม่ได้ชั่วคราวเท่านั้น แล้วก็นะ ฟีลิคซ์กลับมาจากเผ่าสายลมแล้ว ตอนนี้กำลังใช้ [เวทลมหวนคืน] รักษาบาดแผลให้อยู่”
“จริงเหรอ”
รีชม่อนถามขณะถลกผ้าห่มออกจากตัว
“จะหลอกเจ้าทำไม”
“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะไปเยี่ยมเขา”
“อืม”
ธีโอราสตอบสั้นๆ หลังจากมองรีชม่อนจนมั่นใจแล้วว่าจะไม่เป็นอะไร เขาก็หมุนตัวเตรียมออกจากห้อง
ในตอนนั้นเอง รีชม่อนเรียกรั้งไว้
“ธีโอราส”
“อะไร”
เอลฟ์หนุ่มชะงักเท้า แล้วหันกลับมาถาม
“เจ้าคิดว่า ถ้าข้าทำสัญญาสงบศึกกับผู้กล้า ผลลัพธ์จะต่างออกไปไหม”
เอาจริงๆ คือกลัวถูกข่มเหง สงบศึกไปซะ ต่างคนต่างอยู่จะดีกว่าไหม รีชม่อนคิด
ธีโอราสมีท่าทางครุ่นคิด
“การที่เจ้าจะกลัวผู้กล้าก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แต่ในดินแดนรกร้าง เจ้าคือจอมมารลำดับที่ 32 คือผู้นำเผ่าปีศาจและเผ่ามาร ตามหลักความเป็นจริง ครอบครัวเจ้าถูกเหล่าผู้กล้ารุ่นก่อนๆ กวาดล้างจนเกือบจะสูญพันธุ์ เจ้าก็เห็นด้วยกับวิธีของพวกเขาอย่างนั้นหรือ”
เอ่อ...ปกติก็รู้สึกเฉยๆ เพราะตอนเล่นเกมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ฆ่ามอนสเตอร์ได้มากเท่าไรการอัพเลเวลก็จะสูงเท่านั้น
แต่แม้จะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเจ้าพวกนี้ รีชม่อนก็เป็นส่วนหนึ่งในเผ่าปีศาจ คำตอบจึงต้องเป็นไปตามบทบาท
“ไม่มีทางอยู่แล้ว”
ในมังงะเรื่องนี้ก็มีจุดที่ให้รู้สึกว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจก็น่าสงสารอยู่บ้าง ถึงจะขึ้นชื่อเรื่องความชั่วร้าย ทว่าตั้งแต่มีผู้กล้าจุติ เผ่าปีศาจก็ถูกกวาดล้างและถูกช่วงชิงพลังเวทไปไม่น้อย แม้จะมีบางส่วนที่แฝงตัวอยู่ในหมู่บ้านติดชายขอบ หากก็เป็นกลุ่มที่ถูกขับไล่จากดินแดนรกร้าง ไม่มีอิสระในชีวิตสักเท่าไร และยังซ่อนตัวได้เก่ง แต่เรื่องนั้นช่างเถอะ
“ใช่ ตลอดมาเจ้าพูดเสมอว่าไม่ชอบวิธีการของพวกผู้กล้า ต่างจากลีลีสต์...ช่างเถอะ ข้าก็ไม่ได้หวังว่าเจ้าจะรุกรานดินแดนมนุษย์ได้สำเร็จอยู่แล้ว เรื่องหลังจากนี้อาจจะยากสำหรับเจ้า ว่าแต่ พลังจอมมารของเจ้าเป็นยังไงบ้าง”
รีชม่อนหลุบตามองมือตัวเองพร้อมกับกำๆ แบๆ
“ถึงจะมีพลังเวทมากกว่าเดิม แต่ก็ยังสู้ผู้กล้าไม่ได้อยู่ดี”
มันจะมีความหมายอะไรหากยังแพ้ผู้กล้า คิดแล้วก็อยากถอนหายใจอีกหลายๆ รอบ
“ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ถ้าหากเจ้าพิชิตดันเจี้ยนได้มากกว่าผู้กล้าแล้วยังแพ้ นั่นละถึงจะเป็นเรื่องที่แปลก อีกอย่าง จุดประสงค์จริงๆ ก็ไม่ได้ส่งเจ้าไปสู้กับเขาอยู่แล้ว”
รีชม่อนพยักหน้า ก็นั่นสินะ แผนเดิมที่ธีโอราสบอกคือรุกรานไม่ใช่ต่อสู้ ไม่อย่างนั้นธีโอราสคงแนะนำให้เขายกทัพไปมากกว่านี้ เป็นเขาที่ตีความหมายผิด ไม่รอบคอบ ยึดติดกับเนื้อเรื่องในมังงะมากเกินไป
คิดจบ รีชม่อนก็ถามธีโอราส
“แล้วข้าควรจะทำยังไงต่อ”
ธีโอราสแสดงสีหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจัง พลางมองรีชม่อนที่นั่งอยู่บนเตียงเป็นระยะ
รีชม่อนนั้นมีความเย่อหยิ่งอย่างสูง อาจเพราะกำเนิดจากราชินีเอลฟ์เหมือนกับลีลีสต์ แต่กลับกลายเป็นดาร์คเอลฟ์ เป็นตัวตนที่สะท้อนด้านมืดในจิตใจของราชินี...ไม่ต้องคิดเลยว่า รีชม่อนจะขอคำแนะนำจากธีโอราส เพราะแม้ว่ารีชม่อนจะแข่งขันกับลีลีสต์มาตลอด แต่กลับไม่เคยทำสำเร็จสักอย่าง จึงได้หยุดเรียนรู้ หยุดพัฒนาตัวเอง และเปลี่ยนมาทำตามใจ
ทว่าการที่รีชม่อนบอกว่าจะปกป้องเผ่าพันธุ์ปีศาจ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องโกหก
แม้ตัวตนของรีชม่อนจะมีความขัดแย้งอยู่เยอะ แต่ก็ไม่ใช่คนทรยศแน่ๆ
“ทำไมเจ้าไม่ลองเข้าไปในดันเจี้ยน พัฒนาฝีมือกับเหล่าอสูรคลั่ง ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น”
ธีโอราสเสนอความคิด
ดินแดนรกร้างมีความเข้มข้นของพลังเวทด้านลบหลายระดับ มีภูมิประเทศที่ซับซ้อน และเป็นสถานที่อาศัยของเหล่าเผ่าพันธุ์อันชั่วร้าย ยิ่งเข้าไปในตำแหน่งที่ลึก ยิ่งจะได้พบกับปีศาจที่มีพลังเวทร้ายกาจ
ตัวอย่างเช่น ปราสาทจอมมารซิกเนอร์ที่ตั้งอยู่ทางตอนบนของดินแดนรกร้าง เป็นสถานที่ที่มีพลังเวทด้านลบรุนแรง ดังนั้นจึงเป็นแหล่งรวมปีศาจชั้นสูง และไม่มีมนุษย์หน้าไหนกล้าเข้าใกล้
ถ้าให้พูดเป็นภาษาเกมเมอร์ (ผู้เล่นเกมทุกระดับ) ดินแดนรกร้างแบ่งออกเป็น 5 โซนใหญ่ๆ แต่ละโซนมีความเข้มข้นของพลังเวทด้านลบต่างกัน แบ่งเป็นแร้งค์ก็คงจะได้ตามนี้
(ปราสาทจอมมารซิกเนอร์) อยู่ทางเหนือของดินแดนรกร้าง รวมถึงสถานที่ที่ยังไม่ได้บุกเบิก จัดอยู่ในแรงค์ S-SS
