บท
ตั้งค่า

บทที่ 3.1 คงใช้แต้มบุญไปเกือบหมด

“แค่กๆ” เกิดความวุ่นวายโกลาหลขึ้นรอบๆ ตัวเธอ ลัลลินีรู้สึกเหน็บหนาว เนื้อตัวสั่นเทา

“แม่นมซางๆ คุณหนูฟื้นแล้ว ข้าจะรีบไปแจ้งฮูหยินรอง” เสียงเล็กค่อนข้างจะแหบพร่าดังขึ้นใกล้ๆ แต่ตัวเธอกลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะเปิดเปลือกตามอง หัวสมองหนักอึ้ง รู้สึกแสบทั้งโพรงจมูกและลำคอ เหมือนสำลักน้ำมาหลายต่อหลายครั้ง หน้าอกข้างซ้ายปวดแปลบแสบร้อน ทว่าสมองของเธอยังคงปกติดี นี่แค่ตกแอ่งน้ำข้างถนนทำไมร่างกายถึงได้ทรมานราวกับตกสระ เมื่อยล้าคล้ายถูกรถบรรทุกทับ

เอ๋?...เดี๋ยวก่อน รถบรรทุกทับ? นี่เธอถูกรถเมล์นรกนั่นชนจริงๆ ใช่ไหม ไม่ใช่แค่ล้มหน้าแหกลงในแอ่งน้ำ ลัลลินีพยายามจะยกแขนขึ้น ขยับขา ทว่าทั้งเนื้อทั้งตัวกลับหนักอึ้ง ก่อนที่สมองจะพร่าเลือน สิ้นสติไปอีกครั้ง

เธอสลบไปนานเท่าไรก็สุดจะรู้ รับรู้เพียงลำคอแห้งผากและร่างกายเมื่อยขบ

“น้ำ...” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาค่อนข้างหวานแม้ว่าจะแหบแห้ง

“คุณหนู...” เธอเพียงย่นคิ้วยามมีคนเข้ามาประคองตัวให้ลุกนั่งเอนหลังพิงหมอน พยายามจะฝืนเปิดเปลือกตา ไม่รู้ว่าหน่วยกู้ภัยพาเธอมาส่งโรงพยาบาลไหน ทำไมคนเฝ้าไข้ถึงเอาแต่เรียกเธอว่าคุณหนูๆ หรือเธอฝันอยู่ ในฝันนั้นฉายภาพเรื่องราวของเด็กสาวในยุคจีนโบราณคนหนึ่ง เล่าเรื่องราวตั้งแต่เกิดจนโต เธอได้แต่ยืนมองคล้ายกำลังดูละครเรื่องหนึ่ง ซึ่งนางเอกช่างจืดชืดไร้สีสัน ธรรมดาสามัญจนหากเป็นตัวละครหนึ่งในนิยาย ก็เป็นได้แค่ตัวประกอบหรือเอกซ์ตร้า ที่เดินผ่านฉากไปมาแล้วรับเงิน ให้นั่งนึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าจะใช่นางเอกในนิยายสักเรื่องที่เคยอ่านมาหรือไม่

ชีวิตของเด็กสาวคนนี้นับว่าเกิดมาเพื่อเป็นตัวประกอบโดยแท้แน่นอน นอกจากจะเรียบง่ายแล้ว ชีวิตทุกอย่างยังนับว่าถูกต้องตามมาตรฐานจน... เอิ่ม... จนครบองค์ของการเป็นตัวประกอบ แม้ความฝันจะไม่เป็นรูปเป็นร่างชัดเจน ทว่าเสียงพูดคุยและเหตุการณ์ต่างๆ กลับดำเนินไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เธอพอจะจับเค้าลางได้ว่า ท่านราชครูผู้นี้เป็นบุรุษผู้เก่งกาจ มีปัญญาเฉียบแหลม ได้รับใช้ใกล้ชิดเป็นที่ปรึกษาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน

หลังตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ลัลลินีก็พบความจริงอันโหดร้ายที่ว่า จากยายป้าหัวหน้าแผนกบุคคล หล่นลงแอ่งน้ำข้างถนนทีเดียวกลับเด็กลงเป็นสิบปีเสียอย่างนั้น

ช่างเป็นโพรโมชันที่แสนดึงดูดใจ

แต่สวรรค์ช่วยถามความคิดเห็นกันก่อนได้หรือไม่

เมื่อพยายามทำความเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็พบว่าเธอได้เกิดใหม่ในร่างของเด็กสาวอายุสิบสามสิบสี่ปี ซึ่งอยู่ในยุคจีนโบราณที่ไม่เคยปรากฎในประวัติศาสตร์ นางเป็นบุตรีของราชครูจวง คนในจวนเรียกขานว่าคุณหนูรอง นามจวงอวี้หลิน มารดาเป็นบุตรสาวของคหบดีในเมืองหลวง เอ่ยอย่างซื่อตรงนับว่าเด็กสาวคนนี้มีทุกสิ่งครบครัน ทว่าทุกอย่างกลับมีลักษณะที่เรียกได้ว่า ‘กลางๆ

