6 ออกงานกับบอส
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก อย่ากลัว นิ่ง วางตัวให้ดูดีเข้าไว้ ผมบอกให้ทำอะไรก็ทำ เข้าใจไหม”
“ค่ะ วีจะไม่ดื้อ”
“นี่แหละ เลขาที่ดี เอาเป็นว่าคุณแต่งหน้า เติมสีสันให้กับตัวเองให้ดีก็พอแล้ว”
“ค่ะ เจ้านาย”
อรปวีรับปากกึ่งประชดด้วยความรู้สึกที่บอกกับตัวเองว่าไม่อยากไปงานนี้เลยเพราะไม่รู้ธีมของงานเป็นอย่างไร กลัวจะทำให้เจ้านายอับอาย ถ้าเผลอปล่อยไก่ออกไป ถ้าให้เลือก ขอที่จะทำงานดึก ๆ อยู่ในบริษัทมากกว่า
อรปวีนั่งถอนใจเฮือก โดยไม่รู้ว่ามีใครบางคนมองด้วยความสนใจ ก่อนที่จะเดินมาหา พร้อมเอ่ยเสียงถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณวี เป็นอะไรครับ ผมเห็นถอนใจดังเฮือก ๆ ราวกับมีเรื่องหนักอกหนักใจ จนแก้ปัญหาไม่ตก”
“อ้าว! คุณธาร ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
“แต่ผมเห็นคุณพลมาพูดอะไรกับคุณ ท่าทางเหมือนจะตำหนิ หน้าเคร่งเชียว แล้วคุณก็ถอนใจ ถ้าแก้ไม่ตก บอกผมได้นะครับ”
น้ำใจจากผู้ชายคนนี้มีมากเหลือเกิน แต่หญิงสาวไม่กล้าที่จะบอกเรื่องเกี่ยวกับการออกงานคู่กับชัชปพลในค่ำคืนนี้ สงวนเอาไว้เพียงผู้เดียว สำหรับธารในเวลานี้เป็นได้แค่เพียงเพื่อนร่วมงานเท่านั้น
“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้ หลังเลิกงานเป็นเพื่อนผมไปเลือกซื้อของขวัญให้หลานสาวผมได้ไหมครับ คือว่าวันเสาร์เป็นวันเกิดหลาน ลูกพี่สาวน่ะ”
“โอ ขอโทษจริง ๆ เย็นนี้วีไม่ว่าง มีนัดแล้วค่ะ”
“ว้า เสียดายจัง ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไร เช้าวันเสาร์ ผมขอความกรุณาคุณไปกับผมได้ไหมครับ อย่าหาว่ารบกวนเลยนะครับ แต่ผมไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรให้หลานจริง ๆ”
ในเมื่อตื๊อขนาดนี้ ถ้าไม่ไปก็คงกลายเป็นคนจิตใจคับแคบ อรปวีรับปากด้วยความเต็มใจ เพื่อไม่ให้เขารู้สึกแย่ไปกว่านี้
“ได้ค่ะ วีจะไปซื้อของเป็นเพื่อน”
“ดีใจที่สุดเลยครับ ผมดีใจที่มีเพื่อนน่ารักอย่างคุณ”
“ไม่แน่เสมอไปหรอกค่ะเพราะวีก็เป็นคนธรรมดา เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย คุณอาจตามอารมณ์ไม่ทัน แล้วพาลไม่ชอบหน้าก็ได้”
“คุณวีไม่เห็นร้ายสักหน่อย น่ารักมาก งั้นผมไปทำงานก่อนนะ วันเสาร์เจอกันครับ”
ชายหนุ่มยิ้มหวาน ดวงตาพราวระยับ ราวกับจะบ่งบอกความรู้สึกอะไรบางอย่างออกมา อรปวีไม่อยากคิดอะไรให้มากไปกว่านี้ นอกจากยิ้มเพียงอย่างเดียว ทั้งที่ความจริงวันเสาร์เธอต้องการพักผ่อนให้มากที่สุด
งานพบปะสังสรรค์ระหว่างนักธุรกิจอิมพอร์ตจัดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความหรูเลิศ ผู้หญิงและผู้ชายแต่งตัวด้วยเสื้อผ้ามียี่ห้อ ราคาแพง เครื่องประดับเพชรทองพราวไปทั้งตัว
อรปวีเห็นแล้วรู้สึกว่าตัวเองคือผู้ต่ำต้อย เรี่ยติดดิน ได้แต่เดินตามหลังชัชปพลอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว
“คุณพล วีไม่เข้าไปข้างในได้ไหมคะ”
หญิงสาวถามเสียงเบาหวิว ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอสั่นเพราะหวาดกลัวคนรวยหรือหนาวแอร์ที่เปิดเสียจนเย็นเฉียบ
ชัชปพลได้ยินดังนั้นหันมามองทำตาเขียวอย่างไม่ชอบใจนัก ดวงตาคู่นั้นเข้มเสียจนน่ากลัว เลขาสาวใจแป้วยิ่งกว่าเดิม
“ทำงานเป็นเลขาผม ต้องมีความกล้าสิคุณ จะกลัวอะไร”
“ก็...ก็ มีความรู้สึกว่าที่นี่ไม่เหมาะกับวีค่ะ”
อรปวีตอบด้วยเสียงเบาหวิว
“คิดมากน่า ถ้าคุณไม่หัดออกงานแบบนี้ เมื่อไหร่จะเก่งหรือว่าอยากจะหมกตัวเองอยู่แต่ในออฟฟิศล่ะ ความเจริญก้าวหน้าอยู่ที่ไหน”
เขาหันมาดุ ทำตาเข้มยิ่งขึ้น อรปวีมีความรู้สึกว่าพลาดอย่างมหาศาลที่พูดออกไปอย่างนั้น ทำให้เจ้านายโกรธ เผลอๆ อาจจะไม่พอใจปลดออกจากตำแหน่งเลขาก็ได้
“ขอโทษค่ะ พอดีไม่เคยเจอคนเยอะ ๆ แต่ละคนก็มีแต่ความร่ำรวย หรูหรา วีกลัวว่าพูดหรือทำอะไรออกไปจะกลายเป็นตัวตลก”
“คิดไปเองทั้งนั้น รู้เอาไว้ด้วย เธอน่ะมีความสามารถ เก่ง แต่ไม่นำออกมาใช้เท่านั้นเอง”
“ขอบคุณค่ะ ตอนนี้วีจะต้องทำอะไรบ้างคะ”
“ผมจะพาไปแนะนำให้คนอื่น ๆ รู้จักแล้วจดจำหน้าตา ชื่อ หน้าที่การงานหรือว่าเป็นเจ้าของกิจการอะไรเอาไว้ด้วย ถ้าเขาให้นามบัตร เก็บให้ดี อย่าให้หายเด็ดขาด อ้อ ลักษณะภายนอก นิสัยด้วยนะ”
“ถ่ายคลิปเอาไว้ด้วยไหมคะ”
“ถ่ายทำไม”
“จะได้จำได้ไงคะ”
“ไม่ต้อง เลขาที่ดีจะต้องรอบรู้ เก่งทุกอย่าง เข้าใจไหม”
เอากับเขาสิ เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับผู้ชายคนนี้ เวลาดุขึ้นมา น่ากลัวเสียจนไม่กล้าสบตา เธอได้แต่สงบนิ่งเพราะรู้ว่าเป็นแค่เพียงลูกจ้างเท่านั้น