(สุสานหนาวเหน็บ) อยู่ทางใกล้กับปราสาทจอมมารซิกเนอร์ จัดอยู่ในแร้งค์ A-A
(ถ้ำแห่งความสงสัย) อยู่ระดับกลางของดินแดนรกร้าง จัดอยู่ในแร้งค์ B-B
(ทะเลทรายพิพากษา) อยู่ระดับล่าง จัดอยู่ในแร้งค์ C-C
(ป่าไม่หวนคืน) ดินแดนรกร้างโซนนอก และอยู่ระดับล่างสุด ใกล้กับหมู่บ้านชายขอบของอาณาจักรกริฟส์ จัดอยู่ในแร้งค์ D-D
ทั้งนี้ แม้มีความซับซ้อนทางภูมิประเทศ แต่ถ้าคนคนนั้นมีเวทเคลื่อนย้ายระดับสูง หนำซ้ำถ้าหากเคยมาแล้ว ก็จะสามารถเข้าออกดินแดนรกร้างได้อย่างง่ายดาย
และอีกอย่าง แต่ละสถานที่ตั้งจะมีคุกใต้ดินซึ่งเรียกกันว่าดันเจี้ยน เหมือนกับที่อยู่ในดินแดนของมนุษย์ ในนั้นจะมีปีศาจและอสูรที่ไร้จิตสำนึก หรือที่เรียกว่าอสูรคลั่งถูกกักขังเอาไว้
รีชม่อนครุ่นคิด หลังได้รับคำแนะนำจากธีโอราส
หมายความว่า เขาจะพัฒนาตัวเองในสถานที่อันตรายในดันเจี้ยน หรืออยู่อย่างไร้จุดหมายแบบนี้ต่อไป ถ้าเลือกอย่างแรกก็เท่ากับออกจากเนื้อเรื่องหลัก แต่ตัวเขาอาจจะเก่งขึ้นจนต่อกรกับผู้กล้าได้อย่างทัดเทียม หรืออย่างน้อยๆ ก็สามารถปกป้องร่างกายอันบริสุทธิ์ผุดผ่องนี้ได้ แต่ถ้าเลือกอย่างหลังก็เหมือนพาตัวเองไปตาย!
ทว่า...รีชม่อนได้รับพลังมหาศาลจากการเลื่อนขั้นเป็นจอมมาร ผลพลอยได้คือมีเวทเคลื่อนย้ายระดับสูง ดังนั้นต่อให้อยู่ในดันเจี้ยนที่ลึกที่สุดก็ยังสามารถใช้เวทเคลื่อนย้ายกลับมายังปราสาทจอมมารได้
...ฉันนี่มัน ขี้โกงชะมัด
แต่ก็น่าเสี่ยงดูสักครั้ง
“เหมือนจะคิดได้แล้วนะ”
ธีโอราสพูดอย่างรู้ทัน
รีชม่อนยักไหล่ “ก็นะ ถ้าทำให้ข้าพัฒนาจนต่อกรกับผู้กล้าได้ มันก็น่าลองไม่ใช่เหรอ และข้าก็ไม่อยากเป็นแค่ตัวแทนของลีลีสต์ด้วย”
“หึ อย่าฝันเพ้อไปหน่อยเลย ผู้กล้าไม่ได้ต่อกรด้วยได้ง่ายๆ แต่ก็เอาเถอะ ในฐานะคนที่เลี้ยงดูพวกเจ้ามา เห็นเจ้าฉลาดขึ้น ข้าเองก็ดีใจ”
จะชมหรือจะด่าเอาให้แน่ รีชม่อนคิดพลางมองค้อนธีโอราส หากไร้ซึ่งความโกรธ
แต่ก็น่าแปลกนะ ตั้งแต่ต้น ธีโอราสไม่ได้พูดถึงผู้กล้าในด้านแย่ๆ
“เจ้าจะไปเมื่อไร” ธีโอราสถาม
“อาจจะหลังจากเยี่ยมแซนโซแล้ว” รีชม่อนตอบ
ส่วนเรื่องทางนี้ รีชม่อนไม่ได้เป็นห่วงเท่าไร เพราะต่อให้มีเขาหรือไม่มี ธีโอราสก็จัดการได้เรียบร้อยดีทุกอย่าง ความซื่อสัตย์ที่มีต่อราชินีเอลฟ์และจอมมารรุ่นเก่า ธีโอราสมีไม่น้อยกว่าคนอื่นๆ เลย