ช่างแตกต่างจากจวงอวี้ฮุย บุตรสาวของฮูหยินใหญ่ อายุเพิ่งจะย่างสิบห้าปี แต่กลับมีใบหน้างดงามล่อลวง ท่วงท่าสง่างามราวกับนางพญา ดวงตาหงส์ กิริยาสูงส่งสมกับเป็นธิดาของฮูหยินใหญ่ เมื่อหันกลับไปมองจวงอวี้เจินน้องสาวคนเล็ก ผู้เกิดจากอนุภรรยา นั่นก็สวยงามอ่อนหวาน หน้าแฉล้ม ดวงตาดอกท้อ ปากนิดจมูกหน่อย สมกับเป็นนางเอกดาวพระศุกร์ผู้ถูกพี่สาวกลั่นแกล้ง

เปรียบกับพี่สาวน้องสาว ตัวเธอเสมือนกระเรียนยืนกลางฝูงไก่8 เพียงแต่เขาเป็นกระเรียน เธอเป็นไก่ น่าคับแค้นใจยิ่งนัก

เพราะลำพังแค่ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์โดยที่ไม่มีใครสงสัยจนถึงขั้นเชิญนักพรตมาขับไล่วิญญาณ เธอก็พยายามเอาตัวรอดกว่าจะผ่านมาได้อย่างทุลักทุเล

หลายวันหลายคืนกับเปลี่ยนแปลงตัวเอง แม้จะมีความทรงจำจากร่างเดิม ทว่าผู้ควบคุมร่างยามนี้เป็นเธอ เช่น รู้ว่าการย่อกายคารวะทำอย่างไร ดั่งมีภาพฉายชัดอยู่ในหัว ทว่าครั้นจะให้ทำตามทันทีไหนเลยจะง่ายดายปานนั้น ทั้งหมดล้วนต้องฝึกฝนด้วยตัวเอง

ตอนนี้เธอไม่ใช่ลัลลินีอีกต่อไปแล้ว

“เจ้าหายป่วยแล้วรึ”

จวงอวี้หลินชะงักฝีเท้า เดิมนางตั้งใจจะมาพบบิดา ทว่าอีกฝ่ายกลับกำลังต้อนรับแขก ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะรีบกลับเรือนด้วยยังไม่พร้อมจะพบเจอผู้ใด แต่สวรรค์กลับไม่เข้าข้าง เมื่อหันกลับไปทางต้นเสียงก็ให้ตะลึงงัน

ให้ตายเถอะ ในฝันว่างามแล้ว ตัวจริงตรงหน้ากลับงามเหนือคำบรรยาย เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นเย้ายวนตา อายุเพียงสิบห้าปีทว่าสามารถครอบครองความงามได้ถึงเพียงนี้

จวงอวี้หลินหลุบตาพลางทอดถอนใจ สวรรค์ไม่รักนางจริงๆ

“ว่าย่างไร หายดีแล้วหรือ”

“เจ้าค่ะพี่หญิงใหญ่”

จวงอวี้ฮุยก้าวเข้ามาหา ยื่นนิ้วเรียวยาวราวกับหยกสลักเชยคางมนของคนตรงหน้าขึ้น “ใบหน้ายังซีดอยู่บ้าง เหตุใดเร่งออกจากเรือน”

“ข้า... อุดอู้อยู่แต่ในเรือนเลยรู้สึกเบื่อนัก จึงคิดจะออกมาเดินเล่นบ้าง” นางเอ่ยพลางตวัดสายตามองบ่าวข้างกายอย่างสื่อความหมาย หวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจและปิดปากให้สนิท

“ฮึ!” สาวงามตรงหน้าแค่นเสียง เลื่อนนิ้วผ่านปลายคางมนลูบวนบริเวณข้างแก้ม ยิ่งสายตาเหมือนมองทะลุถึงจิตใจยิ่งทำให้คนถูกจ้องขนลุก ยามใบหน้างามขยับเข้ามาใกล้ พาให้กลิ่นหอมของบุปผาเข้มข้นขึ้น “นึกว่าข้าไม่รู้รึ ว่าเหตุใดเจ้าจึงรีบแล่นออกมาจากเรือน”

ผู้เป็นน้องเพียงกลอกตาพลางคิด นี่ท่านมีความสามารถอ่านใจคนด้วยหรือ งามอย่างเดียวไม่พอ ยังมากความสามารถ

สวรรค์! ท่านลำเอียงเกินไปแล้ว ข้าขอประท้วง

“ที่เจ้ารีบเร่งออกมาพบท่านพ่อ คงต้องการจะฟ้องเรื่องวันนั้นกระมัง”

ฮะ?

“เอิ่ม...” จวงอวี้หลินพยายามขยับอวัยวะบนหน้าให้กลับเข้าที่ นางมั่นใจว่าเมื่อกี้คงเผลอทำหน้าตาประหลาดออกไป “ข้า... ท่าน... เอ่อ... พี่สาว” ให้ตายเถอะ นางงงไปหมดแล้ว ฟ้องเรื่องอะไร

“ข้ารู้ว่าคนขี้ขลาดอย่างเจ้าต้องเก็บความลับไม่อยู่ แต่อย่าลืมว่าเรื่องในวันนั้นเจ้าก็มีส่วนรู้เห็นด้วย”

เดี๋ยวๆ พี่สาวคนงาม ท่านพูดสิ่งใด เหตุใดข้าฟังไม่เข้าใจสักอย่าง

“ไม่ทราบว่าท่าน...” นางเหลือบตามองสีหน้าอีกฝ่าย “พูดถึงเรื่องใด”

“เรื่องริมสระวันนั้น เจ้าจงจำไว้ว่ามันเป็นเพียงอุบัติเหตุ เด็กนั่นพลาดตกลงไปเอง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel