บท
ตั้งค่า

บทที่ 3.2

ริมสระวันนั้น... ภาพในความฝันช่างรางเลือน นางมองเห็นความฝันไม่ชัดด้วยซ้ำว่าเกิดสิ่งใดขึ้น คลับคล้ายคลับคลาว่าพวกนางสามพี่น้องมีปากเสียงกัน ไม่ใช่...เป็นนางกับจวงอวี้ฮุยกำลังโต้เถียงกับจวงอวี้เจินอยู่ ทว่าด้วยเรื่องใดนั้นก็สุดจะรู้ได้ และสุดท้าย... อ๊า! เหตุใดจึงปวดศีรษะเพียงนี้

หรือจะเป็นร่างนี้ที่ผลักน้องสาวตกลงไป หรือหากไม่ใช่ก็คงเป็น...

จวงอวี้หลินตวัดสายตามองคนงามตรงหน้า “เรื่องที่ท่านเป็นคนผลักน้อง...”

“หุบปาก!” จวงอวี้ฮุยตวาดเสียงดังจนบ่าวไพร่ที่เดินผ่านไปมาขยับหนี แต่นางหาได้สนใจ “เจ้าอย่าลืมสิว่า วันนั้นเจ้าเป็นคนเดินไปตามเด็กคนนั้นมา ทุกคนในงานต่างเป็นพยาน หากท่านพ่อสืบความ คิดหรือว่าเจ้าจะรอดพ้นโทษ” เสียงกระซิบชิดใบหูของนางกดลึก แผ่วเบา ทว่ากลับเต็มไปด้วยความกดดันข่มขู่

เข้าใจแล้ว

เก้าในสิบส่วน ผู้ที่ผลักจวงอวี้เจินตกน้ำในวันนั้นย่อมต้องเป็นคนตรงหน้า แต่เหตุใดร่างนี้จึงพลาดท่าตกน้ำตามลงไปด้วย หรือจะกรรมตามสนอง? สนองเจ้าของร่างนี้เพียงผู้เดียวน่ะหรือ ช่างเป็นเวรกรรมที่เลือกปฏิบัติโดยแท้ นางแค่ทำหน้าที่ไปเรียกน้องสาว แต่ฝ่ายที่เป็นคนผลักกลับลอยนวล... นี่สวรรค์ก็ใช้หน้าตาเป็นมาตรฐานหรืออย่างไร

แค่งามไม่เท่า สวรรค์! ท่านต้องลำเอียงขนาดนี้?

ช่างเถอะๆ นางไม่ใช่ตุลาการตัดสินความผู้ใด กรรมของใครก็รับกันเองเถิด

“ไม่ใช่นะ ท่านเข้าใจผิดแล้ว ขะ...ข้าเพียงอยากจะหารือกับท่านพ่อด้วยเรื่องอื่น หาใช่เรื่องที่ท่านกำลังเอ่ยถึงไม่” นางแสร้งเอ่ยอย่างอกสั่นขวัญแขวน สวมบทบาทน้องสาวขลาดเขลา “ท่านก็ทราบ ข้าย่อมมิกล้าเอ่ยถึงเรื่องวันนั้นให้ท่านพ่อโมโหอีก วันนี้ที่ต้องการมาพบท่านพ่อก็เพียง... เพียง” สองมือบิดชายเสื้อไปมา แสดงท่าทางหวาดหวั่นเหมือนยามโดนเจ้านายเรียกเข้าห้องเย็นไปด่าเรื่องทำเงินเดือนพลาด กิริยาท่าทางที่แสดงออกมาจึงเป็นธรรมชาติสมจริงยิ่ง

“อ้อ...” จวงอวี้ฮุยพยักหน้าก่อนจะหลุดเสียงหัวเราะออกมา แววตาอาฆาตเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นหยอกเย้า เย้ยหยัน “ที่แท้เจ้าก็แค่หาข้ออ้างมาพบหน้าท่านรองอัครเสนาบดีไป๋เพ่ยจวินนี่เอง ไม่ฝันสูงไปรึ”

ไป๋เพ่ยจวิน? รองอัครเสนาบดี?

นึกไปถึงภาพของบุรุษที่กำลังสนทนากับบิดา ภายในห้องรับแขกโปร่งสบาย แสงแดดอ่อนๆ ลอดผ่านช่องหน้าต่าง ตกกระทบสองร่างที่นั่งเผชิญหน้ากัน บิดาของนางหันหน้าออกมาทางประตู แต่สายตาจดจ้องคนเบื้องหน้าซึ่งนั่งหันหลังให้นาง เรือนร่างของคนผู้นั้นสูงโปร่งสวมชุดสีฟ้าละมุนตา เส้นผมสีดำสนิทเกล้าไว้ด้วยกวาน ทำจากหยกเนื้อดี ผิวมันเรียบละเอียดอ่อน รอบกายคล้ายมีกลิ่นอายอันอบอุ่นนุ่มนวลชวนให้ชิดใกล้ แม้มิได้เห็นหน้า แต่นางกลับมั่นใจเกินสิบส่วนว่าบุรุษผู้นั้นย่อมหน้าตาดีเหนือคนทั่วไป

“ว่าอย่างไร ที่แท้วันนั้นเจ้าก็คิดจะใช้แผนสาวงามเพื่อผูกมัดใต้เท้าไป๋ใช่หรือไม่”

ไม่ใช่! นางข้ามมาภพนี้เพื่อตามหาท่านแม่ทัพในฝัน ส่วนตำแหน่งรองเสนบดีที่กำลังเอ่ยถึงนี้เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นมิใช่หรือไง แล้วคนที่ยังหนุ่มยังแน่นก็กินตำแหน่งใหญ่ อีกก้าวเดียวเขาก็จะอยู่ใต้คนคนเดียว แต่เหนือคนนับหมื่น คาดว่าอายุไม่น่าจะยั่งยืน คงใช้แต้มบุญไปเกือบหมดเพื่อคว้าโอกาสทางการงาน

ทางที่ดีนางไม่ควรยุ่งกับคนเช่นนี้เป็นดีที่สุด

“อะแฮ่ม ตัวข้าไหนเลยจะกล้า บุรุษสูงส่งเช่นนั้นย่อมต้องคู่ควรกับท่านมากกว่าเจ้าค่ะ”

“เด็กคนนี้ปากหวานเสียจริง แต่อย่าได้เอ่ยเช่นนี้ต่อหน้าผู้อื่น ข้าจะเสียหาย รู้หรือไม่” แก้มนวลแดงระเรื่อ สาวงามขัดเขินยิ่งดูน่ารักน่าทะนุถนอม

อือ... พี่สาวชมชอบให้แปะแผ่นทองบนหน้า9 ก็ไม่บอกแต่แรกเล่า จะยกยอตั้งแต่เจอหน้าจะได้ไม่เสียเวลามาเอาความกับนาง

“อ้อๆ” น้องสาวพยักหน้าทำตาใส “ข้ากระจ่างแล้ว เห็นทีท่านคงมีธุระกับท่านพ่อ เวลาไม่เช้าแล้ว ข้าคงต้องขอตัวก่อน ยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่บ้าง”

“เช่นนั้นก็รีบกลับไปพักผ่อนเถิด” พี่สาวตบหลังมือนางเบาๆ แล้วขยับเข้ามาใกล้ “อย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้เสียล่ะ”

จวงอวี้หลินเม้มริมฝีปาก ก่อนจะตวัดสายตามองอีกฝ่ายหน้าซื่อ “ผู้ใดจะกล้าลืมกันเล่าเจ้าคะ” นางยืนส่งจวงอวี้ฮุยที่เดินแยกไปทางห้องรับแขกจนลับสายตาแล้วค่อยผ่อนลมหายใจ ยกมือนวดขมับด้วยท่าทางเหนื่อยล้า แค่คุยกับพี่น้องยังต้องใช้สมองอย่างหนักไม่ต่างกับตอนถูกเจ้านายซัก เกรงว่าหากยังอยู่ที่นี่ต่อไป อายุขัยของนางคงสั้นลงหลายสิบปี เห็นทีต้องเร่งดำเนินการตามแผนที่วางไว้

“ไปเรือนน้องสาม” ประโยคเดียวของคุณหนูรองแทบจะแช่แข็งบ่าวข้างกาย แต่นางหาได้สนใจ ในหัวมุ่งคิดถึงแต่น้องเล็กในเรือนท้ายจวน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel