บทย่อ
เดิมที ‘เรนกิ’ ทำงานในแผนกวรรณกรรมทั่วไป แต่ 10 ปีที่ทุ่มเทให้กับงานกลับถูกผู้ใหญ่เนรเทศให้ไปอยู่หมวด BL ตลอด 2 ปีเต็มๆ เขาต้องหงุดหงิดกับความมืดมนและความตีสต์ขั้นเทพของนักเขียนนามว่า ‘ยูโกะ’ แต่ในที่สุดความทรมานใจเหล่านั้นก็จบลง เรนกิประสบอุบัติเหตุระหว่างทางไปอพาร์ตเม้นต์ของยูโกะ เป็นการปลดปล่อยที่ทำให้เขาถึงกับยิ้มและคิดว่า ในที่สุดก็หลุดพ้นจากพล็อตวายๆ น่าหงุดหงิดเสียที! ทว่า.... “ขอต้อนรับสู่โลกใบใหม่” เจ้านักเขียนตีสต์แตกพูดกับเขา เรนกิแตกตื่น โดยไม่ทันตั้งตัว วิญญาณของเขาได้เข้ามาอยู่ในร่างของจอมมาร ในมังงะ Yaoi 18 ที่ยูโกะเขียน ซ้ำยังเป็นฝ่ายรับ ถูกผู้กล้า(สายยัน)ข่มเหงตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่อง ไม่ว่าจะพยายามหลีกเลี่ยงอย่างไร แต่คนที่เข้ามาพัวพันกับเขาก็คือผู้กล้า และอีกอย่าง เขาได้พบความลับของโลกใบนี้ ซึ่งที่จริงแล้ว.....
Intro ความหงุดหงิดของเรนกิ
ก่อนวันปิดต้นฉบับมังงะรายสัปดาห์ ‘เรนกิ ซูซูกิ’ จะเหนื่อยมาก นอกจากร่างกายจะเหนื่อยแสนเหนื่อย ในหัวยังปวดตุบๆ ตลอดเวลา
เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะตั้งแต่ย้ายมาประจำแผนก BL ต้องรับมือกับความมืดมนและติสต์แตกของนักเขียนมังงะที่กำลังรับผิดชอบ และไหนจะต้องส่งงานไปแผนกตีพิมพ์ให้ทันเวลาอีก กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบ 23.00 น. ทุกวัน วันหยุดก็แทบไม่มี แล้วจะไม่ให้เหนื่อยสายตัวแทบขาดได้อย่างไร
‘จอมมารกับผู้กล้าเป็นของคู่กันไม่ใช่เหรอ?’ เป็นมังงะ Fantasy Yaoi บทบาทก็ตามชื่อเรื่อง จอมมารนามว่า ‘รีชม่อน ซิกเนอร์’ ชื่นชอบความรุนแรง รักความตื่นเต้น มักจะสร้างสถานการณ์ให้กับตัวเองเพื่อหาความสำราญ แต่ก็ไม่เคยรุกรานโลกมนุษย์ได้สำเร็จสักที เนื่องจากถูกผู้กล้ายับยั้งได้ทุกครั้ง
นอกจากนั้น ฉากจอมมารกับผู้กล้ารวมร่างกันยังมีแทบทุกตอน เป็นฉาก Hentai ที่เห็นไส้เห็นพุงจนหมด ทำเอาชายวัยสามสิบสองที่เป็นชายแท้คนนี้ปวดหัวตุบๆ แถมตอนพิเศษของแต่ละเดือน นักเขียนยังเซอร์วิสนักอ่านด้วยการใส่ฉากฮาเร็มระหว่างจอมมารกับตัวละครอื่นๆ และไม่ได้อยู่ในเนื้อเรื่องหลัก
อันที่จริง ก็อยากจะปฏิเสธงานนี้อยู่หรอก แต่เพราะผู้ใหญ่ให้เหตุผลอย่างสวยหรูว่า...
‘คำปรึกษาจากคนมีประสบการณ์มาสิบปีอย่างซูซูกิซัง และปั้นนักเขียนหลายคนให้ดัง ต้องเป็นประโยชน์กับดาวดวงใหม่ดวงนี้ได้แน่’
‘ยังไงก็ตาม ลองทำงานนี้ก่อนจนกว่าจะหาคนมารับผิดชอบอาจารย์ยูโกะได้ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยยื่นเรื่องขอย้ายกลับมาแผนกเดิม ดีไหม’
‘ฝากด้วยนะ ซูซูกิซัง’
แต่ก็เป็นเวลาสองปีแล้ว ที่ต่อให้เขายื่นใบขอย้ายแผนก หากพวกผู้ใหญ่กลับเลื่อนการพิจารณาออกไป แถมงานเขียนของอาจารย์ยูโกะที่ตัวจริงเป็นผู้ชายยังดังเอาๆ โอกาสที่จะกลับไปแผนกเดิมก็ยิ่งยาก
“ซูซูกิซังครับ อาจารย์ยูโกะส่งต้นฉบับมาแล้วนะครับ”
ระหว่างคิดอย่างเบื่อหน่าย เสียงของรุ่นน้องในแผนกดังขึ้น เรนกิดึงสติกลับมาปัจจุบัน ก่อนจะรีบตอบรับ
“เข้าใจแล้ว ขอบใจมาก”
เรนกิเดินไปหยิบต้นฉบับของอาจารย์ยูโกะมาจากเครื่องปริ้น พลางคิดว่าครั้งนี้ส่งต้นฉบับมาเร็วแหะ
แต่ว่า...
ต้นฉบับของตอนที่ 286 ช่วงต้นจอมมารสู้รบกับผู้กล้า และมีฉาก Hentai เหมือนอย่างเคย แต่ห้าหน้าสุดท้ายกลับไม่ตรงกับสตอรี่บอร์ด เพราะจอมมารดันมาโผล่อยู่ในราชวังกับเจ้าชายลำดับที่หนึ่ง ทั้งที่เนื้อเรื่องตรงนี้ ควรเป็นฉากที่จอมมารกับผู้กล้าวางแผนการต่อสู้ครั้งต่อไป
...เนื้อเรื่องที่จู่ๆ ก็กระโดดข้ามแบบนี้ หมายความว่าไงกันฟะ!
...หมอนั่นคิดจะเขียนอะไรกันแน่!!
เรนกิสูดหายใจเข้าลึกเพื่อระงับความโกรธ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ที่บันทึกไว้ เสียง “ตื้ด” ดังอยู่หลายครั้ง แต่ในที่สุด เสียงแหบแห้งเหมือนคนขาดน้ำ ทั้งอิดโรยทั้งขาดความมั่นใจของผู้ชายก็ดังขึ้น
[สะ สวัสดี-ครับ]
เรนกิ “สวัสดีครับอาจารย์ยูโกะ ขอโทษที่โทร.ไปรบกวนนะครับ แต่ต้นฉบับนี้ไม่เหมือนกับที่ส่งสตอรี่บอร์ดมาก่อนหน้านี้เลย หมายความยังไงกันครับ”
[เอ่อ...]
“ครับ?”
[ผะ ผมกลัวว่าจะลืมเนื้อเรื่องที่เพิ่งนึกขึ้นได้ ก็เลย...]
อ้อ เข้าใจแล้ว เป็นฉากที่เพิ่งคิดขึ้นได้สดๆ ร้อนๆ อาจารย์ยูโกะกลัวว่าจะลืม เลยใส่ฉากที่เพิ่งนึกออกลงมาในต้นฉบับที่กำลังจะพิมพ์ขายในวันพรุ่งนี้ ส่วนห้าหน้าสุดท้ายตามสตอรี่บอร์ดยังไม่ได้เขียน
เขาสูดหายใจลึกๆ เพื่อระงับปรอทความโกรธไม่ให้พุ่งจนถึงขีดสุด
“ถ้ากลัวลืมทำไมอาจารย์ไม่จดลงสมุดที่มีไว้สำหรับร่างภาพล่ะครับ เหมือนผมซื้อให้อาจารย์แล้วนี่”
[ผมหา-ไม่เจอ]
คำตอบนั้นทำเอาเรนกิถึงกับยิ้มเย็น โชคดีมากที่เป็นแค่การโทร.คุยกัน ไม่อย่างนั้น รอยยิ้มของเขาคงทำให้อาจารย์สุดติสต์และมืดมนหวาดกลัวจนแก้ไขงานไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นคงแย่
“แต่เราคุยกันแล้วนี่ครับ ว่าจะเขียนตามสตอรี่บอร์ด”
[ขะ ขอโทษ ผมจะรีบแก้]
“แล้ว อีกห้าหน้าอาจารย์จะเขียนเสร็จตอนไหนครับ”
[เอ่อ...นะ น่าจะ...พะ พรุ่งนี้]
อึก!
เสียงเส้นด้ายของความอดทนในหัวขาดผึ่ง
ไอ้หมอนี่เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า พรุ่งนี้เวลา 08.00 น. มังงะรายสัปดาห์ต้องวางขายบนชั้นหนังสือแล้ว ถ้าไม่รีบเขียนให้เสร็จภายในวันนี้ก็ไม่ทันกันพอดี อีกอย่างนะ เพราะรองานจากอาจารย์ยูโกะ แผนกที่เกี่ยวข้องเตรียมตัวมานานค้างที่บริษัทกันพร้อมแล้ว นี่ยังมาบอกว่างานเสร็จพรุ่งนี้
“อาจารย์ยูโกะครับ กรุณาทำงานให้เสร็จภายในวันนี้ ขีดจำกัดคือห้าทุ่มห้าสิบเก้านาที รบกวนด้วยครับ”
[ฮึก]
“อาจารย์ยูโกะ?”
[....]
“อาจารย์?”
[....]
ทว่าทั้งๆ ที่อาจารย์ยูโกะยังอยู่ในสาย แต่กลับไม่พูดเอาเฉยๆ ความตีสต์ระดับนี้ สองปีที่เรนกิทำงานร่วมกันมาพอจะมีวิธีรับมืออยู่บ้าง
ล่อด้วยของหวานและก้มหัวขอโทษจนกว่าจะพอใจ
เสียศักดิ์ศรีชะมัด แต่เพื่องานที่ต้องทำออกมาให้ตรงเวลา ต่อให้ก้มหัวให้กับคนอายุน้อยกว่าสิบสองปีก็ต้องทำ
“ขอโทษนะครับ แล้วผมจะเข้าไปหาอาจารย์เดี๋ยวนี้”
[อะ อื้อ]
ยอมตอบเสียที เรนกิบ่นในใจ ก่อนจะกดตัดสาย
เพื่องานที่ต้องออกให้ทันในสัปดาห์นี้ ต่อให้หงุดหงิดหัวใจขนาดไหน เขาก็ต้องยัดข้าวของใส่กระเป๋า แล้วออกจากสำนักพิมพ์
เป็นเที่ยงวันที่สว่างเจิดจ้า ถ้าเส้นทางการทำงานของเขาสว่างสดใสแบบนี้บ้างก็คงดี
ตอนนั้นเอง...
เอี๊ยด โครม!!
“เอ๊ะ ไม่จริงน่า”
“อุบัติเหตุ เรียกรถพยาบาลเร็ว!”
คนยิ่งปวดหัวอยู่ พอได้ยินเสียงดังโหวกเหวกใกล้ๆ ความหงุดหงิดก็ยิ่งจี๊ดขึ้นสมอง
ว่าแต่ว่า ทำไมมันมืดแบบนี้ล่ะ ไหนจะเสียงสัญญาณไซเรนนั่นอีก
ไม่นะ หรือคนที่ประสบอุบัติเหตุจะเป็นคุณลุงคนนี้
ในความคิดของเรนกิ ทุกอย่างรอบตัวเงียบไปสักพักใหญ่ๆ ก่อนเสียงหัวเราะหึๆ จะหลุดจากปากของเขา (ในความคิดน่ะนะ)
ถ้านี่คือการตายของเขาล่ะก็ สิ่งเดียวที่ติดใจก่อนตายก็คงเป็นเรื่องที่ต้นฉบับมังงะตอนที่ 286 ของเรื่อง ‘จอมมารกับผู้กล้าเป็นของคู่กันไม่ใช่เหรอ?’ จะส่งตีพิมพ์ทันหรือเปล่า แล้วใครจะมาแบกรับชะตากรรมต่อจากเขา
แต่ว่า...
ช่างมันเถอะ เพราะในที่สุดก็ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับตัวปัญหาอีกแล้ว หลุดพ้นได้เสียที
เสียงไร้ที่มา : แน่ใจเหรอ เรนกิ ซูซูกิ อ๊ะ! ไม่ใช่ ต่อไปต้องเรียกคุณว่า รีชม่อน ซิกเนอร์
เอ๊ะ!?
เสียงนี้มัน...แล้วไหนจะชื่อนั่น ทำไมฟังคุ้นหูจัง
เสียงไร้ที่มา : หึหึ
อย่าหัวเราะนะ แน่จริงก็โผล่หัวออกมาเซ่!
เรนกิที่ตกอยู่ในความมืด และต้องทนฟังเสียงน่ารำคาญตั้งแต่เมื่อครู่ หงุดหงิดเสียจนฉุนขาด ถึงจะไม่เข้าใจว่าตนที่ตายไปแล้วกำลังสื่อสารกับใคร แต่ก็พอนึกอะไรบางอย่างออกแล้ว
‘รีชม่อน ซิกเนอร์’ ก็คือจอมมารจากมังงะ BL ที่อาจารย์ยูโกะเขียน แล้วที่บอกว่าต่อไปต้องเรียกเขาอย่างนั้น มันหมายความว่ายังไง
ทันใดนั้น แสงสว่างสีน้ำเงินก็วูบวาบอยู่ตรงหน้า ใครบางคนที่มีกลิ่นของเครื่องปรุงราเมงถ้วยยืนอยู่ตรงนั้น มองเห็นแค่เงาร่างๆ แต่ก็รู้ว่าเป็นผู้ชาย คนคนนั้นยืนหลังงองุ้ม ผมเผ้ายุ่งเหยิง ทั้งเสื้อและกางเกงหลวมโคร่ง
นั่นอาจารย์ยูโกะเหรอ?
เหมือนว่าเขาจะขยับปากพูด แต่พอคิดดีๆ ปากของเขาไม่ขยับเลยสักนิด ถึงอย่างนั้น คนตรงหน้ากลับเข้าใจและตอบกลับมา
“ยินดีต้อนรับสู่โลกใบใหม่”
อาจารย์ยูโกะ?
เป็นเสียงของนักเขียนที่เขาต้องสู้รบตบตีมาตลอดสองปีจริงๆ เสียด้วย
ทั้งที่อุตส่าห์โล่งใจที่จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ แค่ได้ยินเสียงก็ปวดหัวตุบๆ ขึ้นมาเลย
“ขอโทษที่จู่ๆ ก็ชิงดวงวิญญาณของคุณมา แต่ผมไม่อยากให้คุณบก.ที่แสนดีของผมต้องตายไปทั้งๆ อย่างนี้”
จริงๆ ด้วย เป็นฝีมือของอาจารย์ยูโกะจริงๆ ไม่สิ ฉันควรถามว่านายเป็นใครกันแน่
“ผมยังบอกไม่ได้ แต่ว่า โลกที่ผมจะส่งคุณไป คุณเองก็รู้จักเป็นอย่างดี เลยไม่มีอะไรที่คุณบก.ต้องกลัว ผมจะจับตามองคุณ ไม่ใช่สิ เฝ้ามองเพื่อปกป้องคุณ”
ถึงจะแก้คำพูดใหม่ แต่มันก็น่าขนลุกนะเฟ้ย!
แต่ว่า เหมือนนายจะคุยเก่งขึ้นนะ
“ก็ผมไม่ชอบสื่อสารกับใครในชีวิตจริงนี่ เอาเป็นว่า ผมจะส่งคุณไปตอนนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”
เอ๊ะ?
“เสียดายที่จะไม่ได้เห็นคุณลุงวัยสามสิบสองนั่งก้มหัวให้ผมอีกแล้ว ถ้าคุณไม่หงุดหงิดและรีบร้อนออกจากบริษัทก็คงไม่ต้องเจอกับอุบัติเหตุหรอก อีกอย่างนะ มันทำให้ผมอดกินของหวานด้วย อุตส่าห์ตั้งตารอว่าวันนี้คุณจะซื้ออะไรมาให้ หึหึ”
เสียงหัวเราะนั้นมันอะไร หรือว่าหมอนี่ รู้อยู่แล้ว
“ขอให้โชคดีกับโลกใบใหม่ แล้วพบกัน คุณบก.ผู้แสนดี”
โชคดีงั้นเหรอ แค่เจอนายฉันก็โชคร้ายไปสิบชาติแล้ว และที่ว่าพบกัน หมายความว่ายังไง เฮ้ย อย่าหายไปดื้อๆ สิ
ไม่มีใครตอบกลับมาสักคน แสงสว่างสีน้ำเงินและเงาร่างของอาจารย์ยูโกะหายไป รอบตัวกลับมามืดมิดอีกครั้ง
ไอ้หมอนั่น เป็นใครกันแน่...!